กรุงเทพฯ 17 พ.ค. – ไทยสร้างไทยออกแถลงการณ์ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน พร้อมดำเนินการด้านจริยธรรมกับ สส.ขัดมติพรรค “คุณหญิง สุดารัตน์” ยอมรับ “อนุดิษฐ์-การุณ” จากกันด้วยดี
คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย แถลงการณ์กรณีมีสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยบางส่วนลาออกจากพรรค หรือไม่ปฏิบัติตามมติพรรค ทางพรรคยอมรับว่าเกิดจากความแตกต่างทางแนวคิดตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง ซึ่งสมาชิกส่วนหนึ่งต้องการจะไปร่วมรัฐบาล อีกส่วนหนึ่งต้องการรักษาจุดยืนและคำมั่นสัญญาที่ให้กับประชาชน โดยขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เรามีการประชุมกันหลายครั้ง เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าพรรคไทยสร้างไทย ต้องรักษาจุดยืนอุดมการณ์ของพรรค ในการมุ่งสร้างการเมืองสุจริต โดยพรรคไทยสร้างไทยขอยืนหยัดทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดถือผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง
หลังจากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์อย่างที่ทุกท่านทราบว่ามี สส.บางส่วนไม่ปฏิบัติตามมติพรรค แสดงตัวไปร่วมรัฐบาล ซึ่งคณะกรรมการจริยธรรมของพรรค ที่มีนายโภคิน พลกุล เป็นประธาน กำลังดำเนินการตามกฎหมาย ต่อการกระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของสมาชิกที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนที่เลือกเข้ามา และไม่ซื่อสัตย์ต่อพรรค ทั้งที่พรรคได้ทุ่มเทให้เขาอย่างสุดกำลัง จนทำให้คนเหล่านี้ได้เป็นผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ และหวังว่าเขาเหล่านั้นจะทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง
ซึ่งในประเด็นนี้ พรรคไทยสร้างไทย ต้องกราบขอโทษพี่น้องประชาชนในความผิดพลาดนี้ เนื่องจากเรามีเวลาน้อยมากในการหล่อหลอมอุดมการณ์ความคิด เพราะหลังจากที่พวกเราออกจากพรรคเดิม ไม่นานก็ต้องเข้าสู่การเลือกตั้ง
ส่วนกรณีของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายการุณ โหสกุล ที่ได้แสดงความจำนงไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการทำงานของพรรคไทยสร้างไทยแต่ประการใด เราขอแสดงความยินดีที่ทั้งสองได้ตัดสินใจไปอยู่ในที่ๆ คิดว่าเหมาะสมกับตนเอง โดยทั้งสองคนได้มาแจ้งต่อคุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หลายเดือนมาแล้ว ซึ่งคุณหญิง สุดารัตน์ ก็ไม่ขัดข้อง เข้าใจในความจำเป็น เพียงแต่ก่อนหน้านี้ทั้งสองยังไม่ได้ลาออกจากสมาชิกพรรค
พรรคไทยสร้างไทยขอยืนยันว่า กรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้กระทบต่อความมุ่งมั่นของพรรคไทยสร้างไทย แต่กลับจะ “เป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงพรรคไทยสร้างไทยให้เข้มแข็งขึ้น” เพราะปัญหาที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่นี้มันยิ่งใหญ่กว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับพรรคไทยสร้างไทยมากนัก
ประเทศไทยในวันนี้กำลังยืนอยู่บนรอยร้าวลึกในหัวใจของคนไทยที่ “หมดศรัทธา” กับการเมืองไทย เพราะบ้านเมืองนี้ถูกกัดกร่อนจากนักการเมืองสกปรก และระบบสีเทา เราเห็นนักการเมืองที่ไม่เคยยึดประโยชน์ประชาชน เราเห็นระบบที่เปิดทางให้ทุนสีเทาเข้ามายึดเศรษฐกิจไทย กฎหมายถูกบิดเบือน การใช้อำนาจเพื่อเอื้อพวกพ้อง การทุจริต กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เราชาชิน
จนทำให้คนไทยต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รายได้ลด รายจ่ายเพิ่ม หนี้สินท่วมหัว ศักยภาพในการแข่งขันของประเทศตกต่ำ แถมด้วยยาเสพติด การพนัน ที่ผิดกฎหมายแต่เข้าถึงคนไทยได้ง่ายยิ่งกว่าเข้าร้านสะดวกซื้อ เป็นประเทศที่เสมือนไม่มีรัฐบาลบริหารประเทศ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆ ได้ เราเข้าใกล้การเป็นรัฐล้มเหลวเต็มทีแล้ว
ประเทศไทยไม่ควรอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทั้งที่ประเทศไทยเต็มไปด้วยทรัพยากร เรามีคนเก่งและคนดีมากมาย แต่กลับติดหล่มเพราะระบบการเมืองที่เน่าเฟะ ใช้เงินซื้อเสียง ซื้อ สส. แล้วก็เข้าไปโกงอย่างมโหฬาร
ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องรื้อระบบสีเทาที่เต็มไปด้วยการทุจริต พรรคไทยสร้างไทยเราจะไม่ยอมจำนน พรรคไทยสร้างไทยไม่ใช่พรรคของใครบางคน แต่คือพรรคของประชาชนที่ไม่ทนกับความเหลวแหลกตกต่ำที่กำลังครอบงำประเทศ เราขอเชิญชวนคนดี คนมีความรู้ และกล้าสู้ มารวมพลังเป็นแสงสว่างฉายลงไปบนความมืดมิดของการเมืองไทย เพื่อกู้วิกฤติเศรษฐกิจ ทวงคืนเงินในกระเป๋าของประชาชน แก้หนี้อย่างเป็นระบบ ทุ่มกำลังฟื้นฟูการผลิต ปรับเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรม High Tecnology ที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกพลิกฟื้น SMEs ให้เข้มแข็ง
ปฏิรูปการศึกษา พร้อมพัฒนาทักษะแรงงานไทยให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นทางออกที่สำคัญที่จะทำให้คนไทยมีรายได้สูงขึ้น พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ธุรกิจไทย กอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศ เพื่อทำให้การท่องเที่ยวกลับคืนมา โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อมต้องถูกฟื้นฟู สยามเมืองยิ้มต้องกลับมาเพื่อคืนความสุขให้คนไทย
เป้าหมายไทยสร้างไทยคือ สร้างการเมืองสุจริต สร้างเศรษฐกิจดี สร้างไทยให้โดดเด่น กล้าผ่าโครงสร้างที่ฉุดรั้งประเทศ ส่งเสริมสถาบันหลักให้เข้มแข็ง
“พรรคไทยสร้างไทย ขอยืนยันว่าเราจะไม่มีวันยอมแพ้ต่อระบบที่กำลังทำร้ายประเทศไทย แต่เราทำงานใหญ่นี้เพียงลำพังไม่ได้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่ยังเชื่อในความถูกต้องมาร่วมกันสร้างการเมืองสุจริต มาร่วมกันเปลี่ยนประเทศไทยไปกับพรรคไทยสร้างไทย เพื่อให้ทุกคนรอดในวิกฤตนี้” คุณหณิงสุดารัตน์ กล่าว.-314-สำนักข่าวไทย