“สมศักดิ์” แจงยิบวีโต้มติแพทยสภา ยันไร้ใบสั่ง ปัดเอื้อ “ทักษิณ”

รัฐสภา 30 พ.ค.- “สมศักดิ์” แจงยิบ วีโต้มติแพทยสภา ยกโทษให้หมด แพทย์ไม่มีความผิด อ้างไม่อยากสร้างบรรทัดฐานใหม่ เกรงกระทบแพทย์ทั้งประเทศ ยันไม่มีใบสั่ง-ไม่ได้เอื้อ “ทักษิณ” ขึ้นศาล 13 มิ.ย. ไม่หวั่นถูกล่าชื่อถอดถอน บอกทำการเมืองมา 43 ปีแล้ว ไม่ห่วงเรื่องพวกนี้ มั่นใจไม่ใช่การเปิดศึกแพทย์ เพราะถ้าอยู่ในวิชาชีพจะรู้ว่าเป็นการปกป้อง


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงเหตุผลหลังวีโต้มติแพทยสภา ว่า หลังจากการพิจารณาในรายละเอียดขั้นตอนการพิจารณาลงโทษ 3 แพทย์ พบว่า คณะกรรมการจริยธรรมรับเรื่องรองเรียนพบว่ามีความผิด จึงส่งเรื่องให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งใช้เวลารวบรวมข้อเท็จจริงและพิจารณาถึง 4 เดือน ก่อนจะความเห็นว่านายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ผู้ถูกร้องที่1 ไม่มีความผิด ส่วนแพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ ในฐานะแพทย์ผู้ตรวจร่างกาย ขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ รพ.ราชทัณฑ์ ผู้ถูกร้องที่2 มีความผิด ลงโทษให้ว่ากล่าวตักเตือน ขณะที่พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ มีความผิดให้ลงภาคทัณฑ์ ส่วนพลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ คนปัจจุบัน ในฐานะผู้ออกใบความเห็นแพทย์ ไม่มีความผิด แต่เมื่อส่งเรื่องให้คณะกรรมการกลั่นกรองจริยธรรมกลับมีการพิจารณาปรับเพิ่มโทษแพทย์ 3 คน โดยใช้พิจารณาไม่ถึง 1 วัน ก่อนจะส่งความเห็นมาให้คณะกรรมการแพทยสภา ที่ใช้เวลาพิจารณา 7 วัน ก่อนมีมติเห็นตามคณะกรรมการกลั่นกรองจริยธรรม

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การพิจารณาวีโต้ในครั้งนี้ ได้ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเท่านั้น เพราะเคยส่งหนังสือขอข้อมูลจากคณะกรรมการกลั่นกรองจริยธรรม ถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับข้อมูลแต่อย่างใด โดยความเห็นที่วีโต้กลับไปนั้น คือ เห็นด้วยกับมติแพทยสภา ที่ไม่ลงโทษ นายแพทย์วัฒน์ชัย ส่วนแพทย์หญิง รวมทิพย์ ที่อนุญาตให้ใช้ใบส่งตัวเพื่อประกอบในการส่งผู้ป่วย เห็นว่าไม่มีผลต่อการส่งตัวเพราะมีผลตรวจของผู้ต้องขังในเวลากลางวันและเก็บผลไว้ ซึ่งแพทย์รายดังกล่าวไม่มีอำนาจในการส่งตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำ เพราะเป็นอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำ จึงยกประโยชน์ให้ผู้ถูกร้อง ส่วนพลตำรวจโท โสภณรัชต์ จากการย้อนฟังคำสัมภาษณ์พบว่าไม่เคยพูดว่าผู้ป่วยอยู่ในภาวะวิกฤต พูดเพียงว่าอาการหนักน่าเป็นห่วงและเป็นการสัมภาษณ์ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน อีกทั้งเป็นแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจที่ได้รับรายงานข้อมูลมาเท่านั้น จึงยกประโยชน์ให้ผู้ถูกร้อง ขณะที่พลตำรวจโท ทวีศิลป์ มีการเขียนคำสั่งแพทย์ควรให้รักษาในโรงพยาบาลโดยไม่ได้ระบุว่าที่ไหน ซึ่งการเขียนคำสั่งถือดุลยพินิจของแพทย์แต่ละคน ซึ่งผู้ถูกร้องทราบว่าผู้ป่วยมีโรค 14 โรค และรู้ถึงความซับซ้อนในการรักษา ต่างจากความเห็นของราชวิทยาลัยที่รู้เพียงบางโรคเท่านั้น การเขียนคำสั่งแพทย์จึงไม่อาจเหมือนกันทั้งหมด และคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่าไม่มีความผิด ตนจึงเห็นตามความเห็นดังกล่าว โดยส่งหนังสือความเห็นส่งให้แพทยสภาได้พิจารณาทบทวน


