กมธ.ป.ป.ช. เชิญ สว.สำรอง-กกต. แจง ฮั้วเลือก สว.

รัฐสภา 15 พ.ค.-กมธ.ป.ป.ช. เชิญ สว.สำรอง-กกต. แจง ฮั้วเลือก สว. ยันไม่ใช่เกมการเมือง แต่เพื่อให้สถาสูงสง่างาม ขอผู้แจงไม่ระบุตัวบุคคล หวั่นกระทบสำนวน DSI ด้าน พล.ต.ท.คำรบ ซัด กกต.ไม่กระตือรือร้นข้อร้องเรียน

นายฉลาด ขามช่วง ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ในการเชิญเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง และผู้ร้องเรียน เข้าชี้แจงเรื่องการตรวจสอบการปฎิบัติหน้าที่ของผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาว่า กลุ่ม สว.ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกเข้าไปทำหน้าที่ ทำเรื่องร้องมายังคณะกรรมาธิการ เพื่อขอให้ตรวจสอบการฮั้วเลือก สว. ในฐานะกรรมาธิการจึงมีหน้าที่ในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ว่ามีการทุจริตและประพฤติมิชอบหรือไม่ ในส่วนนี้มีบุคคลที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งส่วนราชการ และนักการเมือง


นายฉลาด กล่าวว่าภายหลังที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษและเดินหน้าอย่างรวดเร็ว กรรมาธิการจึงได้เชิญ ผู้ร้อง และ กกต. มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อรับฟังข้อมูลทั้งหมดที่อ้างว่าถูกข่มขู่จากหน่วยของรัฐ “เราอยู่ในระบอบการปกครองประชาธิปไตย สภาเราต้องมีความโปร่งใส เลือกตั้งแต่ละครั้ง สส. ก็ถูกนินทาอยู่เรื่อย สภาสูง หรือวุฒิสภา เป็นสภากลั่นกรองจะต้องมีความสง่างาม ไม่ได้มองว่าท่านทุจริต แต่เมื่อสังคมเกิดความสงสัย ทุกองค์กรมีหน้าที่ รวมทั้งสื่อมวลชนด้วย ตรวจสอบว่าท่านมาด้วยความสง่างาม พวกเราก็ชื่นชม ขอให้ท่านมา ไม่ใช่เป็นการใส่ร้าย หรือปั้นแต่ง เกิดจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ผู้ร้องส่วนหนึ่งมีข้อมูลจะจริงหรือเท็จก็มาพิจารณากัน” นายฉลาด กล่าว

นายฉลาด ยังย้ำว่า กกต. และดีเอสไอมีหน้าที่ในการสืบสวนข้อมูลเพื่อจะให้คุณให้โทษ ส่วนกรรมาธิการจะหาข้อมูลข้อเท็จจริง แล้วรายงานสภาให้ทราบ


เมื่อถามว่าการหยิบยกเรื่อง ฮั้ว สว. เข้าที่ประชุมกรรมาธิการจะถูกมองเป็นการเมืองหรือไม่ นายฉลาด กล่าวว่า เนื่องจากมีผู้ร้องมายังกรรมาธิการ จึงให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลว่ามีการกลั่นแกล้งกันหรือไม่ เพราะสภาเป็นสภาคู่ ซึ่งวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรต้องทำงานร่วมกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ตนยืนยันว่า วันนี้ตนเป็น สส.มา 10 สมัย ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ต้องทำหน้าที่ไม่ทำไม่ได้

เมื่อถามว่ากลุ่ม สว.สำรอง ได้ยื่นร้องเรียนมีเรื่องใดบ้างนั้น นายฉลาด กล่าวว่า มีทั้งที่เป็นข่าว และบางเรื่องที่จะมาเล่าให้ฟังในวันนี้ สิ่งใดที่เป็นความลับในสำนวน เพื่อไม่ทำให้สำนวนสอบสวนของดีเอสไอเสียหาย หรือเกิดการปราบปรามใส่ร้ายผู้ใดผู้หนึ่ง การชี้แจงต่อกรรมาธิการจึงขอให้ไม่ระบุชื่อตัวบุคคล

