“โรม” แนะ รบ.สร้างความชัดเจน ใช้ทุกกลไกหาทางออก

รัฐสภา 5 มิ.ย.- “โรม” ซัด “นายกรัฐมนตรี” พลิกวิกฤติเป็นหายนะ บอกถึงเป็น “ฝ่ายค้าน” แต่ก็อยากสร้างบรรยากาศทีม “ไทยแลนด์” ติงใจเย็น งง เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวต้องทำอย่างไร แนะ รบ.สร้างความชัดเจน ใช้ทุกกลไกหาทางออก


นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรีในการตอบคำถาม เรื่องปัญหาปัญหาชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา เมื่อวานนี้ว่า ค่อนข้างเสียดาย เพราะที่ผ่านมารัฐบาลสื่อสารเรื่องนี้ช้ามาก ในขณะที่ประชาชนคาดหวังในคำตอบของรัฐบาลมาก ว่าจะมีมาตรการและแนวทางอย่างไร ในการรับมือกับท่าทีของกัมพูชา ไม่ใช่แค่เรื่องที่เขาต้องการส่งเรื่องไปยังศาลยุติธรรมโลก แต่มีหลายอย่างที่ต้องยอมรับว่าไม่ให้เกียรติไทย ซึ่งไม่ได้กระทบต่อรัฐบาลไทยเท่านั้น แต่กระทบกับคนไทยทั้งประเทศ การที่ประชาชนเห็นความขัดแย้งเขาก็ต้องคาดหวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร
มียุทธศาสตร์อย่างไร

“ทุกคนรู้ว่าเรื่องไทยกัมพูชามันต้องจบลงที่การเจรจา ใช้กลไกไหนอาจจะยังไม่มีใครทราบ แต่คงไม่ใช่การใช้กองทัพห่ำหั่นกัน อีกฝ่ายหนึ่งแพ้อีกฝ่ายหนึ่งชนะ มันคงไม่เป็นแบบนั้น คำถามก็คือ ก่อนที่คุณจะไปเจรจา โดยเฉพาะเวทีที่รัฐบาลหวังเป็นอย่างมาก วันที่ 14 มิ.ย. ก่อนจะถึงวันนั้น จะสร้างอำนาจต่อรอง อย่างไร สิ่งนี้เป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลจะต้องจำใส่ใจ และเข้าใจถ้าคุณมีอำนาจในการต่อรอง ไม่ว่าจะเจรจาเวทีไหนก็แล้วแต่ คุณจะอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบเสมอ“ นายรังสิมันต์ กล่าว


นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนรู้ว่ารัฐบาลอาจจะเปิดเผยไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยต้องพูดมากกว่านี้ เพื่อให้ประชาชนเห็นทิศทางและไว้ใจ ตอนนี้ประชาชนไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสายสัมพันธ์อะไรก็แล้วแต่ รัฐบาลต้องให้ความชัดเจน ว่าสายสัมพันธ์ส่วนตัว จะไม่อยู่เหนือผลประโยชน์ของประเทศชาติ และมันจะทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจ สุดท้ายอาจจะจบลง ที่การพัฒนาร่วมกัน ก่อนที่จะไปเจรจา รัฐบาลต้องทำให้เห็นว่าเรามีแต้มต่อมากที่สุด ต้องเป็นแต้มต่อที่ไม่ใช่แค่การดูพยานหลักฐาน แผนที่ แต่รวมถึงแต้มต่อทางการเมืองด้วย วันนี้ประเทศไทยอยู่ในจุดที่มีแต้มต่อทางการเมืองน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งแต้มต่อทางการเมืองนี้มีตัวอย่าง เช่น การส่งชาวอุยกูร์ ทำให้เรามีปัญหาในการคุยกับมหาอำนาจหรือบางประเทศ การเดินหน้าเรือดำน้ำจีน แม้ว่าจะถูกหลอกขนาดนี้ หากเราเดินหน้าแบบนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราต้องคิดให้ดี ว่าจะได้หรือเสียอย่างไร

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวอีกว่า ข้อเสนอของตน ชัดเจน ว่ามี 10 ข้อ หนึ่งในข้อสำคัญ ที่เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว คือการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปด้วย

เมื่อถามว่าการพ่วงเงื่อนไขปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะยากขึ้นหรือไม่ เพราะฝั่งกัมพูชาคงไม่ตอบรับ ง่ายๆ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้าในชั้นตำรวจมีการ ดำเนินการดีๆ ตนเชื่อว่าเราหาต้นตอได้ ยอมรับว่าไม่ง่ายในการไปจับกุมระดับบอสตัวใหญ่ได้ทันที แต่อย่างน้อย เป็นไปไม่ได้เลยที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะตั้งอยู่ในกัมพูชา ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากออกญาทั้งหลายในพื้นที่ และตนไม่ได้พูดถึงแค่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่กำลังพูดถึงความมั่นคงของคนไทย ที่ไม่ควรถูกหลอกเอาเงิน


