“อนุดิษฐ์” แจงผ่านเฟซบุ๊ก ข่าวร่วมงานพรรคกล้าธรรม

กรุงเทพฯ 14 พ.ค. – “อนุดิษฐ์” แจงผ่านเฟซบุ๊ก ข่าวร่วมงานพรรคกล้าธรรม บอกตอนนี้ยังไม่ได้เข้าสังกัด รับ “ไผ่ ลิกค์” ชวน ชม “ร.อ.ธรรมนัส” ถึงลูกถึงคน ใจกว้าง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ส่วน “นฤมล” เป็นนักการเมืองคุณภาพ


นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และอดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงกระแสข่าวเตรียมย้ายไปสังกัดเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม ว่า “สวัสดีครับ พี่น้องทุกท่าน รวมถึงพี่น้องสื่อมวลชนที่รัก

ก่อนอื่นต้องขออภัยที่อาจจะไม่ได้รับสาย หรือยังไม่สามารถตอบข้อความแชท หรือติดต่อกลับพี่น้องทุกๆ ท่านได้ ทั้งด้วยมารยาททางการเมือง และเพื่อให้ทุกอย่างตกผลึกมีความชัดเจน โดยไม่ต้องการขยายความให้เกิดความสับสน


ทุกท่านคงได้เห็นข่าวที่ระบุว่า ผม และน้องชาย เก่ง การุณ จะไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม และการให้สัมภาษณ์จากน้องไผ่ สส.ไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคกล้าธรรม ที่ออกมายืนยันกระแสข่าวว่า เป็นความจริง ทั้งยังให้เกียรติ “พี่เก่ง-พี่ป๊อป” ในทุกถ้อยคำที่กล่าวถึง

ผมขอใช้พื้นที่นี้เล่าที่มาที่ไปของเรื่องนี้ที่ดูเหมือนจะเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจในวงกว้างข่าวหนึ่งในวันนี้ แล้วทำให้คนว่างงาน 2 คน รู้สึกเหมือนได้กลับมาเป็น “หนุ่มฮอต” อีกครั้ง

อย่างที่ทราบกันครับ ผม เก่ง และ สส.ไผ่ มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน ทั้งในแง่ความสัมพันธ์ส่วนตัว และในการทำงานการเมือง ตั้งแต่พรรคเพื่อไทย มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกัน ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันตลอด


ซึ่งผมก็ยอมรับครับว่า สส.ไผ่ ได้ชักชวนให้ไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมจริง โดยก่อนจะเอ่ยปากชวนนั้น ก็ได้ถามถึง “แพสชั่น” (Passion) แรงผลักดันในการทำงานทางการเมือง และโอกาสที่จะมาร่วมงานกัน ซึ่งทั้งผมและ สส.เก่ง ก็ยืนยันว่า ยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจเช่นเดิม หรือมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ รอเพียง “ไทม์มิ่ง” หรือจังหวะเวลาที่เหมาะสม

ต้องเล่าย้อนไปด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ผม และเก่ง ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ที่เป็นทั้งพี่สาว และคุณแม่ผู้หยิบยื่นโอกาสในการทำงานการเมืองให้เราทั้งคู่ เพื่อขอยุติบทบาทการทำหน้าที่กรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย มาเป็นเวลาปีเศษแล้ว เหลือแต่การคงสมาชิกภาพไว้เท่านั้น

ปีเศษที่ผ่านมา ก็เป็นช่วงที่เราทั้ง 2 คน ได้ทบทวนและหารือวางแนวทางการทำงานการเมืองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันและอนาคต จึงไม่เห็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพวกเราเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงขณะนี้เราก็ยังไม่ได้เข้าสังกัดพรรคกล้าธรรม หรือพรรคการเมืองอื่นแต่อย่างใด

หลายคนคงอยากว่า คุณอนุดิษฐ์ คุณการุณ ทำงานการเมืองมาตั้งนาน เป็น สส.ตั้งหลายสมัย รัฐมนตรีก็เป็นมาแล้ว คิดยังไงจะไปอยู่กับพรรคการเมืองใหม่ เพิ่งตั้งมาไม่กี่เดือน ชื่อก็ยังไม่คุ้น ตั้งมาเฉพาะกิจหรือเปล่าก็ไม่รู้

