“โรม” ฉะรัฐบาลล่าช้า แก้ปมสารพิษปนเปื้อนแม่น้ำกก

รัฐสภา 22 พ.ค.- “โรม” จี้เรียงคน “นายกฯ-ภูมิธรรม-มาริษ” คุยจีนแก้ปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก ถามทำไมคนไทยต้องรับชะตากรรมทั้งที่ไม่ได้ก่อ ฉะรัฐบาลล่าช้า ทำคนมองไร้น้ำยา แก้ปัญหาไม่ได้ แนะฟ้องศาล บอกอย่างน้อยเอามาเรียกค่าเสียหาย


นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึง ปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงรายว่า คณะกรรมาธิการได้ลงพื้นที่ที่แม่น้ำกก พบสารหนูหนักที่สุด เกินกว่าค่ามาตรฐานจริงโดยเฉพาะบริเวณที่ไหลจากเชียงใหม่มาสู่เชียงรายจะมีความเข้มข้นมาก หากเรื่องนี้จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีเสนอให้ทำเขื่อน ตนไม่แน่ใจว่าเข้าใจผิดหรือมีคนมารายงานไม่ถูกต้องหรืออย่างไร จริงๆมีการเสนอให้ทำฝายไม่ใช่เขื่อน ซึ่งทำได้ตั้งแต่ฝ่ายชั่วคราวจนไปถึงฝายถาวร แต่อยู่ที่ว่าเราจะประเมินปัญหาว่าหนักแค่ไหนและจะกินระยะเวลาเท่าไหร่

ซึ่งการทำฝาย จะช่วยแก้ปัญหาไป ไม่ให้สารหนูกระจายไปยังแม่น้ำกกส่วนอื่นๆ รวมถึงแม่น้ำโขง แต่จะเกิดปัญหาตะกอนที่เกาะกับสารหนู และขั้นตอนต่อไปที่จะต้องทำคือดูดตะกอน เพื่อเอาไปบำบัดจัดการ ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวไม่มีศักยภาพที่จะทำได้เอง ต้องส่งไปที่จังหวัดสระบุรี ก็จะมีภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่จะต้องใช้ในการแก้ปัญหา


ดังนั้น จึงเกิดคำถามที่ว่าทำไมคนไทยถึงจะต้อง รับชะตากรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในแม่น้ำกก ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นคนก่อ และไม่ได้เป็นคนที่ทำให้ปัญหานี้เกิดขึ้น ปัญหานี้มีสาเหตุมาจากการทำเหมืองทองฝั่งเมียนมาร์ จากกลุ่มว้า ซึ่งจากคลิปวีดีโอพบว่ามีการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างสิ้นเชิงมีการร่อนแร่โดยใช้แม่น้ำธรรมชาติ และไหลสู่แม่น้ำธรรมชาติโดยตรง

ดังนั้นปัญหาแม่น้ำกก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นรุนแรง และบรรดาสารต่างๆ รวมทั้งสารหนู เกินกว่าค่ามาตรฐานหลายเท่าตัวไปแล้ว ความน่าเป็นห่วงจะยิ่งมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนเต็มตัว บรรดาสารหนูอาจจะเพิ่มขึ้นกว่านี้ก็ได้ หรือหากเกิดอุทกภัยในลักษณะที่คล้ายๆกับแม่น้ำสายอาจจะเกิดการพัดดินโคลนที่หนักกว่าเดิมก็ได้ เพราะมีการขยายเหมือง

วันนี้ต้องยอมรับว่าประเทศไทยถ้าจะทำลำพังอย่างเดียว โดยที่เราไม่คุยกับชาวบ้านเขา กับเพื่อนบ้าน เราทำได้แค่ ลดปัญหาโดยการสร้างฝายเท่านั้น ซึ่งนี่อาจจะทำได้ใช้งบประมาณภาษีของประชาชน แต่ก็ต้องมีภาระในเรื่องของการบำบัดตลอดเวลา แต่ถ้าเราอยากให้ปัญหานี้จบ อย่างถาวร


“ประเทศไทยจะต้องดำเนินการพูดคุยหรือใช้มาตรฐานมาตรการใดๆกับทางกลุ่มว้า การที่นายภูมิธรรมออกมาบอกว่า ได้คุยกับเมียนมาร์แล้วและเมียนมาร์ก็บอกมาว่า ไม่มีอำนาจตรงนี้เพราะพื้นที่เป็นของทางว้า ผมคิดว่าการพูดปัดแบบนี้ ไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจขึ้นเลย สุดท้ายจนเชื่อว่ามีช่องทางมีวิธีการ วันนี้กลุ่มว้าเขาไม่เกรงใจประเทศไทย เขารู้สึกว่าประเทศไทยไร้น้ำยา ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟัง ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าคนไทยจะได้รับความเดือดร้อนอย่างไร ดังนั้นรัฐบาลนี้จะต้องทำให้ประชาชนคนไทยรู้สึกอุ่นใจปลอดภัย ที่มีรัฐบาลแบบนี้”นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวต่อว่า วันนี้รัฐบาลทำงานช้ามาก กับเรื่องปัญหาความมั่นคงโดยเฉพาะกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงต่อชีวิตและอนามัยสุขภาพของประชาชน เบื้องต้นกรรมาธิการความมั่นคง ได้มีการติดตามเรื่องนี้และได้มีการเชิญผู้ว่าจังหวัดเชียงราย มาให้ข้อมูลที่จังหวัดเชียงราย แต่ตนก็ยังติดตามต่อซึ่งในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ อาจจะมีการพิจารณาในเรื่องนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าต่อไป

