“สว.สำรอง” ให้กำลังใจปธ.กกต. หลังมีข่าวลาออก

รัฐสภา 5 มิ.ย.- “สว.สำรอง” ให้กำลังใจประธาน กกต. หลังมีข่าวลาออก เหตุถูกบุคคลที่มองไม่เห็นกดดัน โดยขอให้ กกต.ทำงานอย่างสุจริต ตรงไปตรงมา พร้อมให้ทบทวนเรื่องการดำเนินคดีทางวินัย และพักงาน “แสวง” โดยให้เวลา กกต. 7 วัน ขณะที่เจ้าตัวควรลาออกหรือเว้นวรรคการปฏิบัติหน้าที่


กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อเรียกร้องความสุจริตและโปร่งใสในการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2567 โดยพล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ประเด็นแรก มีข่าวว่านายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. จะลาออกก่อนกำหนด จึงมีข้อห่วงใยว่าอาจถูกกดดันด้วยมือที่มองไม่เห็นหรือไม่ หรือเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวของท่านกับใครบางคนที่ทำให้ท่านอึดอัด อยากให้ท่านเข้มแข็งดูแลการตรวจสอบการเลือกสว.ที่ไม่สุจริตและ เที่ยงธรรมให้เรียบร้อยสะเด็ดน้ำ โดยไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดันใดๆ ขอให้คำนึงถึงประชาชน และประเทศชาติเป็นหลัก เหลืออีกนิดเดียว อยากขอเป็นกำลังใจให้ประธาน กกต. รวมทั้ง กกต. ทุกคนได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและเต็มความสามารถจนครบวาระ อีกทั้งขอประณามบุคคลหรือกลุ่มบุคคล รวมทั้งมือที่มองไม่เห็น โดยที่ตอนนี้คนทั่วบ้านทั่วเมืองคงพอมองเห็นแล้วว่าเป็นใครบ้าง ขอได้โปรดยุติการดำเนินการที่เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบและสิ่งต่างๆ ที่เป็นหลักของบ้านเมือง ขอให้ปลดปล่อย อย่าพันธนาการประเทศชาติต่อไปอีก

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวอีกว่า กรณีที่ สว. จำนวน 22 คน ยื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2568 ขอให้ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หยุดปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการสืบสวน สอบสวนการเลือก สว. และขอให้คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนกลางของ กกต. คณะที่ 26 หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เห็นว่าคณะสว.ดังกล่าว ได้กระทำการละเมิดต่อประมวลจริยธรรม หลายกรรมหลายวาระต่อเนื่องกันในความผิดที่เกี่ยวข้องกับการใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับตนเอง หรือผู้อื่น คุกคามข่มขู่การดำเนินการของฝ่ายข้าราชการประจำ และถือเป็นการใช้อำนาจ สถานะหน้าที่ของตน ก้าวก่ายข้าราชการประจำอันเป็นความผิด ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 (1) อย่างชัดแจ้ง โดยที่สมาชิกวุฒิสภากลุ่มดังกล่าวนี้ มีพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตในการได้มาเป็นสมาชิกวุฒิสภา และอยู่ระหว่างถูก ตรวจสอบ ซึ่งในประเทศไทยทุกคนควรอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน และต้องเสมอกัน ไม่ควรมีใครผู้หนึ่ง ผู้ใดที่จะมีอภิสิทธิได้รับการยกเว้นในการถูกตรวจสอบ


โดยปัจจุบันเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ดังนั้นการดำเนินการใดๆ ต้องมีความโปร่งใส โดยหน่วยงานหรือองค์กรอิสระทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการบนหลักธรรมาภิบาล และหลักนิติธรรม ไม่เอนเอียงหรือตกอยู่ภายใต้อิทธิพลใดๆ จึงขอเรียกร้องให้มีการดำเนินการบนหลักนิติธรรม ปราศจากการแทรกแซงหรือคุกคามจากอิทธิพลใดๆ

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นที่ 3 ขอให้ทบทวนคำวินิจฉัยของกกต.ที่ 5/2568 ลงวันที่ 6 ม.ค.2568 กรณี ยกคำร้องไม่เอาผิด นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ที่ถูกกล่าวหาว่าละเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ป้องกัน การนำโพยจัดตั้งเข้ามาในที่เลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 และยืนยันขอให้มี การดำเนินการตั้งคณะกรรมการทางคดีวินัยแก่ นายแสวง ตามที่ พ.ต.อ. มนัส นครศรี อดีตผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวหา รวมทั้งพักงานนายแสวง ระหว่างนี้ และเรียกร้องขอให้ นายแสวง ได้พิจารณาตัวเอง ด้วยการลาออก หรือเว้นวรรคในการปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ กกต. จนกว่าการพิจารณาเรื่องตรวจสอบการเลือก สว. ปี 2567 จะแล้วเสร็จ

