“จตุพร” เชื่อ 13 มิ.ย. ชี้ชะตาการเมืองไทย

17 พ.ค.- “จตุพร” เชื่อ 13 มิ.ย.นี้ ศาลนัดไต่สวน “ทักษิณ” จะชี้ชะตาการเมืองไทย มอง “นายกฯ แพทองธาร” เวลาใกล้หมด


วันนี้ (17 พฤษภาคม ) นายจตุพร พรหมพันธุ์ คณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยกับสื่อมวลชนถึงเรื่องศาลนัดไต่สวนนายทักษิณ ชินวัตร ในวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน กรณีการรักษาตัวที่ชั้น 14 ว่า ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะมีความเห็นแย้ง ก็ต้องแย้งภายใน 15 วัน ก็คือภายในวันที่ 30 พฤษภาคม ขณะเดียวกันทางด้านผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และหมอใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ต้องทำคำชี้แจงภายใน 30 วัน อีกทั้งทางด้านของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ อัยการ และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ก็ต้องทำคำชี้แจงเช่นเดียวกัน โดยทุกอย่างจะไปบรรจบกันวันที่ 30 พฤษภาคม

นอกจากนี้ศาลยังออกหมายเรียกให้กับบุคคลที่ศาลยังมีข้อสงสัยเพื่อนำไปไต่สวน เช่นมีการปิดหมายคุณทักษิณแล้ว แปลว่าคุณทักษิณต้องไป แต่คดีที่เป็นคดีทุจริตคอรัปชั่น แม้ว่าไม่ไป ศาลยังมีอำนาจพิจารณาลับหลังได้ และจากประสบการณ์ของตนการพิจารณาในลักษณะแบบนี้วันเดียวจบก็ได้ ตนขอเตือนไปยังกระทรวงสาธารณสุขว่า ให้ไปดูจำนวนเสียงที่แพทยสภาเคยออกมาแถลงว่ามติเป็นเสียงส่วนใหญ่”มาก มาก” แปลความว่าเกือบเอกฉันท์ หากคุณสมศักดิ์ เทพสุทินเห็นแย้ง เขาจะแย้งด้วยเรื่องอะไร


นายจตุพร กล่าวต่ออีกว่า ตามคำสัมภาษณ์ของหมอใหญ่นั้น โกหกมาตั้งแต่วันแรก ที่บอกว่าก่อนที่คุณทักษิณจะมาโรงพยาบาล อาจารย์หมอของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ทำการรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่เนื่องจากบุคลากรและอุปกรณ์น้อย จึงส่งมาโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งให้การขัดกับทางโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่ได้พูดไว้ว่าเป็นเพียงเวรพยาบาล ไม่มีคุณหมอใดเข้ามาตรวจหรือรักษา เหตุก็คือว่าเพราะไม่ได้วางแผนอย่างแนบเนียน เนื่องจากไม่คาดคิดว่าในการยื่นถวายฎีกา ซึ่งปกติทั่วไปนั้นเขาจะยื่นเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษทั้งหมด ไม่มีใครขอเหลือ 1 ปี แต่เมื่อมีพระบรมราชโองการลดเหลือ 1 ปี จาก 8 ปี ทุกอย่างจึงลวนไปหมด

ประเด็นที่สำคัญหากคุณทักษิณ ถูกศาลสั่งจำคุก การเมืองก็เปลี่ยนอีกแบบ คุณทักษิณไม่ไปศาลออกนอกประเทศอีกรอบ การเมืองก็เปลี่ยนอีกแบบ “ปัญหาอยู่ที่ว่าจะกวาดแบบพายุธรรมดา หรือจะกวาดแบบสึนามิ ถ้ากวาดแบบสึนามิ คำร้องเรื่องรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ก็ไปทั้งรัฐบาล ทั้ง สส. สว. รัฐธรรมนูญมาตรานี้เขาบัญญัติไว้ว่า ในการทำงบประมาณรายจ่ายห้ามไปแตะเงินต้น ดอกเบี้ย และเงินที่กฎหมายกำหนด ปรากฏว่าไปแตะทั้งสามข้อ เพื่อเอาเงินหมื่นมาแจก โทษก็คือให้พ้นจากตำแหน่ง ตัดสิทธิ์ทางการเมือง และต้องชดใช้ แบบนี้เรียกกวาดทั้งกระดาน ปัจจัยการเมืองอยู่ที่คุณทักษิณวันที่ 13 มิถุนายน ว่าอยู่หรือไป นั่นจะเป็นคำตอบของทางการเมืองนับจากนี้ไป” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร บอกอีกว่า ส่วนจะมองว่ากระดานออกด้านไหน โดยส่วนตัวที่ตนรู้จักกับคุณทักษิณมา 29 ปี ถ้าเขาเป็นคนกล้าเดินเข้าเรือนจำด้วยความสง่างาม เขาไม่มีวันหลบหนีถึง 17 ปี ไม่มีคนไทยคนไหนไล่เขาออกนอกประเทศ และไม่มีคนไทยคนไหนห้ามเขาเข้าประเทศ เขาไม่เข้าเองเพราะกลัวจะติดคุก เพราะฉนั้นเป็นคำตอบกันพอสมควร ตนหวังว่าครั้งนี้เขาจะใช้ความกล้าหาญเป็นครั้งแรก เดินเข้าเรือนจำด้วยความสง่างาม ลูกน้องเขาและนักเคลื่อนไหวจำนวนมาก ไปตายในคุกก็มีนอกจากในสนามรบ ทำไมคนที่เป็นหัวหน้าจึงกลัวตาย ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว


มองเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองสีน้ำเงิน และสีแดง ในขณะนี้อย่างไร นายจตุพร ตอบว่า เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว มันเป็นความรักที่ผิดธรรมชาติมาตั้งแต่ต้น ปลาคนละน้ำ หาเสียงด่ากันเกือบตาย แต่ยอมหักหลังประชานข้ามขั้วมา เมื่อมากันคนละทางจะอยู่กันได้อย่างไร จะเห็นได้ชัดเจนว่าความขัดแย้งนี้เป็นรักที่เลือกไม่ได้ ถ้าจะแยกตัวกันเสียงก็ปริ่ม และงบประมาณรายจ่ายปี 2569 ที่จะเข้าสภานั้นก็เป็นเดิมพันสูง ถ้าไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร นายกฯไม่ยุบสภาก็ลาออก ส่วนไม่ผ่านวุฒิสภายังไม่เคยมีประเพณี แต่เห็นว่าอยู่ยาก เรื่องบ่อนกาสิโนมันกลายเป็นเรื่องเดิมพันใหญ่ และเรื่องฮั้วสว.ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือ ตนพูดมาแต่ต้นว่ากติกาแบบนี้หากไล่ตรวจสอบทั้ง 200 คน จะเจอตอนไหนตอนหนึ่งก็เท่านั้นเอง ความจริงควรเปลี่ยนกติกาเสียใหม่

“เชื่อว่าเวลาของคุณอุ๊งอิ๊งคงใกล้เต็มทีแล้ว ถ้าพ่อยังอยู่คุณอุ๊งอิ๊งก็ยังอยู่ แต่พ่อไม่อยู่ก็ไปตามพ่อน่ะแหละ หมายความว่า คุณอุ๊งอิ๊งเป็น 1 ใน 10 คน ที่ไปเข้าเยี่ยมก็เข้าข่ายร่วมในการปกปิด เป็นการช่วยเหลือผู้กระทำผิดไม่ให้รับโทษทางอาญา เข้าข่ายจริยธรรมทางการเมือง ยาวไปไกลอีกหลายม้วน ไม่นับเรื่องราวอื่นๆที่จ่อรอกันหมด คือการเป็นนายกประเทศไทยเหมือนขึ้นลานประหาร ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณจะลงก่อนถูกประหาร หรือว่าถูกประหารก่อนลงเท่านั้นเอง” นายจตุพร กล่าว -420 .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]