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวต่อว่าในชั้นต้นเรื่องการสร้างฝาย ใช้งบประมาณไม่เยอะ แต่เราไม่ได้คิดว่าจะให้เป็นฝ่ายถาวร ซึ่งจากการพูดคุยทางจังหวัดน่าจะให้การสนับสนุน แต่ในระยะยาว ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ นั่นคือปัญหาเรื่องเหมืองทองกรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของว้า

ทั้งนี้ ยังมองกันแก้ปัญหาของรัฐบาลว่า ล่าช้า ไม่ชัดเจน และไม่รู้ว่าจะเอายังไง ตอนนี้ไม่มีอะไรทั้งสิ้นอย่าว่าแต่ล่าช้าเลย ปัญหาแม่น้ำกกเป็นไปได้อย่างไรที่เราปล่อยให้ สารหนูเกินค่ามาตรฐานหลายเท่าตัวแล้ว รัฐบาลไม่ชัดเจน เพราะประชาชนต้องรู้แล้วว่า ต้องรอถึงเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ปัญหาสารหนูถึงจะจบ ไม่มีไทม์ไลน์ ไม่มีแผน และไม่รู้จะเอายังไง

“การที่คุณภูมิธรรม พูดออกมาชัดเจนว่าคุยกับเมียนมาแล้ว เมียนมาช่วยอะไรเราไม่ได้ แล้วยังไงประชาชนที่นั่นก็ต้องอยู่ๆกันไป เสียงทั้งในเรื่องของสุขภาพ การท่องเที่ยวที่ถูกทำลายเละเทะ เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้เสียหายทั้งระบบไม่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว เพราะทุกคนก็กลัวอันตราย สัตว์น้ำก็ไม่มีใครกล้าจับไปกิน วันนี้เราไม่ควรจะปล่อยให้พี่น้องประชาชน ลอยคอความช่วยเหลือ โดยที่ไม่รู้ว่าความช่วยเหลือนั้นจะมาเมื่อไหร่และมีความชัดเจนอย่างไร”นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามว่านายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมพูดคุย โดยพุ่งเป้าไปที่รัฐบาลเมียนมา ถือว่าไปพูดคุยถูกจุดหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนขอแนะนำ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศและนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายภูมิธรรม ว่าถ้าอยากเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้ ต้องคุยกับจีน เพราะจะเป็นทางออกที่จะเห็นว่าจีนมองปัญหาเรื่องนี้อย่างไร แต่ก็เชื่อว่าทางจีนไม่รับปากเต็มคำ แต่การที่ประเทศไทยแสดงจุดยืน ว่าเราเห็นปัญหาเรื่องนี้ร้ายแรง และเมื่อเราเห็นว่าจีนมีจุดยืนเรื่องนี้อย่างไร ประเทศไทยก็ต้องแสดงความจำนงว่าจะไม่นิ่งเฉย กับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด และจะมีมาตรการจากเบาไปหาหนัก การแสดงท่าทีอย่างชัดเจนเพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนคนไทย มีความจำเป็นอย่างมากที่เราต้องการความเป็นผู้นำ จากรัฐบาลนี้ซึ่งเราแทบไม่เห็น

