ทำเนียบ 19 พ.ค.- “อนุทิน” ยัน ไม่โหวตคว่ำงบฯ ปี 69 ศาลไต่สวนชั้น 14 ไม่เกี่ยวรัฐบาล โวผ่าตัดเลนส์ตา หล่อเหมือนเดิม มองอนาคตชัด เชื่อรัฐบาลอยู่ครบเทอม บอก “กล้าธรรม” เติบโต ไม่คานอำนาจ ภท. ยันคุย “ธรรมนัส” ตลอด ปัดแพ็ก “พีระพันธุ์” ต่อรอง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้มาต้อนรับประธานาธิบดีอินโดนีเซียกันพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกอย่างเป็นปกติดี ทำไมสื่อไปมองว่าเครียด ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย
ส่วนที่มีการมองว่า พรรคเพื่อไทยแพ็กกับพรรคกล้าธรรม ส่วนทางภูมิใจไทยก็แพ็กกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อต่อรองอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ภูมิใจไทยแพ็กกับทุกพรรค แม้กระทั่งฝ่ายค้าน ถ้าเกิดทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองต่อประชาชนพร้อมหมดทุกอย่าง เราเอาประชาชนเป็นหลัก พร้อมยืนยัน ไม่มีการโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ขอยืนยันไม่รู้ใครไปพูด เราทำงบประมาณมาด้วยกัน และผ่านคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย งบประมาณมีประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน กระทรวงมหาดไทยกระทรวงเดียวที่ตนดูแลอยู่ก็ 4 แสนล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการประมาณ 5 แสนล้านบาท กระทรวงอุดมศึกษาฯ อีก 2 แสนล้านบาท และกระทรวงแรงงานอีก 2-3 หมื่นล้านบาท เฉพาะในส่วนงบประมาณที่ตนกำกับดูแล ก็เกือบ ล้านล้านบาท ถ้าเห็นชอบหรือ โหวตคว่ำจะผ่าน ครม. ได้อย่างไร และยังมีกระทรวงอื่นๆอีก ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นเรื่องของประชาชนเราต้องให้การสนับสนุนอยู่แล้ว เพราะเป็นงบประมาณที่เราทำเอง
ส่วนการเติบโตของพรรคกล้าธรรม เป็นการคานอำนาจพรรคภูมิใจไทยในรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ทุกพรรคการเมืองก็ต้องการเติบโต และพรรคไหนก็ตามที่สามารถรับใช้ประชาชนได้ ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจ พรรคนั้นก็จะ เติบโตเหมือนพรรคภูมิใจไทย พร้อมยอมรับคุยกับร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส. พะเยาและที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม อยู่ตลอดเวลา ทำงานร่วมกันตลอด
เมื่อถามว่า ขอถามครั้งที่ 10 เกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี นายอนุทิน ยืนยันว่าไม่มีตอบครั้งที่ 11 และย้ำว่ารัฐบาลมีความเข้มแข็ง ทุกวันนี้ก็ 320 กว่าเสียง ยิ่งมีสมาชิกมาเพิ่มในพรรคกล้าธรรม ก็ทำให้รัฐบาลเข้มแข็งมากขึ้น ตนก็ไปผ่าตัดเลนส์ตาได้อย่างสบายใจ
ส่วนกรณีศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนคดีชั้น 14 ซึ่งเกี่ยวกับนายทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 13 มิถุนายน จะเป็นจุดอันตรายกับรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล อันนั้นเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ส่วนรัฐบาลเป็นเรื่องของฝ่ายบริหารประเทศ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นรัฐบาลก็ยังอยู่บริหารประเทศไทย เพราะมันแยก โดยสามเส้าของอำนาจอธิปไตยอยู่แล้ว ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ไม่เกี่ยวข้องกัน
ส่วนความเป็นพ่อลูกระหว่างนายทักษิณกับนายกรัฐมนตรี ต้องเกี่ยวพันกันอยู่แล้วนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า คนที่เติบโตมีภาระรับผิดชอบ มาถึงในระดับบริหารได้ ทุกคนไม่เฉพาะคนใดคนหนึ่ง ต้องแยกแยะถูก ว่าอันไหนเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องของประเทศ และของประชาชน ถ้าเรื่องส่วนตัวเอามารวมไม่ได้ ถ้ารวมกันก็ทำงานไม่ได้ และยังไม่เห็นใครในรัฐบาล เอาเรื่องส่วนตัว และส่วนรวมมาผสมกัน แล้วมาทำงาน
ส่วนวันนี้เป็นวันแรกที่ สว. ไปให้ปากคำกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้ให้กำลังใจอย่างไรเพราะพลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ก็เป็นเพื่อนกับนายอนุทินนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ทราบ อันนั้นเป็นอำนาจของนิติบัญญัติ ตนชัดเจน เพื่อนก็เพื่อนงานก็งาน
เมื่อถามว่า มองสัญญาณเชิงบวก ของสีน้ำเงินเป็นอย่างไร ทั้งจากคำพิพากษาและ เรื่องต่างๆ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้มองอะไรเลย ตอนนี้มองแต่เรื่องการทำงาน สายตาที่เคยขุ่นมัว เปลี่ยนเลนส์เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ชัดใสปิ๊ง กลับมาหล่อเหมือนเดิม และเห็นอนาคตรัฐบาลชัด อยู่ครบเทอม
ส่วนนายกรัฐมนตรีได้มีการหารือ ถึงการแต่งตั้งผู้ที่จะมากำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ตนอยู่กระทรวงมหาดไทย ไม่มีการหารือเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ตนกำกับดูแล.-315 -สำนักข่าวไทย