28 พ.ค. – “พิเชษฐ์” เดือดลุกแจง “งบฯ สภา” ตรวจสอบได้ ชี้จะได้งบเท่าไรขึ้นอยู่กับ กมธ. ลั่นอย่ารื้อบ้านตัวเอง ด้าน “รักชนก” เห็นด้วยไม่ควรพัง แต่ที่พูดในสภาฯ เพราะไม่รู้มีอำนาจพอหรือไม่ บอกอาย เพราะเป็นบ้านตัวเอง
ที่อาคารรัฐสภา การประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 1 กล่าวว่า นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน ได้พาดพิงถึงงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎร ที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคประชาชน ได้จุดกระแสงบประมาณ และทำให้เสมือนว่าในสภามีการโกงกิน คอร์รัปชัน เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ในสื่อหลายวัน วันนี้ต้องขอถือโอกาสใช้การพาดพิงถึงสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคงไม่มีท่านใดได้มาชี้แจง
นายพิเชษฐ์ ชี้แจงว่า วันนี้งบประมาณยังไม่ได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเลย ดังนั้น จะอนุมัติหรือไม่อนุมัติขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการวิสามัญที่เราจะตั้งขึ้นมา โดยอธิบายว่าเสาหลักของประเทศมีฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ และฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี ใช้งบกลางเป็นแสนล้าน ฝ่ายตุลาการศาล งบประมาณหลายหมื่นล้าน ในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นเสาหลักของประเทศ ตนเองขอเรียนว่าเราได้งบ 8,000 กว่าล้านบาท ในปี 69 และส่วนของสภาฯ ได้ 6,000 กว่าล้าน และวุฒิสมาชิกได้ 2,000 ล้าน ซึ่งสภาฯ เราได้ตรวจรับเมื่อปี 2567 เราใช้ฟรีมา 5 ปี โดยที่ไม่มีการซ่อมแซม และปรับปรุงใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่ก๊อกน้ำในห้องน้ำเราก็ซ่อมไม่ได้ เพราะเราไม่ได้รับการส่งมอบ โดยเมื่อรับส่งมอบแล้ว ต้องบำรุงรักษา น้ำรั่ว เพราะเราไม่ได้รับงบประมาณที่จะซ่อมแซมได้ เพราะอยู่ในสัญญา ดังนั้น เมื่อรับมอบแล้วจำเป็นต้องตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินการในส่วนที่ขาดอยู่ เช่น ที่จอดรถ การประชุมงบประมาณ 4 วัน ที่จอดรถไม่มี โดยบริเวณโดยรอบสภาพที่เป็นที่จอดรถทั้งหมด ไม่พอ ซึ่งพื้นที่ใช้สอยของสภาผู้แทนราษฎร 400,000 ตารางเมตร ถ้าจะให้สมดุลกับที่จอดรถจะต้องมีที่จอดรถถึง 7,000 คัน วันนี้เรามี 3,000 คัน ถือว่าผิดกฎหมาย โดยสัดส่วนแล้วพื้นที่ใช้สอยต่อที่จอดรถต้องสมดุลกัน ถ้าถามว่าทำไมตอนนั้นไม่ทำ เพราะงบประมาณของสภาในการก่อสร้างกว่า 2 หมื่นล้าน ถูกตัดเหลือ 1.2 หมื่นล้าน ทำให้ได้โครงสภาฯ หรือโครงสร้างมาก่อน และหาทางแต่งเติมให้สมบูรณ์ ดังนั้น เมื่อรับมอบแล้วต้องหาทางดูแลให้สมบูรณ์แบบสมศักดิ์ศรีฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศ
ส่วนศาลาแก้ว ทำไมต้องมีการปรับปรับปรุง ซึ่งเมื่อเดินออกไปศาลาแก้วทั้งสองหลังตะไคร่ขึ้นเต็มเลย ไม่มีใครเดินเข้าไปเหยียบ เพราะใช้ประโยชน์ไม่ได้ เราปรับปรุงเพราะว่าจะมีอนุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 7 ที่มาตั้งที่หน้าสภาฯ และศาลาแก้วต้องทำให้เกิดประโยชน์ให้สมดุลกับอนุสาวรีย์ที่จะมาตั้งในต้นปีหน้า ดังนั้น ในวันนี้ศาลาแก้วเริ่มผุพังแล้ว บางส่วนเป็นหลังคาเปลือย ไม่มีสิ่งห่อหุ้ม และร้อน จึงต้องตั้งงบประมาณปรับปรุงให้ใช้ประโยชน์ให้ได้
“ท่านตรวจสอบเลย แต่วันนี้งบประมาณยังไม่ได้รับเลย ถ้าทำแล้ว ตรวจสอบได้ นี่บ้านของเราเอง” นายพิเชษฐ์ กล่าว