“ผมคิดว่ากุญแจสำคัญก็จะตรงกับภาคประชาชน ที่บอกว่าถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร จะทำหนังสือถึงทางการจีนเองแล้ว ตนจึงคิดว่าภาคประชาชนยังรู้เลย ตอนนี้ถ้าประชาชนรู้ ทุกคนรู้ ฉะนั้นถ้าคุณต้องการที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้คุณต้องคุยกับรัฐบาล พี่เนปิดอไม่ได้ คุณอาจจะต้องคุยกับว้าคุณอาจจะต้องคุยกับจีน แล้วทำไมไม่ทำ จะมาบอกว่าว้าไม่ใช่รัฐ ใช่ ผมรู้ว่าว้าไม่ใช่รัฐและมีพฤติกรรมหลายอย่าง ที่ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มก่อการร้าย แต่ ณ วันนี้ปัญหา เกิดขึ้นร้ายแรงอย่างนี้ได้อย่างไร ประชาชนก็บอกว่า ถ้างั้นว่าไม่ใช่รัฐ วันนี้ เรามีรัฐที่ไม่เหมือนรัฐบาล เราจะอยู่กันอย่างไร วันนี้เป็นปัญหาความร้ายแรง และมองว่าคงจะต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างเป็นรูปประธรรมไม่ควรจะนิ่งเฉย เป็นอันขาด”นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามว่าหากปัญหาไม่ดีขึ้นจำเป็นต้องใช้กลไกการฟ้องร้องศาลระหว่างประเทศหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า จากตัวอย่างคดีในต่างประเทศ โดยดึงนักวิชาการเข้ามาที่มีข้อเสนอว่าควรจะมีการฟ้องร้อง ในทางการบังคับใช้ เพื่อเอาค่าสินไหมทดแทน เยียวยาชดเชยต่างๆไม่ได้เกิดขึ้น ง่ายในเร็ววัน แต่อย่างน้อยการฟ้องร้องให้เป็นคดี และอย่างน้อยให้มีคำพิพากษาออกมา ถ้าคำพิพากษาเป็นคุณกับประชาชนคนไทย วันข้างหน้าก็อาจจะเอาตรงนี้มาเรียกร้องความเสียหายได้ เพราะเราไม่รู้ว่าความเสียหายไม่ได้มีเฉพาะวันนี้
อาจจะต้องมีการใช้เงินงบประมาณ ต่างๆในการปรับปรุงสภาพแวดล้อม แม่น้ำกกให้มันดีด้วยก็ได้ สุดท้ายทุกทางคนไทยเดือดร้อน ไม่เดือดร้อนเรื่องสุขภาพก็เดือดร้อนจากการเอาภาษีของประชาชนไปใช้

“สุดท้ายอยากจะฝากว่า วันนี้เราเห็นปัญหาบ้านเมืองผมเองก็ไม่สบายใจ มันมีความขัดแย้งภายในรัฐบาล จนทำให้ผมรู้สึกว่าปัญหาหลายๆอย่างของประชาชน ไม่ได้รับการตอบสนอง กลายเป็นว่ารัฐบาลโฟกัสในเรื่องของความมั่นคงของรัฐบาล ซึ่งผมเข้าใจแต่การโฟกัส กับปัญหาในรัฐบาล ก็ต้องคิดถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้วย”นายรังสิมันต์กล่าว.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]

“ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายฟังคำพิพากษา ลุ้นชดใช้คดีจำนำข้าว

ศาลปกครอง 22 พ.ค.- “ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายรอฟังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท คดีจำนำข้าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดเตรียมออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ในคดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บรรยากาศที่ศาลปกครอง ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน. ทุ่งสองห้องราว 20 นาย มารักษาความสงบเรียบร้อย […]

ปรับแผนช่วยคนงานตกหลุมลึก 19 เมตร – 4 วันยังไม่ถึงครึ่งทาง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนการค้นหานำร่างคนงานขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตร หลัง 4 วัน ยังขุดลงไปไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านไปแล้ว 4 วัน สำหรับการค้นหานำร่างคนงานที่ตกลงไปในหลุมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 8 ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะนี้ขุดลงไปได้ประมาณ 7 เมตร จากความลึกของหลุม 19 เมตร ยังไม่พบร่างของผู้สูญหายแต่อย่างใด อุปสรรคสำคัญคือเสาเข็มปูนขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ในหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมหารือปรับแผนการช่วยเหลือกันอีกครั้ง หลังจากวางแผ่นชีสไพล์แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าแผนนี้จะป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงไปทับคนงานที่กำลังลงไปช่วยหรือไม่ โดยการทำงานจะเน้นความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก ส่วนตัวเลขการขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งว่าขุดลึกไปได้แล้ว 9 เมตรนั้น ทางหน้างานขอชี้แจงว่าให้ยึดตัวเลขล่าสุดเป็นหลัก เพราะวัดจากขอบถนนและพื้นด้านล่างไม่เสมอกัน บางชุดอาจขุดลงไปได้มากกว่า แต่เป็นจุดที่ลงไปไม่ได้ ยอมรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ยากกว่าที่คิด แต่ไม่เกินขีดความสามารถอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำทีมแถลงคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” เปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด

22 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำแถลงความคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” ยักยอกเงินวัดไร่ขิง พร้อมเปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด สนทนากับสีกาคนสนิท ส่วนเงินบัญชีวัดไร่ขิง และภายในมูลนิธิฯ พบว่ามีการทำธุรกรรมผิดปกติหลายรายการ และยังพบเงินกฐินถูกถอนออกไป ไม่มีการนำเข้าบัญชีวัด.-สำนักข่าวไทย