“ชูศักดิ์” รับปัจจัยทำให้วัดมีปัญหาคือเงิน-ผู้หญิง บอกต้องทำบัญชีให้ชัดเจน

รัฐสภา 31 พ.ค. – สส.พรรคประชาชน แนะสำนักพุทธฯ ให้วัดทำบันทึกบัญชีรายรับ-รายจ่ายแบบมาตรฐานเดียวกัน-ชัดเจน-ตรวจสอบได้ ด้าน “ชูศักดิ์” รับปัจจัยทำให้วัดมีปัญหาคือเงิน-ผู้หญิง บอกต้องทำบัญชีให้ชัดเจน ชี้สำนักพุทธฯ มีอำนาจแค่กำกับดูแลความเรียบร้อย เหตุมี กม.สงฆ์ ดูแลอยู่


นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ สส.นครราชสีมา พรรคประชาชน อภิปรายเกี่ยวกับงบประมาณของสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าวัดกลายเป็นแหล่งกระทำความผิดเกี่ยวกับเงิน เพราะไม่มีการตรวจสอบที่ดี รวมถึงมีกิจกรรมหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับเงินสด เงินบริจาค การเช่าวัตถุมงคลต่างๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่มีการกำกับดูแลดีพอในเรื่องบัญชี

จากการไปพูดคุยจากเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ตนได้ข้อมูลว่าเจ้าอาวาส พระ กรรมการวัดทั้งหลาย ไม่ได้ถนัดที่จะทำบัญชี ซึ่งในทางปฏิบัติการจัดทำรายรับ-รายจ่ายของวัดนั้น เป็นเพียงบัญชีที่บันทึกเอาไว้เท่านั้น และไม่มีความซับซ้อนใดๆ เป็นไปตามมาตรฐานทางบัญชี บางครั้งวัดจะบอกแค่ยอดรวมๆ ซึ่งการกำกับการดูแลเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีรับจ่ายของวัดยังไม่ได้ระบุชัดเจน เพราะกำหนดไว้เพียงให้จัดทำบัญชีวัด 2 เล่ม ได้แก่ สมุดเงินสด และบัญชีแยกประเภท เมื่อจัดทำบัญชีทั้ง 2 เล่มแล้วให้เก็บรักษาไว้ที่วัด เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบในการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ขอเป็นวัดพัฒนา และเผื่อมีชาวบ้านร้องเรียนเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีการกำหนดให้เผยแพร่ให้รับรู้ รับทราบ หรือตรวจสอบได้โดยทั่วไป และถือเป็นจุดเสี่ยงที่วัดจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดได้ และหากสำนักพุทธฯ ปล่อยวัดเป็นเช่นนี้ ชาวพุทธที่มีปัญญาคงไม่มีใครทำบุญกับวัดอีกแล้ว ไปทำบุญกับคนที่ควรได้หรือองค์กรที่โปร่งใสจะดีกว่า


นายฉัตร กล่าวต่อว่า ตนขอเสนอ 3 ข้อเพิ่มเติมแนวทางการทำบัญชีเงินวัดคือ 1.กำหนดให้สำนักพุทธฯ จัดทำแบบบันทึกบัญชีรายรับ-รายจ่ายทุกวัดให้มีมาตรฐาน และมาตรฐานเดียวกันทุกวัด 2.วัดต้องนำส่งบัญชีให้สำนักพุทธฯ จังหวัดทุกรอบ 1 เดือน และวัดต้องติดประกาศเผยแพร่ให้สาธุชนสามารถตรวจสอบได้ และ 3.กำหนดให้สำนักพุทธฯ แต่ละจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจนจะได้ไปตรวจสอบการทำบัญชีของทุกวันในเขตพื้นที่และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ รวมถึงต้องเปลี่ยนแนวคิดทำนุบำรุงทางกายภาพ เช่น เอาภาษีมาสนับสนุนเงินสร้างวัดปฏิสังขรณ์เสนาสนะ ซึ่งเป็นปัญหาไม่รู้ว่าหลักเกณฑ์หลักเลือกวัดที่ได้รับงบประมาณเป็นอย่างไร เปลี่ยนมาเป็นการตั้งงบเพื่อช่วยเหลือและตรวจสอบบัญชีของวัดดีกว่า