ผมขออนุญาตพูดคุยอย่างตรงไปตรงมากับทุกคนไปพร้อมกับผม จะได้เข้าใจตรงกันครับ

ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ในฐานะนักการเมือง ผมทำงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะรับใช้ประชาชน และมีส่วนร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศชาติ เช่นเดียวกับ 2 ปีที่ผ่านมาที่แม้ส่วนตัวจะไม่มีโอกาสเข้าไปทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรในสภาฯ อย่างที่ตั้งใจ ก็ยังมีพี่น้องประชาชนแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน บ้างก็มาทักทาย บ้างก็มาหารือ แต่ส่วนใหญ่มักปัญหาความเดือดร้อนมาเล่าสู่เพื่อช่วยกันหาทางแก้ไขโดยตลอด ในแง่ปริมาณอาจจะมากกว่าช่วงที่มีตำแหน่งทางการเมืองด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็พยายามแสวงหาหนทางในการบรรเทาแก้ไขทุกๆ ปัญหา ให้กับพ่อแม่พี่น้องอย่างสุดความสามารถ

ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า การตัดสินใจหันหลังจากชีวิตราชการในกองทัพอากาศ อาสาเข้ามาทำงานการเมือง เมื่อราว 20 ปีก่อนนั้น ไม่ได้เพราะอำนาจ-อิทธิพล-ลาภยศ แต่หวังจะมาเป็นที่พึ่งพิงยามที่พ่อแม่พี่ป้าน้าอาทุกข์ยากเดือดร้อน

ทว่าด้วยสถานะทางการเมืองปัจจุบัน ก็ทำให้ผมต้องเผชิญ “ความจริงที่เจ็บปวด” เมื่อการประสานงานขอความร่วมมือ โดยเฉพาะกับหน่วยงานรัฐ ดูจะติดขัด มีข้อจำกัด ไม่ว่าเรื่องใหญ่-เล็ก ทั้งที่สมัยมีตำแหน่ง สส. ทุกอย่างดูราบรื่นไปเสียหมด

ตรงนี้เองที่ เลขาฯ ไผ่ ซึ่งวันนี้กลายเป็นนักการเมืองมากประสบการณ์ไปแล้ว ยกขึ้นมาพูดคุยกับ ผม และ สส.เก่ง โดย “อวด” แนวทางการทำงานของพรรคกล้าธรรม ที่อาจารย์แหม่ม-ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าพรรค และผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรค วางไว้เป็นหลักปฏิบัติในเรื่องที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนว่า ไม่มีเขา ไม่มีเรา ไม่มีรัฐบาล ไม่มีฝ่ายค้าน มีแต่หน้าที่ของผู้แทนราษฎร หน้าที่ของฝ่ายการเมือง ที่ต้องร่วมกันทำงาน มีประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และผลสัมฤทธิ์เพื่อส่วนรวม

ยังไม่ทันจบหัวข้อสนทนา ผม กับ สส.เก่ง เหมือนโดนยิงตรงเป้าเข้าใจดำ ยอมรับว่า เราทั้งคู่โดนน้องชายจากเมืองกำแพง “ตก” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่แค่เราพี่น้อง 3 คนมานั่งเออออตกลงกันเอง ต้องดูท่าทีถามใจ “เจ้าบ้าน” เขาด้วย

ส่วนตัวผมรู้จัก และติดตามการทำงานของอาจารย์แหม่ม ตั้งแต่สมัยสภาฯ ที่แล้ว รู้สึกถึงความตั้งใจในการทำงานตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟังการอภิปรายด้วยน้ำเสียงฉะฉานน่าฟัง ใช้เวลากับเหตุผลสาระความรู้ ไม่ตีฝีปากยกโวหารให้เสียขบวน จนยากจะเชื่อว่าเป็น สส.สมัยแรก และรู้ได้ทันทีว่า เมืองไทยได้ นักการเมืองหญิงคุณภาพมาประดับวงการอีกคนแล้ว ด้วยความรู้ความสามารถ ที่มาพร้อมจิตวิญญาณนักสู้ หลังทำหน้าที่ สส. ไม่นาน อาจารย์แหม่ม ก็โดดไปโลดแล่นในฝ่ายบริหาร เติบโตบนเส้นทางการเมืองอย่างรวดเร็วอย่างที่เราเห็นกัน

ส่วน ผู้กองธรรมนัส ก่อนจะมาเป็นนักการเมืองคนดังแห่งยุค เราเคยกระทบไหล่กันสมัยเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ที่รุ่นใกล้ๆ กัน และหลายปีต่อมาก็กลับมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันอีกครั้งที่ พรรคเพื่อไทย ยุครัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์

กระทั่งหลังเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งผมได้รับเลือกเป็น สส.กทม เขตสายไหม และมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านสมัยนั้น ก็มักได้ยินกิตติศัพท์ และได้เห็นความมีน้ำใจของ ผู้กองธรรมนัส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขณะนั้น รับผิดชอบขับเคลื่อนนโยบายแก้ปัญหาปากท้อง ที่ดินทำกิน ที่มีความก้าวหน้ามากๆ เหตุเพราะไม่เลือกปฏิบัติ ไม่สนว่าเป็นพื้นที่ของพรรคไหน ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล รวมถึงการประสานความร่วมมือต่างๆ ที่แม้จะอยู่คนละพรรค คนละฝ่ายก็ตาม