เมื่อถามว่าสายสัมพันธ์ของนายกรัฐมนตรีกับกัมพูชา รวมถึงท่าทีการตอบคำถามของนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ จะสะท้อนได้หรือไม่ว่ามีการดีลผลประโยชน์บางอย่าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเหมือนกับที่หลายคนพูดว่า เมื่อเจรจากันโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว เราไม่รู้ในรายละเอียดจริงๆ ว่า ใช้กลไกอย่างไรหรือดำเนินการอย่างไร ตนในฐานะฝ่ายตรวจสอบก็ตรวจสอบได้ยาก

”คืออย่างไรครับ ยกหูฮัลโหลอย่างนี้หรือ มันทำให้การแก้ปัญหาเรื่องนี้ยาก เราก็ไม่รู้ ประชาชนก็ไม่สามารถไว้วางใจ เรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคลเราไม่สามารถห้ามกันได้ แต่อย่างน้อยที่สุด กลไกที่ควรจะได้รับ ความเชื่อมั่นก็จะจำเป็นต้องมี และต้องชี้แจงกับประชาชนเป็นระยะ ประชาชนเขาเป็นห่วงเรื่องนี้ ออกมาขอแสดงความเห็นมากมาย กว่าที่รัฐบาลจะออกแถลงการณ์มาใช้เวลานานมากเกินไปหรือไม่“ นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงการวางตัวของนายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ว่า ตนไม่ได้อยากตำหนิ ตนรู้ว่าตนเป็นฝ่ายค้าน ในแง่การเมืองระหว่างประเทศ เราก็อยากให้เกิดบรรยากาศทีมไทยแลนด์ แต่เมื่อวานท่าทีของนายกรัฐมนตรี เป็นท่าทีที่ไม่มีความเหมาะสม

”ท่านควรจะใจเย็นกว่านี้ ท่านกำลังพยายามบอกให้สังคมใจเย็น แต่ท่านกลับไม่ใจเย็น ตอบคำถามที่ผู้สื่อข่าว ซึ่งอาจเป็นคำถามที่ประชาชนจำนวนมากมีคำถาม ดังนั้น แทนที่จะใช้โอกาสนี้ในการที่จะสร้างความชัดเจนกลับไม่ใช้ ท่านได้พลิกวิกฤติให้เป็นหายนะโดยที่ไม่จำเป็น“ นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่าต้องใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการจบปัญหาเรื่องนี้หรือไม่ นายรังสิมันต์ ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่เป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ กัมพูชาพูดชัดเจนว่าเขาถือเอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นใหญ่ คำถามที่สำคัญคือเราจะถือเอาประโยชน์ตรงไหน ต้องสร้างความชัดเจน ตนพยายามเชื่อว่ารัฐบาลยึดเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ เราหวังว่าจะสร้างความชัดเจน ถือเป็นการติเพื่อก่อ อยากให้ใช้กลไกที่เรามีแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่าไปมองแค่กรอบ JBC การทูตไม่ได้หมายความว่าต้องคุยกับแค่ประเทศกัมพูชา แต่ต้องไปพูดคุยกับประเทศที่สามารถคุยกับประเทศกัมพูชาได้ด้วย

เมื่อถามว่าปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาหากยืดเยื้อไปจะทำให้ความนิยมของพรรคเพื่อไทยตกลฃหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนขอไม่ทำนายตอนนี้อย่างชัดๆ แล้วกัน เพราะทุกการกระทำของรัฐบาลและฝ่ายค้าน ล้วนเป็นโอกาสให้กับประชาชนใช้ในการตัดสิน ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหานี้ไม่ดี ก็เชื่อว่ามีผลกระทบเกิดขึ้น แต่ขอให้รอดูตอนจบดีกว่า ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไรหรือไม่จบก็ต้องติดตามดู ซึ่งเราเองก็พยามจะใช้กลไก กมธ.สนับสนุนงานของรัฐบาล และฝ่ายความมั่นคงในการแก้ปัญหา โดยในสัปดาห์หน้าตนได้นัดประชุมลับกับฝ่ายความมั่นคงฯ เรื่องชายแดนไทยกัมพูชา

“ดังนั้นขอร้อง อย่าบอกว่าเป็นเรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แชร์ไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็ไม่รู้จะสนับสนุนงานของท่านอย่างไร ประเภทที่บอกว่าให้เราหุบปากเงียบๆ ต้องถามว่าที่ผ่านมาเงียบๆ ไปแล้วรัฐบาลได้ใช้โอกาส ให้เป็นโอกาสหรือไม่ ก็ไม่ กลับพลิกโอกาสให้เป็นวิกฤต และพลิกวิกฤตให้เป็นหายนะ ผมมองว่าหากเป็นแบบนี้จะไปต่อลำบาก” นายรังสิมันต์ กล่าว.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) […]

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]