ทำเนียบ 4 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” บอก เลอะเทอะ หลังมีข่าว “เตีย เซ็ยฮา” ล็อบบี้ไม่ให้ปิดด่าน ยกมติครม. ย้ำ ไทยไม่รับอำนาจศาลโลกกรณีขัดแย้งไทย-กัมพูชา แจง ปมไทยเสียเปรียบเหตุปล่อยกัมพูชาล่วงล้ำ 200 เมตร
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีรัฐบาลออกแถลงการณ์การแก้ไขปัญหาชายแดนกัมพูชาโดยยึด 3 กลไก จะสามารถตัดเรื่องการนำไปสู่ศาลโลกได้หรือไม่ ว่า แถลงการณ์ดังกล่าวเป็นการหารือร่วมกัน สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กองทัพบก (ทบ.) กระทรวงต่างประเทศ สิ่งที่แถลงคือจุดยืนของรัฐบาล โดยอยากให้ประชาชนไปดูและศึกษา ซึ่งในแถลงมีเรื่องของการจุดยืนอธิปไตยของประเทศ ยึดมั่นในบูรณภาพเหนือดินแดนไทย รวมถึงสิทธิทางกฎหมายของไทย และแก้ไขปัญหาโดยหลีกเลี่ยงความรุนแรง ซึ่งปัจจุบันนี้รัฐบาลดำเนินการไปตามขั้นตอน และข้อเท็จจริงที่รับรู้ เราไม่ได้ทำตามอารมณ์ หรือความต้องการของใคร แต่ดำเนินการภายใต้การปกป้องของอธิปไตย
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ในบางเรื่องเราไม่ได้เอ่ยถึง เพราะเขาพยายามขยายวงไปถึงศาลโลก เราพยายามจะจำกัดวงไม่ให้ไปถึงจุดนั้น เราจะพูดเฉพาะจุดปะทะ และยึดเอ็มโอยู 43 เนื่องจากง่ายในการหาข้อสรุปร่วมกันได้ ขณะนี้สิ่งที่เกิดปัญหาบริเวณสามเหลี่ยมมรกต ต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาวเรากลับมาดูตรงนี้ ส่วนพื้นที่อื่นยังไม่มีอะไรรุนแรง เราอย่าไปเล่นเกมตามเขา เพราะจะกลายเป็นประเด็นที่นานาชาติเข้ามาและเรามั่นใจในจุดยืนของกระทรวงกลาโหมและกองทัพ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของชาติ ซึ่งจะกระทบกับเอกราชและดินแดนของประเทศไทย ไม่อยากให้ขยายวงกว้าง ซึ่งปัจจุบันนี้รัฐบาลพยายามจำกัดวงปมความขัดแย้ง เนื่องจากมีเรื่องที่จะต้องไปเจรจาต่อรองรวมถึงเรื่องทางเทคนิค ซึ่งสิ่งที่เราได้พูดคุยกับทางกัมพูชา และนายก ฯ ไทยได้คุยกับ นายกฯ กัมพูชา ตนก็พูดคุยกับรองนายกฯ กัมพูชา ทุกฝ่ายยอมรับแล้วว่าในวันที่ 14 มิ.ย. 2568 จะมีการประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) เขตแดนไทย-กัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เราควรจะคิดไปทีละขั้น หากการประชุมในครั้งนี้หาข้อยุติไม่ได้ ก็ต้องดูว่ามีกลไกอะไรอีก
นายภูมิธรรม กล่าวยืนยันว่ารัฐบาลเตรียมการทั้งหมดไว้แล้ว ในการต่อสู้ในแง่ของกฎหมาย การเจรจาร่วมตามกลไกต่าง ๆ และหากมีความจำเป็นทหารเตรียมการในแนวหน้าไว้หมดแล้ว ไม่อยากให้มีการปลุกปั่นหรือตำหนิกัน
“วันนี้แกนนำฝ่ายค้านก็มีโทนเสียงที่ดีขึ้น ไม่ใช่พูดตามอารมณ์และเอามัน เพราะเรื่องนี้ผิดพลาดนิดเดียวเสียหายใหญ่หลวง เราอยากได้เสียงสนับสนุนจากประชาชน เหมือนจากที่ประเทศกัมพูชาได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจากประชาชนของประเทศเขาเอง อยากให้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาไม่ใช่มานั่งตำหนิรัฐบาล ในขณะเดียวกันการปิดด่าน ก็มีกระบวนการขั้นตอนไม่ใช่ปิดไปทั่ว เรามีวิธีที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ไม่อยากจะไปพูดว่าเราดำเนินการในขั้นตอนไหนบ้าง เพราะไม่มีประโยชน์ต่อประเทศ อย่าไปอยากรู้มาก เพราะการเปิดเผยมากเกินไปก็จะสร้างความยุ่งยากในการเจรจา” นายภูมิธรรม