ทั้งนี้นายฉลาด กล่าวว่า ในนามสภาผู้แทนราษฎร เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายนิติบัญญัติที่จะสร้างความมั่นใจว่า เราสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา มาโดยชอบด้วยกฎหมาย สง่างาม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความสวยงามตามระบอบประชาธิปไตย


สำหรับการประชุมกรรมาธิการ ป.ป.ช.วันนี้ ได้พิจารณาข้อร้องเรียนการตรวจสอบการทำหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ สำนักงาน กกต. กรณีการเลือก สว. ที่มีการฮั้ว ที่มีผู้สมัคร สว.ร้องเรียน นำโดยพลตำรวจโทคำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ อดีต ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะผู้สมัคร สว. และ สว.สำรอง ซึ่งการชี้แจงในวันนี้ (15 พ.ค.) มีกลุ่มผู้สมัคร สว.ในฐานะผู้ร้อง และผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ร้อยตำรวจเอกชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต.รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ภายใน กกต.มาชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ

นายฉลาด ยืนยันก่อนเริ่มการพิจารณาว่า การพิจารณาข้อร้องเรียนในวันนี้ (15 พ.ค.) ไม่มีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นไปตามหลักการ ทั้งการพิจารณาข้อร้องเรียนของผู้ร้องเรียน และการชี้แจงของผู้ถูกร้อง

ขณะที่ พลตำรวจโทคำรบ ยังคงย้ำว่า ระบบการเลือก สว. ที่ กกต.ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซึ่งไม่มีความชำนาญ ทั้งการตรวจสอบคุณสมบัติ และการตรวจสอบเอกสารต่างๆ ไม่เรียบร้อย ผู้สมัครไม่ตรงกลุ่มอาชีพ รวมถึงยังมีการจัดตั้งผู้สมัคร นำประชาชนที่ไม่ได้เต็มใจมาสมัครรับเลือก และยังมีการใช้เงินไปจ้างลงสมัคร รวมถึงระบบที่ยังหละหลวมของ กกต.ทำให้การจัดตั้งง่ายขึ้น เจ้าหน้าที่ระดับอำเภอบางพื้นที่ ยังมีการเกี่ยวพันและอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มจัดตั้ง ซึ่งความไม่ตรงไปตรงมา ก็เริ่มต้นตั้งแต่ระดับอำเภอ เมื่อมาถึงระดับประเทศ ที่ผู้ตรวจการเลือกตั้งรายงานว่า จะมีผู้สมัครกลุ่มจัดตั้งใช้โพย จนมีการใช้โพยจริง ก่อนที่ กกต.จะห้ามใช้เอกสารทั้งหมดเข้าพื้นที่การเลือก และ กกต.รายหนึ่ง ก็ยังสามารถยึดโพยในเขตการเลือกได้ ซึ่งถือเป็นของกลาง แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบใด ๆ จนมีการขานคะแนน ทุกกลุ่มอาชีพ พบว่า มีคะแนนออกมาเป็นชุด ๆ ตามที่เป็นข่าว และซ้ำไปซ้ำมา ตามที่ปรากฏเป็นข่าว สะท้อนถึงการจัดตั้งจริง ซ้ำยังพบโพยในห้องน้ำ และคะแนนก็เกาะกลุ่มตรงตามโพย รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.ก็ยังไม่กระตือรือร้นเพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนใด ๆ จนกระทั่งมีการประกาศผลการเลือก สว.พวกตนจึงได้ไปร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI หลังจากนั้น จึงได้รวบรวมหลักฐานต่าง ๆ และมอบให้กับ DSI จนได้ความชัดเจนเครือข่ายกลุ่มฮั้ว สว.ครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ

พลตำรวจโทคำรบ ขอให้ กกต.ทบทวนการยกคำร้อง ข้อร้องเรียนต่อเลขาธิการ กกต. กรณีที่มีผู้ตรวจการเลือกตั้ง ทราบว่าจะมีโพย และแจ้งเลขาธิการ กกต.ให้ระงับการเลือก แต่เลขาธิการ กกต.กลับละเลยด้วย