“การดำเนินการครั้งนี้ยึดข้อมูลอันเดียวกัน แต่มาตรฐานการลงโทษถ้าหากว่าเรายอมให้ปล่อยไป โดยการสร้างมาตรฐานใหม่ ผมเห็นว่าแนวทางของลงโทษแพทย์ทั่วประเทศต้องเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติใหม่ อัตราโทษที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่จะทำให้เดือดร้อนกันไปหมด ผมไม่สามารถมีความเห็นเป็นอย่างอื่นได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าแนวทางต่างๆ เหล่านี้ถูกเปลี่ยนให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่อยากให้มีมาตรฐานใหม่ และการดำเนินการที่เห็นอยู่หากเป็นไปตามธรรมชาติแล้ว ไม่มีอะไรที่ออกมาโวยวายหรืออย่างไร ไม่อยากให้มีความเคลื่อนไหว เพราะมันไม่เป็นธรรมชาติของแพทยสภา ที่ผ่านมาไม่เคยยับยั้งเลย เพราะไม่มีผู้ใดมาร้องเรียนหรือขอความเป็นธรรม แต่ครั้งนี้มีผู้มาร้องเรียนก็ควรที่จะพิจารณา ”

ส่วนที่มีการตั้งคำถามถึงความไม่เป็นธรรมชาติถึงการทำหนังสือวีโต้ เพราะแพทย์ที่ถูกร้อง 4 คน 1 คนถูกยกคำร้อง 1คนเสียงข้างมากให้ตักเตือน อีก 1 คน เสียงเอกฉันท์ให้พักใช้ใบอนุญาต และอีก 1 คน เสียงข้างมากให้ยกคำร้อง แต่กลับเลือกวีโต้เฉพาะมติที่ลงโทษแพทย์ 3 คนเท่านั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราดูแค่แนวทางแต่ไม่ได้ดูระเบียบกฎหมายราชทัณฑ์ ซึ่งไม่มีอำนาจส่งตัว แต่อนุโลมให้ใช้ข้อมูลเพื่อการส่งตัว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเป็นข้อมูลราชการใช้ตามระเบียบราชทัณฑ์

พร้อมกันนี้นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หากมติแพทยสภา วันที่ 12 มิถุนายน ลงโทษแพทย์ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของตน เพราะมีนักกฎหมายหลายคนช่วยกันดูแล้วมีข้อมูลแบบก้ำกึ่งๆ และอนุกรรมการเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ลงโทษไปแล้ว ยังจับเขามาลงโทษจะโหดร้ายไปหรือเปล่า ถ้าเป็นตนทำไม่ได้หรอกก็จะยกผลประโยชน์ให้


ส่วนที่มีการปลุกกระดมแพทย์ออกมาปลดท่านออกจาก รมว.สาธารณสุข นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไรเพราะตนอยู่กับการเมืองมานาน 43 ปีแล้ว ใช้เวลากับการเมืองนานพอสมควร ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ไม่เป็นไร ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หมายถึงพร้อมที่จะออกจากตำแหน่งใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า เป็นคนที่มีความพร้อม ไม่ตระหนกตกใจเรื่องอะไรทั้งสิ้น เราคิดว่าทำดีที่สุด และตรงไปตรงมา และมีเหตุผล ไม่มีการเอนเอียง เพราะหาเอนเอียงไปจะนอนหนาวสะท้าน แต่ถ้าแบบนี้จะทำให้รู้สึกสบายเพราะไม่ได้ไปทำอะไรที่เสียหาย พร้อมปกป้องงานนี้เพื่อไม่ให้มาตรฐานการลงโทษคนมีสติปัญญามันสมองล้ำเลิศ ดังนั้นควรควรใช้ความรู้ความสามารถเพื่อทำประโยชน์ให้สูงสุด

ส่วนที่หลายคนมองว่าการวีโต้ เป็นการเปิดศึกกับแพทยสภานั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่จริง แพทย์ถ้ายังอยู่ในวิชาชีพจะรู้ว่าตนออกมาปกป้อง เรื่องอัตราโทษที่เกิดขึ้นไม่ใช่การเพิ่มโทษ อย่างในอดีตที่มีการกระทำผิดในลักษณะนี้ก็มีการยกโทษให้ แต่วันนี้กลับมาโดนพักใบอนุญาต หากทำให้เขาตกงาน ครอบครัวพี่น้องเขาจะเป็นอย่างไร ตนมาเพื่อทำให้ทิศทางการลงโทษและอัตราโทษยังคงเหมือนเดิม ยืนยันว่าทำถูกต้อง เชื่อว่าไม่มีผลอะไรตามมา อย่าไปคิดมาก

นายสมศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีใบสั่ง การวีโต้ถ้าไม่มีข้อมูลทำไม่ได้ และไม่มีข้อมูลใหม่ จะสั่งตนได้อย่างไร ทั้งนี้ ไม่ได้คุยอะไรกับนายทักษิณในเรื่องนี้ มีแค่ไลน์หลุด ไม่มีการเอื้อนายทักษิณที่จะขึ้นศาลในวันที่ 13 มิ.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวถามถึง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง จะเข้าร่วมประชุมวันที่ 12 มิ.ย.หรือไม่ นพ.โอภาส ยิ้ม แล้วไม่ได้ตอบคำถามอะไร.-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

