โฆษกกล้าธรรม ชู “ธรรมนัส” ฝีมือครบเครื่อง ถือเป็น “ผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง”

กทม. 13 พ.ค.-โฆษกพรรคกล้าธรรม ชู “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ฝีมือครบเครื่อง ถือเป็น “ผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง” ด้วยสไตล์ ใจถึง พึ่งได้ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ ยึดผลลัพธ์สำเร็จเป็นที่ตั้ง

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 ในฐานะโฆษกพรรคกล้าธรรม เปิดเผยมุมมองต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า ในสถานการณ์ที่รัฐบาลต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำในภาคการเกษตร การลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย และราคาพืชผลที่ผันผวน รัฐบาลจำเป็นต้องมี “ผู้จัดการตัวจริง” ที่ไม่ใช่เพียงนั่งโต๊ะบริหาร แต่ต้องสามารถจัดการปัญหาหน้างานได้จริง ซึ่งบุคคลที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในภารกิจนี้คือ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม​ โดยมีเหตุปัจจัยคือ​ ร้อยเอกธรรมนัส มีความสามารถเฉพาะตัวและบุคลิกผู้นำภาคสนามที่อ่านสถานการณ์เป็น ลงมือเร็ว และกล้าตัดสินใจ ทางการเมือง (political views) อีกทั้งยังมีคุณลักษณะเฉพาะตัวที่หาได้ยากในแวดวงการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ ความเป็นสายลุย กล้าเดินเข้าไปในปัญหาไม่ลังเลที่จะลงพื้นที่ที่เสี่ยงหรือซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ชายแดน หรือชุมชนที่มีปัญหาเรื้อรัง


นายอัครแสนคีรี ยังระบุว่า​ร้อยเอกธรรมนัส ยังอ่านเกมไว ตัดสินใจเร็ว ด้วยประสบการณ์ทั้งทางทหารและการเมือง ทำให้เข้าใจโครงสร้างอำนาจในระบบราชการ และรู้วิธีขับเคลื่อนให้เกิดผลอย่างรวดเร็ว และสร้างความสัมพันธ์ในทุกระดับ ทั้งจากชาวบ้าน เกษตรกร ผู้นำท้องถิ่น ไปจนถึงข้าราชการระดับสูง ทำให้เชื่อมโยงเครือข่ายเหล่านี้เข้ากับนโยบายได้จริง​ และด้วยสไตล์ พูดจริง ทำจริง เป็นบุคคลที่มีคำพูดหนักแน่น และยึดมั่นในความรับผิดชอบ “เมื่อให้คำมั่นแล้ว ต้องเห็นผลในภาคปฏิบัติ” ประกอบกับบุคลิกที่ตรงไปตรงมา ใจถึง พึ่งได้ ติดดิน สไตล์ลูกชาวนาเมืองพะเยา และเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ภาคสนามอย่างกว้างขวาง

นายอัครแสนคีรี​ กล่าวอีกว่า​ ร้อยเอกธรรมนัส มีสไตล์การทำงาน จากบนโต๊ะสู่การเปลี่ยนแปลงบนดิน คือแทนที่จะนั่งรับรายงานในห้องประชุม แต่ยึดหลักการ “บริหารเชิงปฏิบัติ” ที่เน้นลงพื้นที่ รับฟังปัญหาจากปากเกษตรกร และตรวจสอบสถานการณ์จริงด้วยตนเอง​ โดยยกตัวอย่างสำคัญในช่วงที่ผ่านมาคือ, การลงพื้นที่ตรวจสวนทุเรียนที่ภาคตะวันออกภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดข่าวราคาตกต่ำ, สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรลงพื้นที่ช่วยเกษตรกรทันที โดยไม่รอผ่านขั้นตอนตามปกติ,จัดการการลักลอบนำเข้ายางพารา และสินค้าเกษตรเถื่อนตามแนวบริเวณชายแดนนะต้องเอาให้มันรู้เรื่องมันทำไม่ได้ และการจัดการปัญหามวลชน ที่ล้อมทำเนียบรัฐบาล คือผู้จัดการตัวจริง แก้ปัญหาได้จริง ติดตามปัญหาทุกสถานการณ์ เป็นต้น


นายอัครแสนคีรี​กล่างเพิ่มเติมว่า​ ร้อยเอกธรรมนัส​ ถึงลูกถึงคน เข้าถึงชุมชน ศรัทธาในสนามเลือกตั้ง ซึ่งการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องและการสื่อสารอย่างจริงใจ ทำให้เกิด “พลังแห่งศรัทธา” ที่แสดงให้เห็นในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้นำในการวางยุทธศาสตร์ ปราศรัย และสร้างความสัมพันธ์กับประชาชนโดยตรง เห็นผลสำเร็จ คือสร้างปรากฏการณ์ “เก้าอี้ว่างเปลี่ยนขั้ว” ท่ามกลางฐานเสียงพรรคใหญ่ ยืนยันว่าการเมืองที่จริงใจ ยังชนะเหนือกระแสเงินทุนหรือชื่อพรรค​ และบริหารจัดการสินค้าเกษตร เชิงรุก เชิงรับ และสร้างรายได้มั่นคง​ซึ่งเป้าหมายใหญ่ของ ร้อยเอกธรรมนัส คือ “ยกระดับรายได้เกษตรกรให้จับต้องได้” โดยใช้เครื่องมือหลายมิติ ทั้ง การสร้างรายได้3เท่าภายใน4 ปี ภายใต้ 9 นโยบาย , ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ขยายผลอย่างต่อเนื่อง, MOU การตลาดล่วงหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับผลผลิต ,เสริมศักยภาพเกษตรกรผ่าน Smart Farmer, ใช้กลไกสหกรณ์และ ธ.ก.ส. ในการประกันราคาและลดหนี้สิน และแก้ปัญหาโดยใช้พื้นที่ตัวตั้ง และประชาชน เป็นศูนย์กลาง โดยไม่ให้มีแท่งไซโลของข้าราชการ

นายอัครแสนคีรี​ กล่าวว่า​ ร้อยเอกธรรมนัส ตั้งศูนย์พระยานาคราช ปราบสินค้าเกษตรเถื่อน สร้างความเป็นธรรมในตลาด โดยการจัดตั้ง ศูนย์พระยานาคราช เป็นนโยบายเชิงรุกที่ออกแบบมาเพื่อ “ทลายเครือข่ายสินค้าผิดกฎหมาย” ที่บ่อนทำลายเกษตรกรไทยมานานจุดเด่นสำคัญ คือผสานข้อมูลข่าวกรอง การลาดตระเวนจริง,ทำงานเชิงรุกกับหน่วยความมั่นคง ,มีการแถลงข่าวรายสัปดาห์ เพื่อสร้างความโปร่งใสและแรงกดดันต่อผู้ลักลอบ ซึ่งผลที่ได้รับคือ ราคาสินค้าเกษตรพื้นบ้านฟื้นตัว และเกิดความเชื่อมั่นในระบบตลาดมากขึ้น

“ผมจึงมั่นใจว่า นี่คือผู้จัดการรัฐบาลตัวจริงในสนามจริง ในวันที่ประชาชนต้องการ “ผลลัพธ์” มากกว่า “คำอธิบาย” ซึ่งท่านร้อยเอกธรรมนัส แสดงให้เห็นว่า ท่านคือผู้ที่สามารถเปลี่ยนนโยบายให้เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ด้วยสไตล์ตรงไปตรงมา ความเข้าใจลึกถึงรากของปัญหา และความสามารถในการบริหารสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างเด็ดขาด ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่อดีตรัฐมนตรีในตำแหน่งที่มีผลงานเชิงประจักษ์ภายใต้ข้อจำกัดของรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา แต่คือ “ผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง” ที่ภาคสนาม และเกษตรกร ให้การยอมรับ ในยุคนี้อย่างแท้จริง” โฆษกพรรคกล้าธรรม กล่าว.-319.-สำนักข่าวไทย​


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]

โควิด-19 ระบาดปักธงชัย ตายแล้ว 2

นครราชสีมา 2 มิ.ย.- เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดที่ อ.ปักธงชัย จ.นคราชสีมา รุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รัฐบาลเตือนระวังสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 แพร่กระจายไว ที่ อ.ปักธงชัย พบผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบนี้แล้ว 2 ราย ผู้ป่วยรายแรกเป็นชายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ส่วนรายที่ 2 เสียชีวิตช่วงค่ำวานนี้ เป็นชายอายุ 72 ปี ที่โรงพยาบาลปักธงชัย ไปประกอบพิธีทางศาสนา โควิด-19 แม้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ต้องรู้จักวิธีการป้องกันตัวเองและดูแลบุคคลในครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนหลังพบพฤติกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ แปซิฟิกตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และเชื้อโควิด-19 […]