กทม.30พ.ค. – มท. แจ้งทุกอำเภอ เตรียมพร้อมขั้นตอนปฏิบัติการให้สถานะคนต่างด้าว ตามมติ ครม. 29 ต.ค. 67 โดยประกาศ มท. เริ่มรับคำขอได้ 30 มิ.ย. 68
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 67 อนุมัติหลักเกณฑ์การเร่งรัดการกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่มานานนั้น เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 68 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและอาศัยอยู่มานาน โดยประกาศฯ จะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้น 30 วันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยเริ่มรับคำขอได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 68 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายรวมถึงหลัเกณฑ์การได้รับสถานะเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย พร้อมกำหนดให้บุคคลต่างด้าวตามกลุ่มเป้าหมายที่มีความประสงค์จะขอมีสถานะดังกล่าวต้องรับรองตนเองว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ และยื่นคำขอต่อนายทะเบียน โดยกรณีมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นต่อผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคงภายใน กรมการปกครอง หากกรณีมีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอใด ให้ยื่นต่อนายอำเภอนั้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปโดยเรียบร้อยและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครองเตรียมการ และซักซ้อมความเข้าใจเพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทุกระดับสามารถปฏิบัติให้ถูกต้องในขั้นตอนของกฎหมาย ให้บริการด้วยความรวดเร็ว ได้แก่
- นัดรวมชาวบ้านกลุ่มเป้าหมาย โดยทางอำเภอลงพื้นที่เป้าหมายเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร คุณสมบัติ และหลักฐานในการยื่นคำขอ ก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้
- คัดกรองเอกสารหลักฐาน ตรวจสอบคัดกรองเอกสาร ได้แก่ 1) บัตรประจำตัวของกลุ่มเป้าหมาย (เลข 6 หรือ 0) 2) ทะเบียนบ้าน (ท.ร. 13) หรือทะเบียนประวัติ (ท.ร. 38 ข.) 3) แบบสำรวจที่ใช้ในการจัดทำทะเบียน เช่น ทะเบียนประวัติชุมชนบนพื้นที่สูง (สำหรับคนเลข 6) หรือแบบ 89 (สำหรับคนเลข 0) เป็นต้น
- กรณีคัดกรองแล้วเอกสารถูกต้อง กลุ่มเป้าหมายที่ตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน อำเภออาจใช้วิธีบันทึกบัญชีรายชื่อบุคคลดังกล่าวไว้ และแจ้งว่ามีคุณลักษณะที่จะยื่นคำขอได้ ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนและระยะเวลาของอำเภอในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานได้
- กรณีคัดกรองแล้วเอกสารไม่ถูกต้อง กลุ่มเป้าหมายรายใดที่ตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารหลักฐานไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วน ที่สำคัญได้แก่ กรณีแบบสำรวจฯ มีข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือขาดหาย เช่น ไม่ระบุสถานที่เกิดของผู้ยื่นคำขอ / ไม่ระบุปีที่เข้ามาในไทยของผู้ยื่นคำขอ / ระบุว่าผู้ยื่นคำขอเกิดในประเทศไทย หรือเกิดหลังจากที่หัวหน้าครอบครัวเข้ามาในไทย ฯลฯ
- นัดหมายแก้เอกสาร ซึ่งเป็นขั้นตอนถ้าหากมีเอกสารไม่ถูกต้อง อำเภอจะต้องนัดหมายวัน เวลา ที่จะให้มาแก้ไขรายการในแบบสำรวจฯ โดยให้ผู้ยื่นขอแก้ไข เตรียมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หรือพยานบุคคลที่ยืนยันรับรองตัวตนได้ จากนั้นแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นคำขอต่อไปได้ โดยแต่ละอำเภอสามารถปรับใช้ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมข้างต้นให้มีความเหมาะสมตามบริบทของพื้นที่ได้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการให้บริการพี่น้องประชาชนมากที่สุด.-319 -สำนักข่าวไทย