ภูมิต้านภัย : จับตาทุจริตงบซ่อม ฮ.ตำรวจ

กรุงเทพฯ 31 พ.ค. – คอลัมน์ “ภูมิต้านภัย” ตรวจสอบหาสาเหตุเฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตก 2 เหตุการณ์ในรอบ 1 เดือน หลังถูกตั้งข้อสังเกตถึงการนำ ฮ.ที่เสีย มาตั้งงบซ่อมแบบไม่ได้มาตรฐาน ทำให้นักบินต้องเสี่ยงชีวิตทุกครั้งที่ยก ฮ.ขึ้นน่านฟ้า. – สำนักข่าวไทย

นายกฯ บอกวันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ลั่นปรับ ครม. อะไรก็เกิดขึ้นได้

รัฐสภา 31 พ.ค.-นายกฯ บอกวันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ลั่นปรับ ครม. อะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนโยกกระทรวงให้ถาม “ทักษิณ” คนพูด ปมดึง มท. มาดูเอง ย้ำครอบงำไม่ได้ แต่พ่อให้คำปรึกษา ลูกรับไว้พิจารณา เผยยกหูหากลางห้องประชุมแล้ว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ว่า วันนี้ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไร ถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไร หากเป็นรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเดี๋ยวตนจะคุยเอง เห็นเป็นกระแสข่าวออกไปหลายอย่างมาก ทำให้รัฐมนตรีทุกคนรู้สึกหวั่นไหวและท้อใจ ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ซึ่งตนพยายามสื่อสารในพรรคเพื่อไทยว่าอย่างไรเดี๋ยวจะคุยเอง ส่วนคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้บั่นทอนจิตใจพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ เมื่อสักครู่ก็นั่งอยู่ข้างๆ กันไม่ได้มีอะไร ไม่มีใครถามถึงเรื่องนี้เลย เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยทำงานไม่ดีจริงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นั่นเป็นความคิดเห็นของนายทักษิณ แต่ตนยังไม่ได้ประเมินอะไร เดี๋ยวก็รอดู ส่วนมีการพูดคุยกับนายทักษิณ หรือไม่ว่าเหตุใดจึงให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า คุยกันทุกวัน หากถ่ายรูปมา เมื่อสักครู่ได้ตนก็คุยโทรศัพท์กับคุณพ่อ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าตอนนี้ถูกมองว่าเป็นการครอบงำพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรี […]

สภาผ่านฉลุย รับหลักการงบฯ 69 นายกฯ เชื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย

รัฐสภา 31 พ.ค.-สภาผ่านฉลุย รับหลักการงบฯ 69 วาระแรก เสียงท่วม 322 เสียง ตั้ง กมธ. 73 คน พบ “อนุดิษฐ์” โผล่เป็น กมธ.โควตารัฐบาล ด้านนายกฯ ขอบคุณสภาฯ ยันรัฐบาลจัดลำดับความสำคัญงบฯ ตามสถานการณ์ เชื่องบประมาณที่เสนอไปจะยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยทุกคน ตั้งใจใช้เป็นเครื่องมือสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันสุดท้ายของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยหลังจากใช้เวลากว่า 3 วัน รวม 41 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ด้วยคะแนน 322 ต่อ 158 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง และตั้งคณะกรรมาธิการ จำนวน 73 คน ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่า มีชื่อ […]

โฆษก ทบ. ยันสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยังไม่ถึงขั้นต้องปิดด่าน

กองทัพบก 31 พ.ค.-โฆษก ทบ. ยืนยันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่ถึงขั้นต้องปิดด่าน แต่ยอมรับว่า แนวทางการปิดด่านเป็นแผนส่วนหนึ่งที่หน่วยงานระดับพื้นที่อาจพิจารณาใช้ เพื่อดูแลความมั่นคงและความปลอดภัยประชาชน พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงกรณีกระแสข่าวการพิจารณาปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาบางจุดว่า ปกติจะเป็นส่วนหนึ่งของแผน สำหรับใช้ในการบริหารจัดการต่อสถานการณ์ ที่อาจส่งผลกระทบความมั่นคง และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ของหน่วยงานในระดับพื้นที่ปัจจุบัน ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การปิดด่านจะดำเนินการต่อเมื่อมีความจำเป็นจริง โดยในอดีตจะดำเนินการเฉพาะต่อเมื่อสถานการณ์ในพื้นที่นั้นๆ มีปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในระดับที่น่ากังวลสูง โดยเฉพาะข่าวสารที่น่าเชื่อว่าจะมีการใช้อาวุธระยะไกล ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชน สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน หากพิจารณาในภาพรวม ส่วนใหญ่มีความเรียบร้อย มีเพียงบางจุดบางพื้นที่เท่านั้นที่อาจมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดความน่ากังวลมากนัก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้อาศัยกลไกที่มีอยู่ในระดับพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน ภายใต้กรอบข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้ยึดถือกันอยู่อย่างเคร่งครัด.-313.-สำนักข่าวไทย