“โรม” ฉะรัฐบาลล่าช้า แก้ปมสารพิษปนเปื้อนแม่น้ำกก

รัฐสภา 22 พ.ค.- “โรม” จี้เรียงคน “นายกฯ-ภูมิธรรม-มาริษ” คุยจีนแก้ปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก ถามทำไมคนไทยต้องรับชะตากรรมทั้งที่ไม่ได้ก่อ ฉะรัฐบาลล่าช้า ทำคนมองไร้น้ำยา แก้ปัญหาไม่ได้ แนะฟ้องศาล บอกอย่างน้อยเอามาเรียกค่าเสียหาย


นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึง ปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงรายว่า คณะกรรมาธิการได้ลงพื้นที่ที่แม่น้ำกก พบสารหนูหนักที่สุด เกินกว่าค่ามาตรฐานจริงโดยเฉพาะบริเวณที่ไหลจากเชียงใหม่มาสู่เชียงรายจะมีความเข้มข้นมาก หากเรื่องนี้จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีเสนอให้ทำเขื่อน ตนไม่แน่ใจว่าเข้าใจผิดหรือมีคนมารายงานไม่ถูกต้องหรืออย่างไร จริงๆมีการเสนอให้ทำฝายไม่ใช่เขื่อน ซึ่งทำได้ตั้งแต่ฝ่ายชั่วคราวจนไปถึงฝายถาวร แต่อยู่ที่ว่าเราจะประเมินปัญหาว่าหนักแค่ไหนและจะกินระยะเวลาเท่าไหร่

ซึ่งการทำฝาย จะช่วยแก้ปัญหาไป ไม่ให้สารหนูกระจายไปยังแม่น้ำกกส่วนอื่นๆ รวมถึงแม่น้ำโขง แต่จะเกิดปัญหาตะกอนที่เกาะกับสารหนู และขั้นตอนต่อไปที่จะต้องทำคือดูดตะกอน เพื่อเอาไปบำบัดจัดการ ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวไม่มีศักยภาพที่จะทำได้เอง ต้องส่งไปที่จังหวัดสระบุรี ก็จะมีภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่จะต้องใช้ในการแก้ปัญหา


ดังนั้น จึงเกิดคำถามที่ว่าทำไมคนไทยถึงจะต้อง รับชะตากรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในแม่น้ำกก ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นคนก่อ และไม่ได้เป็นคนที่ทำให้ปัญหานี้เกิดขึ้น ปัญหานี้มีสาเหตุมาจากการทำเหมืองทองฝั่งเมียนมาร์ จากกลุ่มว้า ซึ่งจากคลิปวีดีโอพบว่ามีการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างสิ้นเชิงมีการร่อนแร่โดยใช้แม่น้ำธรรมชาติ และไหลสู่แม่น้ำธรรมชาติโดยตรง

ดังนั้นปัญหาแม่น้ำกก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นรุนแรง และบรรดาสารต่างๆ รวมทั้งสารหนู เกินกว่าค่ามาตรฐานหลายเท่าตัวไปแล้ว ความน่าเป็นห่วงจะยิ่งมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนเต็มตัว บรรดาสารหนูอาจจะเพิ่มขึ้นกว่านี้ก็ได้ หรือหากเกิดอุทกภัยในลักษณะที่คล้ายๆกับแม่น้ำสายอาจจะเกิดการพัดดินโคลนที่หนักกว่าเดิมก็ได้ เพราะมีการขยายเหมือง

วันนี้ต้องยอมรับว่าประเทศไทยถ้าจะทำลำพังอย่างเดียว โดยที่เราไม่คุยกับชาวบ้านเขา กับเพื่อนบ้าน เราทำได้แค่ ลดปัญหาโดยการสร้างฝายเท่านั้น ซึ่งนี่อาจจะทำได้ใช้งบประมาณภาษีของประชาชน แต่ก็ต้องมีภาระในเรื่องของการบำบัดตลอดเวลา แต่ถ้าเราอยากให้ปัญหานี้จบ อย่างถาวร