ส่วนห้องประชุมงบประมาณ สมาชิกที่เคยเป็นกรรมาธิการจะรู้ว่านั่งอยู่ในนั้น 2 เดือน มันลำบากมาก ไม่มีที่วางเอกสาร มีจอคอมพิวเตอร์ที่บังหน้าทั้งหมด มองไม่เห็นใคร ด้วยการออกแบบที่จินตนาการของนักออกแบบ เมื่อทำมาแล้วมันใช้การไม่สะดวก ห้องงบประมาณที่อู่ทองในสมัยก่อนดีกว่านี้อีก จึงจำเป็นต้องปรับปรุงห้องงบประมาณให้เหมาะสมกับการประชุมที่ยาวนาน และนั่งทุกวัน ไปตรวจสอบได้เลยว่าจะมีการคอร์รัปชันหรือไม่
ส่วนห้อง 4D แอนิเมชั่น หรือห้องฉายหนัง รัฐสภาเก่าเรามีห้องฉาย ซึ่งบรรจุคนได้ 100-200 คน ฉายหนังให้พี่น้องประชาชนที่เข้ามาเยี่ยมชมสภาฯ ได้ดูประวัติศาสตร์ และความเป็นไปของประชาธิปไตย ซึ่งในวันนี้เรามาเยี่ยมสภาฯ ก็มาสวัสดีแค่นี้ ให้เขารู้ประวัติศาสตร์ และประชาธิปไตยให้ดื่มด่ำ และภูมิใจกับบ้าน ยืนยันว่าต้องทำ ท่านตรวจสอบได้เลย จะเป็นสิ่งที่ล้ำหน้า และทันสมัยไม่ได้หรือไม่เป็นต้นแบบของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไม่ได้หรือไม่ ดังนั้น ใครจะตรวจสอบก็ตรวจสอบได้ได้เลย
“ถ้างบประมาณผ่านก็ยินดีให้ตรวจสอบเต็มที่ ท่านพริษฐ์ ถ้าเก่งจริงท่านตรวจสอบงบประมาณของกระทรวงต่า งๆ เลย 20,000 กว่าหน้า ท่านตรวจสอบไปเลย นี่บ้านของเราเองมีงบแค่ 8,000 ล้านบาท จะมารื้อรั้วบ้านทำไม แน่จริงไปตรวจสอบงบประมาณกระทรวงทบวงกรมที่เป็นแสนแสนล้าน“ นายพิเชษฐ์ กล่าว
ทำให้นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน ใช้สิทธิพาดพิงกลับ โดยยืนยันว่าตนยังไม่ได้พูดว่ามีการทุจริตเลย แต่บอกว่าเป็นมิติใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ ต้องรอให้มีการทุจริต หรือมีการโกงกินเกิดขึ้นก่อน แต่นี่เราสามารถจับผิดได้ตั้งแต่งบประมาณยังไม่ถูกใช้ ซึ่งตนขอยืนยันว่า ไม่ใช่การกล่าวหา ซึ่งงบประมาณส่วนที่จอดรถ เราทราบกันอยู่แล้วว่า จำนวน 4,600 ล้านบาทนั้น ยังดีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่อนุมัติมา
นางสาวรักชนก กล่าวว่า คำถามของตนคือ เมื่อเราทำผิดกฎหมาย แล้วทำไมเราไม่หาคนที่ทำผิดกฎหมายมาลงโทษ จับติดคุก หรือทำอะไรก็ได้ ทำไมต้องนำงบประมาณของประชาชนไปโปะ เพื่อให้เรื่องที่ผิดกลายเป็นเรื่องที่ถูก โดยคนที่ทำผิดยังไม่ถูกลงโทษ
อย่างห้องคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำ และติดตามการบริหางบประมาณ สภาผู้แทนราษฎรซึ่งในสัปดาห์หน้าตนต้องเข้าไปนั่ง ขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ต้องใช้งบประมาณถีง 100 ล้านบาท ในการจัดการ ซื้อเก้าอี้ใหม่ให้พวกเราก็พอ จะได้นั่งสบายๆ กันสามเดือน ในส่วนอื่นของห้องไม่ต้องทำ เพราะยังใช้ได้อยู่
นางสาวรักชนก ย้ำว่า ตนการันตีได้และเห็นด้วยกับนายพิเชษฐ์ว่า เราไม่ต้องพังบ้านของเรา ตนเลยอายที่สภาฯ มีงบประมาณเหล่านี้ และถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สมเหตุสมผล ซึ่งตนไม่รู้จริงๆ ว่าตนเองหรือ สส.ของพรรคประชาชน จะมีอนุภาพมากพอที่ไปตัดงบประมาณที่มีความไม่สมเหตุสมผลเหล่านี้ได้หรือไม่ จึงต้องพูดถึงในวันนี้ เพราะสุดท้ายแล้วดีหรือไม่ ที่ประชาชนจะได้เห็นว่างบประมาณขอไปทำอะไรก่อนที่จะถูกใช้ ถ้าประชาชนชอบก็ฝากชมและฝากกดดันรัฐบาลด้วยว่านอกจากงบประมาณของรัฐสภาแล้ว เราอยากเห็นงบประมาณของกระทรวงอื่นๆ ที่อยู่ในชั้นคำของงบประมาณด้วย
นายพิเชษฐ์ จึงกล่าวย้ำอีกครั้งว่า ตนยืนยันที่จะถูกตรวจสอบ แต่ต้องทำ.-312-สำนักข่าวไทย