รัฐสภา 31 พ.ค. – “ประเสริฐ” ยันแนวทางจัดการน้ำของรัฐบาลเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ แจงเหตุดึง “งบกลาง” สนับสนุนการทำงานแบบบูรณาการ เพื่อความยั่งยืน ส่วนปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โวยกระดับ AOC จนได้รางวัลยูเนสโก ย้ำทุกการดำเนินการ ความเสียหายลดลง จ่อเสนอ “ร่าง พ.ร.บ.อุตุฯ” เข้าสภา หวังเป็นแผนแม่บทจัดการแผ่นดินไหวในอนาคต
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ลุกขึ้นชี้แจงในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) ถึงข้อซักถามเรื่องงบประมาณด้านทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพชีวิตของประชาชน ว่ารัฐบาลได้แบ่งแผนแม่บทออกเป็น 5 ด้าน
1.การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค คือน้ำกินน้ำใช้ของประชาชนไม่มีปริมาณเพียงพอและมีคุณภาพ 2.การสร้างความมั่นคงทางน้ำภาคการผลิต หมายรวมถึงภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
3.การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย เพื่อดูแลภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในตามแต่ละช่วงเวลา ทั้งภัยแล้งและภัยน้ำท่วม 4.การอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรน้ำ เพื่อให้มีการบริหารจัดการน้ำที่มีความยั่งยืนในอนาคต หรือระบบนิเวศในด้านต่างๆ และ 5.การบริหารจัดการ
นายประเสริฐ ย้ำว่าทุกเรื่องข้างต้นเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต้องมีการแก้ไขให้ได้ครบทุกมิติ บูรณาการในหลายหน่วยงาน มีทั้งโครงการขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เพื่อครอบคลุมในทุกพื้นที่ตามศักยภาพ
สำหรับการจัดการทรัพยากรน้ำในปีนี้เป็นการเสนอผ่านโครงการจังหวัด และคณะกรรมการลุ่มน้ำ ตามหลักให้ตอบสนองการทำงานในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง คาดว่าจะมีพื้นที่กว่า 2.2 ล้านไร่ ที่จะได้รับประโยชน์ ครอบคลุมประชาชนกว่า 8 แสนครัวเรือน ปริมาณกักเก็บน้ำเพิ่มขึ้น 450 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่ได้รับการป้องกันกว่า 4.4 แสนไร่ ป้องกันตลิ่ง 329 กม. มีการดูแลเรื่องบำบัดน้ำเสีย 1,215 แห่ง โดยแบ่งเป็นการอนุรักษ์ฟื้นฟูแม่น้ำลำคลอง 30 แห่ง ทั้งยังมีการแบ่งงบประมาณไว้ในหลายรูปแบบ ซึ่งในแต่ละแบบจะมีการดำเนินการที่แตกต่างกัน เพื่อการแก้ปัญหาอย่างมีนัยสำคัญ ตามความเหมาะสมของการแก้ไขปัญหาในแต่ละพื้นที่ ย้ำว่ามีการกระจายงบประมาณอย่างทั่วถึงเป็นธรรม
ส่วนความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ชี้แจงว่างบประมาณส่วนใหญ่ที่อยู่ในเล่มขาวคาดแดง เป็นงบประมาณขนาดใหญ่ที่มีความผูกพัน เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ สำหรับการจัดทำงบประมาณที่มีการจัดทำล่วงหน้า ซึ่งงบกลางนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง จากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สนทช. จึงต้องอาศัยงบการแก้ปัญหาให้ทันท่วงที ในการสนับสนุนงบประเรื่องต่างๆ โดยแบ่งเป็นอีก 5 ประเภท ยืนยันว่าการใช้งบกลาง ต้องดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนดให้แล้วเสร็จ นอกจากนั้นยังต้องเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือ ซ่อมบำรุง เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆ
นายประเสริฐ ยืนยันว่า รัฐบาลคำนึงถึงเหตุผลและความจำเป็นของงบประมาณแต่ละหมวด ตลอดจนการจัดสรรงบประมาณในระบบโทรมาตรเพื่อเตือนภัย จำลองการไหลเวียนของน้ำ ซึ่งเป็นไปตามแผนหลักของการบรรเทาอุทกภัย กว่า 9 แผนงาน ส่วนการตั้งงบประมาณที่กำหนดไม่เกิน 5 แสนบาท ในหลายโครงการนั้น ซึ่งอยู่ในส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจ จะใช้งบกลางเช่นเดียวกัน
ขณะที่การปราบปรามเรื่องอาชญากรรมออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการพนันออนไลน์ นายกรัฐมนตรีได้มีการเน้นย้ำและกำชับตลอดว่าให้มีการรายงานผลการปราบปรามต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกเดือน เพื่อติดตามความก้าวหน้าและดำเนินการเชิงรุก โดยกระทรวงดีอีได้ดำเนินการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งศูนย์ AOC 1441 ได้รับการยกฐานะเป็นศูนย์ปฏิบัติการการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตามกฎหมายแล้ว เพื่อสนับสนุนตามแนวทาง จนองค์การยูเนสโกมอบรางวัลให้ พร้อมยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดนั้น มูลค่าความเสียหายลดลง ล่าสุด พ.ร.ก. 2 ฉบับซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ที่รัฐบาลเสนอ ได้ผ่านสภาฯ เป็นเรียบร้อยแล้ว
“มูลค่าความเสียหายเดิมวันละกว่า 100 ล้านบาท เมื่อรัฐบาลเข้ามาตกเฉลี่ยต่อวันแค่ 30-40 ล้านบาท ลดลงเป็นจำนวนมาก และจะดำเนินการต่อไป” นายประเสริฐ กล่าว
ส่วนเรื่องการปราบปรามการพนันออนไลน์นั้น กระทรวงดีอีมีการจัดทำข้อเสนอแนะให้ ครม. แล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการ เพื่อพิจารณาออกกฎหมายลำดับรอง ให้อยู่ในการควบคุมกำกับดูแลของรัฐเท่านั้น และป้องกันการทุจริต ตลอดจนการจัดระเบียบสังคม ไม่ให้เยาวชนมาเล่นพนันออนไลน์ หากอายุยังไม่ถึงตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้รัฐบาลสามารถกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ได้อีก รวมถึงสามารถจัดเก็บรายได้ได้ด้วย
ขณะที่การดูแลกรมอุตุนิยมวิทยา ภายหลังสถานการณ์แผ่นดินไหวที่จะเดิมใช้ชนิดแบบคาบยาวนั้น เป็นการจัดหาเพื่อทดแทนของเดิมที่มีอยู่แล้ว ให้เกิดความพร้อมในการใช้งาน และมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และเพื่อการเฝ้าระวังแผ่นดินไหวทำให้ภายในและนอกประเทศ โดยที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงกระบวนการ มาตรฐานการปฏิบัติงาน รวมทั้งการเกณฑ์การตรวจเฝ้าระวัง เพื่อลดระยะเวลา ให้สิ้นสุดกระบวนการไม่เกิน 20 นาที และล่าสุดมีการร่างพระราชบัญญัติอุตุนิยมวิทยาขึ้นมาแล้วด้วย พร้อมนำเสนอต่อสภาฯ เชื่อว่าเมื่อร่างแล้วเสร็จจะกลายเป็นแผนแม่บทในการกำกับดูแลทั้งหมด.-312-สำนักข่าวไทย