“ประเทศไทยจะต้องดำเนินการพูดคุยหรือใช้มาตรฐานมาตรการใดๆกับทางกลุ่มว้า การที่นายภูมิธรรมออกมาบอกว่า ได้คุยกับเมียนมาร์แล้วและเมียนมาร์ก็บอกมาว่า ไม่มีอำนาจตรงนี้เพราะพื้นที่เป็นของทางว้า ผมคิดว่าการพูดปัดแบบนี้ ไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจขึ้นเลย สุดท้ายจนเชื่อว่ามีช่องทางมีวิธีการ วันนี้กลุ่มว้าเขาไม่เกรงใจประเทศไทย เขารู้สึกว่าประเทศไทยไร้น้ำยา ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟัง ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าคนไทยจะได้รับความเดือดร้อนอย่างไร ดังนั้นรัฐบาลนี้จะต้องทำให้ประชาชนคนไทยรู้สึกอุ่นใจปลอดภัย ที่มีรัฐบาลแบบนี้”นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวต่อว่า วันนี้รัฐบาลทำงานช้ามาก กับเรื่องปัญหาความมั่นคงโดยเฉพาะกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงต่อชีวิตและอนามัยสุขภาพของประชาชน เบื้องต้นกรรมาธิการความมั่นคง ได้มีการติดตามเรื่องนี้และได้มีการเชิญผู้ว่าจังหวัดเชียงราย มาให้ข้อมูลที่จังหวัดเชียงราย แต่ตนก็ยังติดตามต่อซึ่งในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ อาจจะมีการพิจารณาในเรื่องนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าต่อไป

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวต่อว่าในชั้นต้นเรื่องการสร้างฝาย ใช้งบประมาณไม่เยอะ แต่เราไม่ได้คิดว่าจะให้เป็นฝ่ายถาวร ซึ่งจากการพูดคุยทางจังหวัดน่าจะให้การสนับสนุน แต่ในระยะยาว ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ นั่นคือปัญหาเรื่องเหมืองทองกรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของว้า

ทั้งนี้ ยังมองกันแก้ปัญหาของรัฐบาลว่า ล่าช้า ไม่ชัดเจน และไม่รู้ว่าจะเอายังไง ตอนนี้ไม่มีอะไรทั้งสิ้นอย่าว่าแต่ล่าช้าเลย ปัญหาแม่น้ำกกเป็นไปได้อย่างไรที่เราปล่อยให้ สารหนูเกินค่ามาตรฐานหลายเท่าตัวแล้ว รัฐบาลไม่ชัดเจน เพราะประชาชนต้องรู้แล้วว่า ต้องรอถึงเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ปัญหาสารหนูถึงจะจบ ไม่มีไทม์ไลน์ ไม่มีแผน และไม่รู้จะเอายังไง

“การที่คุณภูมิธรรม พูดออกมาชัดเจนว่าคุยกับเมียนมาแล้ว เมียนมาช่วยอะไรเราไม่ได้ แล้วยังไงประชาชนที่นั่นก็ต้องอยู่ๆกันไป เสียงทั้งในเรื่องของสุขภาพ การท่องเที่ยวที่ถูกทำลายเละเทะ เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้เสียหายทั้งระบบไม่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว เพราะทุกคนก็กลัวอันตราย สัตว์น้ำก็ไม่มีใครกล้าจับไปกิน วันนี้เราไม่ควรจะปล่อยให้พี่น้องประชาชน ลอยคอความช่วยเหลือ โดยที่ไม่รู้ว่าความช่วยเหลือนั้นจะมาเมื่อไหร่และมีความชัดเจนอย่างไร”นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามว่านายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมพูดคุย โดยพุ่งเป้าไปที่รัฐบาลเมียนมา ถือว่าไปพูดคุยถูกจุดหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนขอแนะนำ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศและนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายภูมิธรรม ว่าถ้าอยากเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้ ต้องคุยกับจีน เพราะจะเป็นทางออกที่จะเห็นว่าจีนมองปัญหาเรื่องนี้อย่างไร แต่ก็เชื่อว่าทางจีนไม่รับปากเต็มคำ แต่การที่ประเทศไทยแสดงจุดยืน ว่าเราเห็นปัญหาเรื่องนี้ร้ายแรง และเมื่อเราเห็นว่าจีนมีจุดยืนเรื่องนี้อย่างไร ประเทศไทยก็ต้องแสดงความจำนงว่าจะไม่นิ่งเฉย กับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด และจะมีมาตรการจากเบาไปหาหนัก การแสดงท่าทีอย่างชัดเจนเพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนคนไทย มีความจำเป็นอย่างมากที่เราต้องการความเป็นผู้นำ จากรัฐบาลนี้ซึ่งเราแทบไม่เห็น