เมื่อถามว่า กระแสประชาชนไม่พอใจกับท่าทีของนายกฯ และนายภูมิธรรม นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราอยากลดความขัดแย้งไม่อยากยกระดับ ไปสู่ปัญหาระดับโลก ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาอีกมากมาย
“จะเรียกว่าเราใจเย็นก็ได้ เขากำลังร้อน เราก็เอาน้ำเย็นลูบ หากมองว่าเราไม่แสดงท่าทีก็พูดได้ แต่ในทางปฏิบัติได้เตรียมไว้หมดแล้ว แล้วยืนยันว่ามีความเข้าใจอันดีกับกองทัพ รวมถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ก็ได้คุยกันตลอด ไม่มีอะไรเลยที่เป็นปัญหา วันนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลจะมาโต้แย้งกัน เรามีจุดยืนว่าจะเจรจาเรื่องสันติ หาอนาคตจะนำไปสู่ความรุนแรง บรรทัดสุดท้ายเราก็มีความพร้อมหมด” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่ายุทธศาสตร์ที่รัฐบาลเตรียมไว้ ไม่มีประเด็นเรื่องของการนำไปสู่ศาลโลกใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลสมัย นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ที่มีมติครม. 12 มี.ค. 2567 โดยยืนยันว่ามีหนังสือลงวันที่ 19 มี.ค.2567 แจ้งให้หน่วยราชการทุกหน่วยทราบและให้ถือเป็นข้อปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด ว่าในการทำหนังสือสัญญา ระหว่างประเทศใด ๆ ให้ทำข้อกำหนด ไว้ว่า” ไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลไอซีเจ (ศาลโลก) ในทุกเรื่อง โดยให้เหตุผลว่าเพื่อมิให้กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ
ไม่ต้องถามเลยประเด็นนี้ และตนไม่อยากนำเรื่องนี้มาพูดให้มันกระจายไป ในขณะที่ประชาชนก็พยายามทำความเข้าใจ ในโซเชียลมีเดียที่ดูเหมือนจะเป็นเสียงของประชาชน เชื่อว่ามีการทำไอโอขึ้นมา พร้อมทั้งยืนยันว่าในชีวิตนี้ตนไม่เคยเจอกับ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา หลังจากที่เอไอทำรูปสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ลูบหัวตน
ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม จะปลดแม่ทัพภาคที่ 2 นั้น นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ก็ไม่รู้ว่าไปเอาข่าวมาจากไหน นี่คือการปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความระแวงแทงใจ ขอย้ำว่าเรื่องนี้สำคัญและจะกระทบกับเอกราชอธิปไตย ถ้าเราเดินไม่ดี เราหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดสงครามเพราะเห็นแก่ประชาชนตามแนวชายแดน
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า รวมถึงทหารที่ดูแลปกป้องอธิปไตย ซึ่งทหารไม่กลัว เพราะพร้อมรบตลอดเวลาอยู่แล้ว ทุกอย่างที่ได้วางไว้มีไทม์ไลน์ไว้ทั้งหมด ถ้าจะต่อสู้ทหารของชาติพร้อมอยู่แล้ว วันนี้ทำหน้าที่อย่างดี ยอมรับว่าคนของเราก็มีความอึดอัดในสถานการณ์ดังกล่าว แต่ก็ต้องรู้ด้วยว่าอะไรคือการทำงานเชิงยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาของชาติได้มากที่สุด อยากให้เข้าใจสิ่งนี้และให้อยากช่วยรัฐบาลด้วย
ส่วนที่มีการพบระเบิดในชายแดนไทย-กัมพูชานั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่รู้เลยว่าจริงหรือไม่ ยังไม่ได้รับรายงาน โซเชียลฯ รู้ก่อนตนซึ่งขอให้รอทางฝ่ายปฏิบัติ บางครั้งข้อมูลในโซเชียลมีเดียมีทั้งจริงและไม่จริง
เมื่อถามว่า แต่มีข้อมูลชัดเจนว่าทหารกัมพูชาล้ำก็มาในเขตแดนไทย 200 เมตร เป็นที่มาของการเสนอปิดด่าน เพื่อกดดันให้ออกจากจุดนั้น แต่มีการสั่งให้ชะลอการปิดด่านเอาไว้ก่อน ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบกัมพูชาไปแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ด่านต่าง ๆ ยังไม่ได้ได้รับผลกระทบอะไร และใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก
เมื่อถามว่าทหารพยายามเสนอปิดด่าน เพื่อไปกดดันให้ทหารกัมพูชาถอนกำลังออกจาก 200 เมตร นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เรื่องนี้มีกระบวนการอยู่แล้ว ขอให้เราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่
เมื่อถามย้ำอีกว่าในจุดนั้นทหารกัมพูชาเพิ่งล่วงล้ำมา นายภูมิธรรมกล่าวว่าต้องเอาหลักฐานทางอากาศมาชี้แจงกันซึ่งจะตอบโจทย์ทุกอย่าง อยากให้รอ
เมื่อถามอีกว่า ทางกัมพูชาย้ำออกมาได้มีการได้เปรียบไทยแล้ว ทางทหารจึงได้ขอให้นายภูมิธรรม ปิดด่านเพื่อกดดัน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ใช่ อยากให้ใจเย็น ล้ำหรือไม่ล้ำ มันมีแผนที่อ้างสิทธิ์ในพื้นที่นั้นอยู่แล้ว ต่างฝ่ายต่างประกาศอาณาเขต ซึ่งฝ่ายไหนเป็นคนละเมิดกลไกในเอ็มโอยู 43 จะดำเนินการเอง ซึ่งในแนวหน้ายังไม่ไปสู่จุดที่ปะทะกัน ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ยืนยันกับตน เราอยู่ในจุดที่เขาล้ำเข้ามาในไทยไม่ได้เด็ดขาด แต่จุดที่เป็นปัญหาอยู่เป็นจุดที่อยู่ในจุดที่อ้างสิทธิ์กัน
เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ทหารแจ้งว่าอย่างไรในเรื่องของการติดตาม นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เขาไม่ได้แจ้งว่าจะขอปิดด่าน เขาแจ้งว่าหากถึงจุดหนึ่งก็จะขอปิดด่าน ซึ่งตนก็บอกว่าปิดได้อยู่แล้ว แต่มองว่าในขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่จะไปถึงจุดนั้น ซึ่งเราก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะปิดด่าน ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์แต่ละวัน
เมื่อถามย้ำว่าแม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่ากัมพูชาล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย 200 เมตรนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้ไปดูในเวทีเจบีซี
ส่วนกรณีกระแสข่าว พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯ และรมว.กลาโหมกัมพูชา ได้โทรศัพท์มาหาเพื่อให้ปิดด่าน นายภูมิธรรม กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า อันนี้เลอะเทอะ แต่ยอมรับว่าได้โทรคุยกันจริง แต่ไม่ได้คุยกันมาก คุยเฉพาะบางส่วนที่เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้นำระดับสูงของกัมพูชา คือประเด็นสำคัญคือการอยากให้ใช้กลไกเจบีซี และไม่ให้เกิดความรุนแรง อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายแยกออกจากกัน เรายังไม่เคยพูดเรื่องปิดด่านเลย และมีการต่อรองให้มีการจัดประชุมเจบีซีให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
ส่วนกรณีที่มีกระแสปลุกปั่นให้เกิดการปฏิวัตินั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไรเป็นความเห็นของแต่ละคน แต่เชื่อว่ารัฐบาล ทหาร กองทัพคุยกันดีอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าเรือดำน้ำกับเรื่องเครื่องบินกริพเพนจะเข้าที่ประชุมครม.หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ยังไม่เข้า ส่วนที่กองทัพอากาศเตรียมแถลงเครื่องบินรบฟูงใหม่เป็นเครื่องบินกริพเพนนั้น กองทัพอากาศสามารถดำเนินการได้ แต่อย่างไรก็ต้องรอสัญญาณจากรัฐบาล จะแถลงอย่างไรก็ไเด้ แต่ถ้ายังไม่นำเข้า ครม. ก็ยังไม่มีผลอะไร.-315 -สำนักข่าวไทย