17 พ.ค.- “เท้ง” ขอให้ผู้มีอำนาจตรวจสอบกรณี สว. อย่างตรงไปตรงมา อย่าอิงแต่การเมือง ชี้ สส.กฤษฏิ์ ตั้งตัวเองเป็นศูนย์กลาง ปัญหาไม่ใช่พรรคประชาชน พร้อมย้ำชัดไม่มี สส.พรรคไหลออกเพิ่มแน่นอน
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ให้ความเห็นประเด็นทางการเมืองระหว่างสีแดงกับสีน้ำเงินว่า ตนอยากให้รัฐบาลรวมถึงผู้มีอำนาจรัฐทุกอย่างดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อย่างประเด็นของการตรวจสอบที่มาของสมาชิกวุฒิสภา อยากให้เดินหน้าตามพยานหลักฐานต่างๆที่มี และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้ากระบวนการได้มาซึ่งสว.ไม่ได้โปร่งใสตรงไปตรงมาตามเจตนารมณ์ของทางรัฐธรรมนูญ ก็อยากให้ดำเนินการไปตามกระบวนการ ไม่อยากให้มีการเร่งเครื่องหรือดำเนินการใดๆ ส่วนจะเป็นสงครามระหว่างสีเสื้อในพรรคร่วมหรือไม่นั้น เชื่อว่าไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนต้องการ เพราะสิ่งที่ประชาชนต้องการมากกว่าคือการแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างเร็วที่สุด
กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น ทั้งสังคม รวมถึงตนเองก็ตั้งข้อสังเกตได้บางอย่างว่ามีการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ที่ค่อนข้างพิเศษ เนื่องจากสั่งให้รัฐมนตรีไม่มีอำนาจในการควบคุมเฉพาะ DSI หรือบางหน่วยงาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่พวกเราได้ตั้งคำถามมาโดยตลอดอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเราไม่อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นองค์กรอิสระ สามารถเขียนคำวินิจฉัยใดๆเพื่อสร้างส่วนต่อขยายของรัฐธรรมนูญได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือมุมมองในภาพใหญ่ เราเองก็ต้องพยายามเดินหน้าในการออกแบบและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำยังไงให้องค์กรอิสระต่างๆใช้อำนาจที่เป็นไปตามหลักสากลมากยิ่งขึ้น สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้ ถ้าสิ่งที่เราตั้งสมมติฐานว่าเป็นเกมส์ระหว่างการเมืองที่บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลใช้อำนาจรัฐในการห้ำหั่นกันเองจริง ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เชื่อว่าเสถียรภาพของรัฐบาลก็อาจจะมีปัญหา
ส่วนความคืบหน้านางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน ที่แสดงออกเจตนารมณ์ชัดเจนว่าจะออกจากพรรค ตอนนี้ทางพรรคก็ดำเนินการทุกอย่าง เดินหน้าเต็มที่ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการร่างหนังสือส่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อให้ตีความว่าหนังสือที่คุณกฤษฎิ์ยื่นต่อกรรมการบริหารพรรคมา ถือเป็นหนังสือลาออกหรือไม่ ส่วนในทางปฏิบัติ สิทธิต่างๆที่คุณกฤษฎิ์จะได้รับอย่างเช่น การเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการวิสามัญต่างๆ สิทธิในการหารือต่างๆ ที่เป็นโควต้าของพรรค จะตัดออกทุกกรณี
อีกทั้งที่มีการเปรยมาจากทางด้านของพรรคกล้าธรรมว่าการไม่ขับออกก็ไม่เป็นไร สามารถทำงานได้ ถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างย้อนแย้งกับเจตจำนงค์ของรัฐธรรมนูญ แต่ตนเชื่อว่าคนร่างรัฐธรรมนูญเองไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะมีกรณีสส.งูเห่าแบบนี้ ที่มีการซื้อหรือดูดตัวสส.ข้ามพรรค โดยมีการบีบบังคับให้พรรคต้นสังกัดขับออก โดยที่เขาไม่ต้องยื่นหนังสือลาออกเอง เพราะฉนั้นตรงนี้ถือเป็นช่องว่างช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าประชาชนไม่ได้อยากเห็นสภาพแบบที่เป็นอยู่ที่คุณกฤษฎิ์เองสังกัดพรรคประชาชน แต่กลับจะดำเนินการทุกอย่าง อย่างเช่นการโหวดสวนในอนาคต หรือการดำเนินการหลายๆอย่างที่ขัดต่ออุดมการณ์ของพรรค