“ผมคิดว่ากุญแจสำคัญก็จะตรงกับภาคประชาชน ที่บอกว่าถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร จะทำหนังสือถึงทางการจีนเองแล้ว ตนจึงคิดว่าภาคประชาชนยังรู้เลย ตอนนี้ถ้าประชาชนรู้ ทุกคนรู้ ฉะนั้นถ้าคุณต้องการที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้คุณต้องคุยกับรัฐบาล พี่เนปิดอไม่ได้ คุณอาจจะต้องคุยกับว้าคุณอาจจะต้องคุยกับจีน แล้วทำไมไม่ทำ จะมาบอกว่าว้าไม่ใช่รัฐ ใช่ ผมรู้ว่าว้าไม่ใช่รัฐและมีพฤติกรรมหลายอย่าง ที่ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มก่อการร้าย แต่ ณ วันนี้ปัญหา เกิดขึ้นร้ายแรงอย่างนี้ได้อย่างไร ประชาชนก็บอกว่า ถ้างั้นว่าไม่ใช่รัฐ วันนี้ เรามีรัฐที่ไม่เหมือนรัฐบาล เราจะอยู่กันอย่างไร วันนี้เป็นปัญหาความร้ายแรง และมองว่าคงจะต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างเป็นรูปประธรรมไม่ควรจะนิ่งเฉย เป็นอันขาด”นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามว่าหากปัญหาไม่ดีขึ้นจำเป็นต้องใช้กลไกการฟ้องร้องศาลระหว่างประเทศหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า จากตัวอย่างคดีในต่างประเทศ โดยดึงนักวิชาการเข้ามาที่มีข้อเสนอว่าควรจะมีการฟ้องร้อง ในทางการบังคับใช้ เพื่อเอาค่าสินไหมทดแทน เยียวยาชดเชยต่างๆไม่ได้เกิดขึ้น ง่ายในเร็ววัน แต่อย่างน้อยการฟ้องร้องให้เป็นคดี และอย่างน้อยให้มีคำพิพากษาออกมา ถ้าคำพิพากษาเป็นคุณกับประชาชนคนไทย วันข้างหน้าก็อาจจะเอาตรงนี้มาเรียกร้องความเสียหายได้ เพราะเราไม่รู้ว่าความเสียหายไม่ได้มีเฉพาะวันนี้
อาจจะต้องมีการใช้เงินงบประมาณ ต่างๆในการปรับปรุงสภาพแวดล้อม แม่น้ำกกให้มันดีด้วยก็ได้ สุดท้ายทุกทางคนไทยเดือดร้อน ไม่เดือดร้อนเรื่องสุขภาพก็เดือดร้อนจากการเอาภาษีของประชาชนไปใช้

“สุดท้ายอยากจะฝากว่า วันนี้เราเห็นปัญหาบ้านเมืองผมเองก็ไม่สบายใจ มันมีความขัดแย้งภายในรัฐบาล จนทำให้ผมรู้สึกว่าปัญหาหลายๆอย่างของประชาชน ไม่ได้รับการตอบสนอง กลายเป็นว่ารัฐบาลโฟกัสในเรื่องของความมั่นคงของรัฐบาล ซึ่งผมเข้าใจแต่การโฟกัส กับปัญหาในรัฐบาล ก็ต้องคิดถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้วย”นายรังสิมันต์กล่าว.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย