ทำเนียบ 2 มิ.ย.- รัฐบาล ย้ำเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูล ปี 68/69 เพื่อเข้าถึงสิทธิประโยชน์และการสนับสนุนจากภาครัฐ
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถนำข้อมูลจากทะเบียนเกษตรกรไปใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ โดยนำไปวางแผนพัฒนาการเกษตรให้เกษตรกร และเกษตรกรเองจะได้รับความสะดวกในการใช้สิทธิ์ขอรับการสนับสนุนช่วยเหลือ หรือรับบริการต่าง ๆ จากภาครัฐ โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ เป็นฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปี เมื่อทำการเพาะปลูกข้าว พืชไร่ พืชผักหรือพืชอายุสั้นแล้ว เกษตรกรควรขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนภายใน 15 วันหลังเพาะปลูก และไม่เกิน 60 วันก่อนเก็บเกี่ยว สำหรับไม้ผล ไม้ยืนต้น (พืชอายุยาว) เกษตรกรควรแจ้งขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรหลังปลูกแล้วไม่น้อยกว่า 30 วัน หรือที่ยังยืนต้นอยู่
ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐ ได้ 3 ช่องทาง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ดังนี้
วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่
สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมและร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชน หรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากนั้น เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ ให้ดำเนินการแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ ที่ตั้งแปลงที่ทำกิจกรรมการเกษตรอยู่
วิธีที่ 2 ดำเนินการด้วยตนเอง
เกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน Farmbook Application ส่วนเกษตรกรรายใหม่ หรือรายเดิม เพิ่มแปลงใหม่ สามารถแจ้งข้อมูลผ่าน e-Form ที่เว็บไซต์ efarmer.doae.go.th
สำหรับหลักฐานที่ต้องใช้ (กรณีติดต่อสำนักงานเกษตรอำเภอ) 1.บัตรประชาชน (ตัวจริง) 2.สำเนาหลักฐานถือครองที่ดิน และ 3.เกษตรกรรายใหม่ หรือรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ ต้องนำหลักฐานการใช้ที่ดิน (ตัวจริงหรือสำเนา) มาแสดงด้วย
“ข้อมูลทะเบียนเกษตรกรถือเป็นกลไกสำคัญที่ใช้ในการขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ การสนับสนุนปัจจัยการผลิต การส่งเสริมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือแม้กระทั่งการวางแผนด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในระดับประเทศ การที่เกษตรกรขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน จะเป็นประโยชน์กับตัวเกษตรกรเองโดยตรง ทั้งในแง่ของการได้รับสิทธิประโยชน์ การเข้าถึงความช่วยเหลือ และการพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืนในระยะยาว ขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรทุกคน อย่าละเลยหรือมองข้ามการขึ้นทะเบียน เพราะนี่คือรากฐานสำคัญของการพัฒนาเกษตรกรรมไทยให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง” นายอนุกูล ระบุ.-316-สำนักข่าวไทย