ทั้งนี้ ก่อนที่รองเลขาธิการ กกต.จะชี้แจงนั้น นายสุทธิชัย จรูญเนตร สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ ได้เสนอให้ที่ประชุมกรรมาธิการฯ ดำเนินการประชุมแบบลับ ระหว่างผู้ร้อง และผู้ถูกร้อง เพราะเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญ และสังคมให้ความสนใจ กรรมาธิการหลายคน ต้องการซักถามและแสดงความเห็น จึงขอยังไม่มีการเปิดเผย เพราะหากมีการเผยแพร่สด การชี้แจงของผู้ร้องและผู้ถูกร้อง อาจไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย จึงขอให้มีการประชุมลับ.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกแล้ว หลัง “บิ๊กเต่า” เข้าเจรจา

26 ส.ค. – “หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หลัง “บิ๊กเต่า” ร่วมสอบปากคำคดียักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ภายหลัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เข้าร่วมสอบปากคำ พระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และ หมอบี ล่าสุด มีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต ยินยอมจะขอลาสิกขาจากเพศบรรพชิตแล้ว เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยอดีตพระอลงกต ถูกจับกุมเมื่อช่วงตี 1 ที่ผ่านมา ตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในข้อหายักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฟอกเงิน.-สำนักข่าวไทย

ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” หวังกลับมาทำงาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ขอ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี ด้าน “แพทองธาร” หวังได้กลับมาทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสีหน้าสดใส โดยระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญ เช่น การพิจารณารายชื่อนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 69 ประจำปีการศึกษา 2569 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ มินิ วปอ. ได้สอบถามและให้ความคิดเห็นในรายชื่อของนักศึกษาบางคน ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้เป็นตัวแทนรัฐมนตรีทุกคนกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้วันที่ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี นอกจากนี้ ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุม […]

“ณัฐพล” สั่งแจ้งเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อลวดหนาม

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ณัฐพล” ฮึ่ม สั่งกองทัพ-ปชช.แจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน ด้าน กต. ทำหนังสือประท้วง ย้ำ เป็นอธิปไตยของไทย เตรียมนำปัญหาทั้งหมดคุยวง GBC ก.ย.นี้ ย้ำหน่วยพื้นที่ยิงตอบโต้ได้ทันที ตามกฎการใช้กำลัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของไทย บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะมาพบกับประชาชนที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ทำให้เจ้าหน้าที่นำรั้วลวดหนามมาวางเพิ่มเติม เพราะกังวลว่าชาวกัมพูชาจะมารบกวน จึงทำให้ชาวกัมพูชาตั้งใจจะมารื้อในส่วนที่เป็นรั้วเพิ่มเติม ไม่ใช่ส่วนที่วางไว้ตั้งแต่เดิม จึงได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เป็นการปักในพื้นที่ประเทศไทย จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งกองทัพภาคที่หนึ่งหรือกองกำลังบูรพาก็สามารถดำเนินการ แจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้ ซึ่งตนเองได้ย้ำว่าจะต้องไม่มีภาพแบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่าการนำชาวบ้านมากดดันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ไม่สามารถมาทำเช่นนี้ได้ ส่วนการปฏิบัติการ จะใช้มาตรการเดียวกับการปราบปรามการชุมนุมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การปฏิบัติการจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกได้ใช้ เครื่องแอลแรท (LRAD) ไปแล้ว เราต้องเตรียมกำลังเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาใช้กำลังตำรวจ เพราะหากใช้กำลังทหารจะรุนแรงเกินไป […]

คุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง

สระแก้ว 26 ส.ค.- ฝ่ายความมั่นคงคุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานประกาศปิด 2 วัน (26-27 ส.ค.) เพื่อความปลอดภัย สถานการณ์บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดนกัมพูชา และเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดเมื่อวานนี้ ล่าสุดสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานได้ประกาศปิดเรียน 2 วัน ในวันที่ 26-27 สิงหาคมนี้ เพื่อความปลอดภัย ด้านฝ่ายความมั่นคงเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและปฏิบัติการตามขั้นตอน เพื่อยืนยันการรักษาอธิปไตยของไทย และความปลอดภัยของประชาชน ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุในช่วงนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ทางฝั่งกัมพูชายังคงมีชาวบ้านนอนเฝ้าอยู่บริเวณรั้วตลอดทั้งคืน แต่ยังไม่มีการก่อความวุ่นวายใดๆ