ส่วนที่มีคนบอกว่าคุณกฤษฎิ์ ไม่ใช่งูเห่า แต่เกิดจากเป็นสนิมภายในพรรคหรืออะไรก็ตามแต่ เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ต้องฟังเหตุผลของทั้งสองฝั่ง และตามการให้ข่าวตามหน้าสื่อต่างๆ รวมถึงคลิปที่ถูกเปิดเผยออกมาที่แอบอัดบทสนทนาระหว่างตนกับคุณกฤษฎิ์ ถ้าสังคมฟังทั้งสองฝั่งก็น่าจะเห็นว่าเหตุผลที่คุณกฤษฎิ์ให้มาฟังไม่ขึ้น และเหตุผลที่เขาใช้เป็นข้ออ้างในการบอกให้พรรคต้องขับออก มุมหนึ่งของพรรคมองว่าหนังสือนั้นเป็นการแสดงเจตจำนงค์ว่าคุณไม่อยากเป็นสมาชิกพรรคต่อถือว่าเป็นหนังสือลาออก ก็เป็นเหตุผลที่เขาเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมากเกินไป จึงเชื่อว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัญหาภายในพรรคแต่อย่างใด ปัญหาที่ถูกต้องมากกว่าน่าจะเป็นเรื่องที่พรรคปลายทางที่คุณกฤษฎิ์จะย้ายไปสังกัด เนื่องจากถ้าทุกพรรคการเมืองยืนยันในหลักการ ยกตัวอย่างสมมติตนเองเป็นหัวหน้าพรรคประชาชน มีสส.อยากจะมาขอย้ายพรรค โดยให้ข้อเสนอว่าอยากจะให้พรรคต้นสังกัดขับออก ตนก็ต้องมีการพูดคุยทุกๆพรรคว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และไม่สนับสนุนให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้
ทั้งนี้ตนเองเชื่อมั่นในเพื่อนร่วมพรรคของตนทุกๆคนในตอนนี้ว่า ไม่น่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว ซึ่งตนก็ยังไม่ได้รับข้อมูลหรือข้อเท็จจริงอะไร ที่มีกระแสข่าวว่าจะมีสส.จากฝ่ายค้าน หรือสส.พรรคประชาชนย้ายไปอีก ส่วนที่ทางพรรคกล้าธรรมบอกว่าน่าจะมีสส.ออกมาอีกหลายคนนั้น ตนก็ยังไม่ได้รีเช็คอะไรขนาดนั้น เพราะว่าถ้าต้องไปนั่งพูดคุยเอง ก็จะเปรียบเป็นการไม่เชื่อใจเพื่อนร่วมพรรค ซึ่งเรามีการพูดคุยกันในพรรคมาโดยตลอดอยู่แล้ว ส่วนข้อกล่าวหาจากทางพรรคกล้าธรรมที่บอกว่ามีอีกหลายคนเตรียมจะย้ายไป ถ้ามั่นใจในข้อมูลก็เปิดชื่อมาเลย สังคมจะได้เห็น คนที่ถูกพาดพิงก็จะได้มีโอกาสชี้แจง
กรณีที่นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร และเลขาธิการพรรคกล้าธรรม ยื่นหนังสือให้ตรวจสอบจริยธรรม นายยอดชาติ พึ่งพร สส.ชลบุรี พรรคประชาชน กรณีที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า มีพรรคการเมืองหนึ่งยื่นข้อเสนอเป็นเงินสด 55 ล้านบาท นายณัฐพงษ์ บอกว่า ก็ปล่อยไปตามกระบวนการ สำหรับเรื่องการยื่นตรวจสอบจริยธรรมก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ตนเชื่อมั่นในตัว สส.ยอดชาย กับข้อมูลที่เขามีอยู่ ดังนั้นถ้าเรื่องเข้าสู่กระบวนการเมื่อไร ตนก็เชื่อว่าทางคณะกรรมการก็ต้องมีการเรียกหลักฐานและรับฟังจากทั้งสองฝ่าย และเราเองจะได้เห็นข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนที่จะเปิดหลักฐานข้อมูลหรือไม่ เนื่องจากการไม่เปิดเหมือนช่วยปกปิดผู้กระทำผิดนั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ทางพรรคมีการพูดคุยกับสส.ยอดชายอยู่แล้วจึงเชื่อมั่น แต่หลักฐานอะไรหลายๆอย่าง ถ้าเปิดเผยสาธารณะเลยอาจมีความสุ่มเสี่ยง ปล่อยให้ยื่นหลักฐานต่างๆผ่านกระบวนการน่าจะเป็นเรื่องดีที่สุด
โดยในวันพรุ่งนี้ที่จะลงพื้นที่ไปจังหวัดชลบุรีนั้น ไม่ได้เป็นการไปฟังซาวด์เสียงคุณกฤษฎิ์โดยตรง แต่ไปเพื่อรับฟังปัญหา ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือแหลมฉบัง เรื่องกลุ่มพ่อแม่พี่น้องชาวประมง และรับฟังเสียงประชาชนกับสมาชิกพรรคต่างๆว่าอยากให้ตัวแทนของพรรคขับเคลื่อนอย่างไร ซึ่งตอนนี้นายสหัสวัต คุ้มคง ก็เป็นตัวแทนที่จะมาดูแลพื้นที่เขต 6 ต่อ ยืนยันไม่ใช่วัวหายล้อมคอก แต่สส.ของพรรคย้ายไปโดยขัดต่ออุดมการณ์ของพรรค ก็เป็นหน้าที่พรรคที่จะต้องส่งตัวแทนของพรรคลงไปดูแลพื้นที่ที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้กับพวกเรามา -.420 -สำนักข่าวไทย