และประเด็นสุดท้ายขอให้กำลังใจคณะกรรมการชุดสืบสวนไต่สวนกลาง คณะที่ 26 ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็ม ความสามารถ ไม่หวั่นไหวต่ออิทธิพล การข่มขู่ หรือคำติฉินนินทา หรือข้อร้องเรียนใดๆ เนื่องจากการปฏิบัติ หน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ ถือได้ว่ามีความตั้งใจ และมีประสิทธิภาพ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สามารถ รวบรวมพยานหลักฐานได้ จนมีหนังสือแจ้งผู้เกี่ยวข้องมารับทราบและแก้ข้อกล่าวหาได้จำนวนหลายราย จึงขอให้แน่วแน่ในการปฏิบัติหน้าที่บนความไว้วางใจ ความเชื่อถือ เชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนชาวไทยต่อไป


ด้าน พ.ต.อ.มนัส นครศรี อดีตผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งอ้างว่าเป็นบุคคลที่แจ้งให้นายแสวง ทราบถึงเบาะแสการฮั้วเลือก สว.ในวันเลือกสว.ระดับประเทศ แต่นายแสวง กลับไม่มีการดำเนินการและไม่มีการรายงานให้กกต.ทราบ โดยกล่าวว่าการที่ กกต. ตั้งคณะกรรมการไต่สวนชุดที่ 26 และทำการสืบสวนจนได้พบพยานหลักฐานว่าเป็นไปตามเบาะแสที่ตนได้เคยแจ้งต่อนายแสวง จึงเห็นว่าถือเป็นความปรากฏต่อ กกต.แล้วว่า การที่นายแสวง ไม่แจ้งเบาะแสการฮั้วเลือก สว.ในวันเลือกระดับประเทศให้กกต.ทราบ ถือเป็นกรณีความปรากฏว่านายแสวง กระทำผิดทางวินัย จึงจะยื่นหนังสือดำเนินการทางวินัยกับนายแสวง และมีคำสั่งให้นายแสวง หยุดปฏิบัติหน้าที่เสียก่อน โดยขอให้ดำเนินการภายใน 7 วัน หากไม่ดำเนินการตนจะนำข้อมูลนี้ให้กับผู้ที่มาขอเพื่อไปดำเนินการเอาผิด กกต.ตามมาตรา 157 ของกฎหมายอาญา

ด้านนายอัครวัฒน์ พงษ์ธนาชลิตกุล 1 ในกลุ่ม สว.สำรอง ยังตั้งขอสังเกตว่าเหตุใดนายแสวง ถึงหายไปในช่วงนี้ ว่า นายแสวง กำลังทำอะไรอยู่เงียบหายไปจากวงจรแต่พวกเราทราบ แอบส่งหนังสือสกัดเรื่องนั้นเรื่องนี้จริงหรือไม่ รวมทั้งคนใกล้ตัวยังส่งหนังสือมาประชาสัมพันธ์แบบหลับหูหลับตาแถลงการณ์ไปทั่ว ความผิดต้องเป็นกระบวนการ บ้านเมืองกำลังต้องการความสุจริตโปร่งใส เที่ยงธรรม ปราศจากการทุจริตคดโกง แต่นายแสวง ต้องยุติอย่ามายุ่งกับเรื่องนี้ ตามหน้าที่ของคณะกรรมการไต่สวนชุดที่ 26 ที่เขากำลังทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพราะถูกข้อครหาจากคนไทยทั้งประเทศ ว่ามีมลทิน อยากบอกว่าสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ขณะนี้ไม่ถูก สายสัมพันธ์ต่างๆที่เป็นมาในอดีต ท่านจะสนิทสนมกับผู้หลักผู้ใหญ่แถวจ.บุรีรัมย์มาอย่างไรไม่ทราบ ไปรับปากรับคำใครมาไม่ทราบ แต่มันกำลังเกิดปัญหาขึ้น นายแสวง ต้องเอาไปนอนคิดให้ดี นั่นคือกตัญญูวิบัติ ซื่อสัตย์วิบัติ ความกตัญญูที่ไปเอื้อต่อประโยชน์ แก่ขบวนการใดกระบวนการหนึ่งเพียงไม่กี่คน แต่มันทำความเสียหายให้กับประเทศชาติบ้านเมืองนับ 60 ล้านคน ความกตัญญู และความซื่อสัตย์ของท่าน ไปปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมาหรือไม่อย่างไร ท่านรู้อยู่แก่ใจขอให้ยุติกลับเนื้อกับตัวเป็นคนดี อย่าใช้ความกตัญญูซื่อสัตย์วิบัติโดยไม่ถูกต้อง ถ้านายแสวง เห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติบ้านเมืองเห็นแก่ประชาชน ขอให้ยุติการทำหน้าที่เลขาธิการ กกต.ที่จะมายุ่งกับการสอบฮั้วเลือก สว. ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปอย่างตรงไปตรงมา มันก็จะจบแล้ว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]