หากผมตัดสินใจร่วมงานกับ พรรคกล้าธรรม ก็คงเป็น ”พันธุกรรม-บุคลิก“ การทำงานถึงลูกถึงคน น้ำใจกว้างขวาง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ที่รับถ่ายทอดมาจาก หัวหน้าพรรค-ประธานที่ปรึกษา ผสมผสานกันเป็น “ตัวตน“ ที่ “แตกต่าง-ชัดเจน” ยากจะเลียนแบบ

ท้ายที่สุดไม่ว่า พรรคกล้าธรรม จะมีผม และ สส.เก่ง ร่วมเดินทางไปด้วยหรือไม่ก็ตาม ก็เชื่อแน่ว่าอีกไม่นาน พรรคการเมืองน้องใหม่พรรคนี้จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญของการเมืองไทย ตลอดจนมีศักยภาพเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนประเทศชาติไปข้างหน้า สร้างโอกาส-อนาคตที่ดีให้กับประชาชนได้อย่างแน่นอน

“ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่ได้ให้ความสนใจและสอบถามกันมาในทุกช่อง ผมเป็นคนตรงไปตรงมาครับ เพราะฉะนั้นหากมีความคืบหน้า ในการตัดสินใจเดินหน้าการเมืองของผม ผมจะขอใช้ช่องทางนี้ในการชี้แจงให้กับพี่น้องประชาชนได้ทราบต่อไป” .-316-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

จับตานายกฯ นัดคุยหัวหน้าพรรคร่วม ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – จับตานายกฯ เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน คาดจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม ความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายงานว่า วันนี้ (22 มิ.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน ภายหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลง 8 ตำแหน่ง คาดว่าจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม โดยเมื่อเวลา 12.26 น. รถยนต์ของนายกรัฐมนตรีได้เลี้ยวเข้าโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ.-316-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” สั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ไทยปิดด่านช่องสายตะกู

22 มิ.ย.- “ฮุน มาเนต” นายกฯ กัมพูชา ออกคำสั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ทางการไทยปิดด่าน “ช่องสายตะกู” เมื่อเวลา 07.00 น. “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โพสต์หนังสือคำสั่ง โดยระบุว่า ให้ปิดด่านบ้านจุ๊บโกกี อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย จนกว่าไทยจะเปิดด่านช่องสายตะกู พร้อมระบุว่า เมื่อคืนวานนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา ได้รับแจ้งจากกองทัพภาคที่ 2 ของไทย ว่า จะมีการปิดด่านชายแดนช่องสายตะกูอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้ ผู้นำกัมพูชา ยังได้อนุมัติให้ปิดด่านช่องจวม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย และจะแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ของไทย รับทราบ สำหรับคำสั่งปิด 2 ด่านดังกล่าว เป็นจุดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด่านช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ -สำนักข่าวไทย

รวบ 2 นักพนันปอยเปต มุดช่องทางธรรมชาติข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 22 มิ.ย.- รวบ 2 นักพนันชาวไทย อยากกลับภูมิลำเนา หลบจากบ่อนปอยเปต มุดช่องทางธรรมชาติ เหตุนำพาสปอร์ตจำนำไว้ที่บ่อน ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อคืนที่ผ่านมา กองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา) โดยหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ, ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12(ร้อย ชค.1201) เข้มงวดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะออกทำการลาดตระเวนแนวชายแดน ตรวจพบหญิง 2 คน กำลังปีนเครื่องกีดขวาง(ลวดหนามหีบเพลง) จากฝั่งกัมพูชา เข้ามาฝั่งประเทศไทย บริเวณแนวชายแดนคลองลึก บ.ดงงู ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากตรวจสอบเอกสารประจำตัวทราบชื่อต่อมา น.ส.จุฑาวรรณ ภูมิลำเนา กรุงเทพฯ เดินทางไปเล่นการพนันช่วงเดือน เม.ย.68 ที่จุดผ่านแดนถาวร บ.คลองลึก และเสียการพนัน จึงได้จำนำหนังสือเดินทาง (passport) ไว้ที่บ่อน และ นางปนัดดา ภูมิลำเนา จ.ขอนแก่น เดินทางไปเล่นการพนัน ตั้งแต่ ส.ค.66 ทางช่องทางธรรมชาติ โดยทั้ง 2 คน ให้การเบื้องต้นกับทางเจ้าหน้าที่ […]