นายฉัตร กล่าวว่า งบเงินอุดหนุนการตรวจการคณะสงฆ์และตรวจตราพระสงฆ์ที่มีอาจจะไม่สมควรแก่สมณวิสัยและส่งเสริมการปฏิบัติงานของพระวินยาธิการ โดยในปี 62 มีงบประมาณเกือบ 13 ล้านบาท และเริ่มลดน้อยลงในปีถัดๆ ไป อาจจะเป็นเพราะภาวะโควิด-19 ซึ่งงบพระวินยาธิการ เป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้พระมือปราบที่มีจิตอาสาได้รับมอบหมายจากพระเถระให้เป็นผู้ตรวจตราสอดส่องคณะสงฆ์ และตั้งข้อสังเกตว่าหากเราสนับสนุนส่งเสริมการทำงานของพระวินยาธิการจะดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งมีความแตกต่างหากเปรียบเทียบกับตำรวจชั้นผู้น้อย ทางตำรวจมือปราบจะมีเงินเดือน มีสินบนนำจับ แต่พระมือปราบไม่มี

“ทำบัญชีวัดโดยกำหนดมาตรฐานชัดเจน ทำระบบให้โปร่งใสตรวจสอบได้ สนับสนุนให้การทำงานของพระวินยาธิการมีประสิทธิภาพเข้มแข็ง จึงเป็นการใช้ภาษีอย่างมีประโยชน์ ตรงวัตถุประสงค์ไม่ต้องอุดหนุนสร้างบูรณะวัดให้มากมาย ประชาชนชาวพุทธที่เลื่อมใสศรัทธาในวัด จะทำบุญกับวัดทำนุบำรุงพระศาสนามากขึ้นเอง” นายฉัตร กล่าว


จากนั้นนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงกรณีมีการอภิปรายเกี่ยวกับงบประมาณสำนักพระพุทธศาสนา ว่าเรื่องวัดไร่ขิง ที่เป็นที่สนใจของประชาชน เบื้องต้นหากดูพื้นฐานเงินที่เกี่ยวกับวัดจะมีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับเงินที่นำไปบริจาคและทรัพย์สินที่เกิดจากการจัดกิจกรรม ซึ่งปัญหาที่เกิดจากวัดไร่ขิง จะพบว่ามีที่ดินจำนวนมาก แต่ละปีวัดจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ มีการให้เช่าที่ ซึ่งตนทราบว่าราคาเช่าค่อยข้างแพงและรายได้จากการทำกิจกรรมประเภทนี้ค่อนข้างมาก แต่กลับไม่มีการทำบัญชีอย่างเป็นทางการ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบ แม้จะมีกฎกระทรวงที่ต้องส่งบัญชีให้กับมหาเถรสมาคม หรือสำนักพุทธฯ ได้ดู ซึ่งตนได้ดูว่าเรื่องนี้ไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม หากดูในอดีตวัดที่เกิดปัญหาจะมีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้จึงทำให้มีทรัพย์สินมากขึ้น จนในที่สุดเกิดการทะเลาะกันของฝ่ายต่างๆ

“ตนได้เข้าไปคุยกับพระผู้ใหญ่หลายรูป พบว่าพระเองก็ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง และจะมีปัญหาและจะทำให้เสียผู้เสียคน หากมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีการบริหารจัดการที่ดี รวมถึงเรื่องผู้หญิง ทั้งนี้ ตนได้ไปค้นในรัฐธรรมนูญ พบว่าสิ่งไม่เคยมีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ คือต้องมีกลไกและมาตรการในป้องกันไม่ให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินมาตรการและกลไกดังกล่าวด้วย” นายชูศักดิ์ กล่าว

นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า อำนาจสำนักพุทธฯ ไม่ได้มีอำนาจไปบังคับบัญชาได้โดยตรง เพราะมีกฎระเบียบ กฎหมายคณะสงฆ์กำกับดูแลอยู่ ซึ่งหน้าที่ของเรามีแค่เข้าไปประสานให้กิจการของพระพุทธศาสนาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีอำนาจในการตั้งงบประมาณ ซึ่งงบประมาณในปีนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และมีการให้นโยบายไปด้วยว่าจะต้องมีการออกระเบียบให้ชัดเจนสำหรับการนำเงินงบประมาณนี้ไปช่วยวัดต่างๆ ว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้พบว่ามีการประสานงบประมาณในการจัดทำเมรุเผาศพจำนวนมาก ขณะนี้ยังไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร จึงต้องมีการออกระเบียบกฎเกณฑ์ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาเกิดขึ้นเหมือนในอดีต.-315-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย