“แก้วสรร” แฉ “คนตระกูลชิน” หาคนออกแบบ “กาสิโนคลองเตย” ไว้แล้ว

รัฐสภา 15 พ.ค.-กมธ.กาสิโน ชี้พิรุธ ร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของรัฐบาล ส่อขัดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา “แก้วสรร” แฉ “คนตระกูลชิน” หาคนออกแบบ “กาสิโนคลองเตย” ไว้แล้ว

ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภา ที่มีนายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว. เป็นประธานกมธ. มีวาระพิจารณาต่อประเด็นแนววคิดการออกแบบกฎหมายและรายละเอียดของการมีเอนเทอร์เทนเมนต์ในประเทศ โดยเชิญ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ชี้แจง ทั้งนี้ นายกฯ ได้ส่งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เข้าชี้แจง ทั้งนี้ในการพิจารณาพบว่านายจุลพันธ์ ได้ติดราชการที่ประเทศเวียดนาม ทำให้ที่ประชุมเปิดเวทีให้ กมธ. ที่มีบทบาทเป็นฝ่ายวิชาการ อภิปรายเสนอมุมมองการวิเคราะห์


โดยนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ที่ปรึกษา กมธ. ได้อภิปรายต่อที่ประชุมตอนหนึ่งว่ารัฐบาลมีพิรุธในการเปิดบ่อนถูกกฎหมาย ออกพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ… เพื่อให้รัฐสภา มอบอำนาจเกือบเบ็ดเสร็จในพื้นที่เอนเทอร์เทนเมนต์ และบ่อน ให้กับกรรมการนโยบาย ที่มี นายกฯ เป็นประธาน โดยตนขอเรียนกว่าเป็น ครม. กาสิโน ทั้งนี้การขออำนาจรัฐสภากำหนดจำนวน และที่ตั้ง กาสิโน จะกำหนดค่าตอบแทนอย่างไร เพราะกฎหมายเขียนไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ทั้งที่การเขียนกฎหมายนั้นต้องระบุว่ารัฐต้องได้ผลตอบแทนไม่น้อย 5,000 ล้านบาท คำถามคือ คนที่จะได้สัมปทานนี้เกิดขึ้นโดย ครม.กาสิโน ไม่มีการเสนอการแข่งขันและมีการยกเว้นกฎหมายต่างๆ ให้เป็นเหมือนเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดย ครม.กาสิโน เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ไม่มีการรับฟังความเห็น ประเมินผลกระทบ ทั้งที่ควรทำประชามติเฉพาะเขต

นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันจะเปิดบ่อนการพนันถูกกฎหมายขนาดใหญ่ มีข่าวหนาหูที่ต้องถามคือ ในพื้นที่ กทม. จะทำที่คลองเตย พื้นที่ 3,800 ไร่ เตรียมแก้ไข พ.ร.บ.การท่าเรือ เอาพื้นที่ให้ทำได้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีมูลค่า ตารางวา 1.2ล้านบาท หากใช้ 10% ทำกาสิโน เท่ากับจะใช้เงิน 1 แสนล้านบาท แต่คนลงทุนจ่ายค่า 1,100 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น นอกจากนั้น จ.เชียงใหม่ ทำที่ อ.สันกำแพง จ.ชลบุรี ทำที่ อู่ตะเภา ทั้งนี้การออกกฎหมายให้สัมปทาน 30 ปี แต่หากมีผลกระทบต้องยกเลิก เป็นภาระของลูกหลานที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกรณีอื่นๆ ที่เคยมีปัญหา เช่น โฮปเวล ที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม


นายเจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคไม่เคยสัญญากับประชาชนเมื่อได้อำนาจรัฐจะเปิดบ่อนการพนันถูกกฎหมายในเมือง แต่เมื่อได้รับอำนาจแล้ว กลับไปทำในสิ่งที่ไม่ได้สัญญากับประชาชน ถือว่าทำผิดหรือไม่ และจากที่ฟังรัฐบาลบอกว่าไม่ยินดีทำประชามติ ทั้งที่การออกกฎหมายที่มีผลกระทบต่อสังคม รัฐบาลควรจัดให้มีการทำประชามติเพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนก่อน ทั้งนี้มีความน่าสนใจต่อการทำร่างกฎหมายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่อาจมีประเด็นขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งในอนุกรรมาธิการผลกระทบกับสังคมต้องพิจารณา

ขณะที่ นายแก้วสรร อติโพธิ กมธ. กล่าวว่า แนวคิดของรัฐบาลที่ต้องการให้มีสถานบันเทิงที่มีบ่อนกาสิโน ซึ่งรัฐบาลเสนอร่างกฎหมายต่อสภาฯ ซึ่งตนมองว่าเป็นความต้องการที่เปิดให้ทุนข้ามชาติเข้ามาประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ในการศึกษาของกมธ. จำเป็นต้องพิจารณาในแง่ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ชุมชนและสังคม ทั้งนี้ที่ทราบมาว่าเขาจะตั้ง 5-10 ที่ ขับรถไปถึงภายใน 3 ชั่วโมง ดังนั้นที่ตั้ง ขนาด และจำนวนเป็นประเด็นต้องพิจารณาซักถามรายละเอียดจากรัฐมนตรี อย่างไรก็ดีตนพบพิรุธในโครงการที่จะทำคือ มีคนในตระกูลชินวัตร จัดหาผู้ออกแบบได้แล้วในโครงการที่จะทำที่ท่าเรือคลองเตย ส่วนที่เหลือนั้นตนไม่ทราบ

นายแก้วสรร กล่าวด้วยว่า ในการพิจารณาของกมธ. ต้องคำนึงถึงการตรวจสอบด้วย การบังคับใช้กฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดเป็นโครงสร้างพื้นฐานของอาชญากรรม ยาเสพติด การค้าประเวณี ผู้มีอิทธิพลตามจังหวัดต่างๆ เพราะหากเกิดกรณีมีจีนเทามาสุมในพื้นที่เปิดสถานบันเทิงที่มีบ่อนการพนัน อาจเกิดกรณีทุนเทาเต็มสภาฯ จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้วประมาณ 5 อย่างไรก็ดีการเขียนกฎหมายของรัฐบาล หากตนเป็นสว. จะทำให้ถึงศาล เพราะเท่ากับเป็นการยกอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติให้กับองค์กรอื่น และมีเนื้อหาเท่ากับการยกสิทธินอกอาณาเขตให้คนอื่น


“ขอให้พิจารณาในประเด็นสำคัญต่อประเด็นการหารายได้ให้กับประเทศในภาวะที่มีปัญหาศูนย์เหรียญเกิดขึ้น ดูดเงินออกจากประเทศไทยไปต่างชาติ นอกจากนั้นแล้วจำเป็นต้องพิจารณาผลกระทบทางเศรษฐกิจและธุรกิจเดิมในพื้นที่ เช่น กรณีที่จะตั้งที่ คลองเตย การท่องเที่ยวย่านสีลมจะรอดหรือไม่ ทั้งนี้จำเป็นต้องจัดการให้ดีสุด ผมไม่ดัดจริตว่าไม่เอา แต่ต้องบริหารจัดการผลกระทบให้ได้” นายแก้วสรร กล่าว

ขณะที่นายจรัญ ภักดีธนากุล กมธ. กล่าวว่า คนร่างและเสนอกฎหมายเข้ามาต่อสภาฯ นั้น แปลง ครม. ให้เป็น กรรมการนโยบาย ทั้งที่เป็นอำนาจของ ครม. ฐานะฝ่ายบริหารของประชาชน แม้ตัวบุคคลเป็นคนเดียวกันแต่สถานะไม่เหมือนกัน เพราะกรรมการนโยบายไม่ต้องรับผิดชอบต่อสภาฯ จากประเด็นของการเสนอกฎหมายนั้นตนมองว่าเป็นเนื้อหาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หลายมาตรา เริ่มจาก มาตรา 115 มาตรา 3 มาตรา 65

“การเปิดให้มีบ่อนพนันออนไลน์ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อประเทศ การวิเคราะห์ในเชิงเศรษฐศาสตร์จะทำให้เครดิตของประเทศไทยทุกด้าน รวมถึงการลงทุนถูกกระทบ และต้องใช้หลักธรรมาภิบาล ที่ต้องมีหลักนิติธรรม เพราะหากไม่มีจะขัดแย้งกับรัฐธรมนูญ มาตรา 65 ผมไม่คิดว่าเสียงเอกฉันท์ของสว. จะยับยั้งโครงการนี้ถาวร เพราะรัฐบาลจากพรรคที่กุมเสียงข้างมากในสภาฯ ได้เบ็ดเสร็จ สามารถโต้แย้งได้ ผมเห็นว่าจำเป็นต้องอ้างรัฐธรรมนูญและเชื่อว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นว่าการทำเรื่องดังกล่าว ขัดแย้งกับสำนึกในศีลธรรมอันดีของคนไทย ธรรมาภิบาล ยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดให้ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง” นายจรัญ กล่าว.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]