สว.อำนาจเจริญ ร้องถูกดีเอสไอบุกสอบไม่เป็นธรรม

รัฐสภา 6 พ.ค -สว.อำนาจเจริญ บุกร้อง ปธ.กมธ.องค์กรอิสระ สว. หลังอดีตผู้สมัคร สว.อำนาจ ถูก “ดีเอสไอ” สอบไม่เป็นธรรม ข่มขู่ บังคับสารภาพ ตั้งธงสอบ มุ่งแต่ภูมิใจไทย ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย ลั่นไม่หนีปมฮั้วเลือก สว. จ่อส่งหลักฐานเพิ่ม ศาล รธน.-ป.ป.ช. สอบอำนาจหน้าที่

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา แถลงสืบเนื่องจากการที่ สว.จังหวัดอำนาจเจริญ ร้องขอความเป็นธรรมต่อประธานวุฒิสภา และ กมธ.กิจการองค์กรอิสระฯ กรณีการสอบสวนคดีฮั้วเลือก สว. ในเขตจังหวัดอำนาจเจริญ มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ และไม่เป็นกลาง ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำให้ผู้ถูกสอบ รู้สึกถึงความไม่ถูกต้อง และเป็นธรรม ว่า ดีเอสไอสามารถสอบสวนอดีตที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน รวมถึงคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง


แต่ปรากฏว่า การดำเนินการของดีเอสไอที่ตั้งเป็นคดีอาญานั้น พนักงานสอบสวนที่ทำการสอบสวน เท่าที่ทราบจากผู้ที่ถูกสอบสวนในกรณีจังหวัดอำนาจเจริญนี้ ยกตัวอย่าง พนักงานสอบสวนของดีเอสไอได้มีหนังสือราชการด่วนที่สุด เพื่อขอใช้อาคารเป็นที่สอบปากคำ และให้กำนันติดตามบุคคลมาให้ถ้อยคำต่อคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งหนังสือนี้ ระบุจำนวน 10 รายชื่อ ในวันที่ 10 เม.ย. โดยมีดำเนินการไม่เป็นกลาง เพราะไม่ได้ส่งหนังสือในช่องทางปกติตามระเบียบราชการ แต่ส่งผ่านไลน์ และตั้งข้อสงสัยว่า เอกสารดังกล่าว ไม่มีลายมือชื่อ ตราครุฑ จึงเกรงว่า จะถูกนำไปใช้โดยมิชอบ และเป็นการละเลยการปฏิบัติตามขั้นตอนปกติในการประสานงานของรัฐ และส่งหนังสือทางช่องทางที่ไม่ได้เป็นไปตามระเบียบราชการ

ทั้งยังไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากไม่ออกหมายเรียก หรือประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างหน่วยงานท้องและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่ประสานงานกับกำนัน และการเรียกล่วงหน้าเพียงหนึ่งวันนั้น ทำให้ผู้ถูกสอบสวนไม่ได้รับเวลาเพียงพอ จะเตรียมข้อมูล หรือเอกสาร เพื่อแก้ข้อกล่าวหา ในการให้ถ้อยคำ และยังถูกสอบปากคำเป็นเวลานานผิดปกติ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ์ ทรมานจิตใจ เพื่อให้ข้อมูล หรือรับสารภาพบางอย่าง จึงอาจเข้าข่ายตามความผิดของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย


และยังมีการสอบสวนในลักษณะข่มขู่คุกคาม เพราะจากข้อมูลที่ได้รับ มีการแสดงตนและปฏิบัติอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีอาญาร้ายแรง ซึ่งไม่มีการรับร้องอย่างเป็นทางการ มีการเดินทางไปยังบ้านของผู้ถูกสอบสวน โดยพลการ ไม่แต่งเครื่องแบบ ไม่แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ ไม่มีหมายค้น ทั้งยังไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าบ้าน ลักษณะดังกล่าว คือการบุกรุกเคหสถาน และเมื่อผู้ถูกสอบสวน ต้องการเรียกบุคคลอื่นเข้ามาเป็นพยาน กลุ่มบุคคลดังกล่าว ก็หลบหนีออกไป แสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ที่ไม่โปร่งใสตรงไปตรงมา ของผู้ที่อ้างว่าเป็นบุคคลของรัฐ และเมื่อผู้ถูกสอบสวนโทรกลับไป ก็ถูกปฏิเสธว่าโทรผิด เป็นการพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่เปิดเผยตัวตนแท้จริง

สำหรับการบังคับขู่เข็นให้รับสารภาพ มีการให้ถอดกล้องวงจรปิด เพื่อไม่ได้มีการบันทึกภาพ และใช้กลอุบายกล่าวอ้างว่า บุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง รับสารภาพกันหมดแล้ว เพื่อกดดันให้เกิดความกลัว และยอมรับสภาพตามที่ต้องการ เข้าข่ายทรมานจิตใจ และยังมีการซักถามที่เป็นการชี้นำให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมฟังการสอบสวน และการถามนั้น เป็นการถามนำแบบมีธงในใจ และโน้มน้าวให้ยอมรับว่า การฮั้วเลือกตั้ง สว.มีพรรคการเมืองหนึ่งสนับสนุน ซึ่งคงเป็นที่เข้าใจกันดีว่า น่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย

ยิ่งกว่านั้น มีบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี และเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง สามารถเข้าออกบริเวณที่มีการสอบสวนได้อย่างอิสระ คล้ายกลับได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษ ผิดวิสัยของการสอบสวนปกติ ที่จะต้องทำเฉพาะผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น เชื่อได้ว่า เจ้าหน้าที่นัดหมายให้บุคคลดังกล่าว มาแทรกแซงการสอบสวนล่วงหน้า ขาดความเป็นกลางอย่างร้ายแรงในการแสวงหาข้อเท็จจริง


ในเห็นภาพรวมกระบวนการสอบสวนมีลักษณะผิดปกติหลายประการ ตนข้อสังเกตว่า มีการมุ่งเป้าสอบสวนไปยังบุคคลบางกลุ่มโดยไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะกลุ่มที่เชื่อมโยงกับพรรคการเมือง หรือนักการเมือง รวมถึงการที่ใช้บุคคลฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการสอบสวน ทั้งยังมีการตั้งสมมติฐานล่วงหน้าที่มีความผิดเชื่อมโยงกับพรรคการเมือง ขาดความโปร่งใสในการดำเนินการ ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกตรวจสอบมีเวลาเตรียมตัว หรือชี้แจงเต็มที่ เร่งรัดเวลาไม่เหมาะสม และยังมีพยานหลายคนในพื้นที่ถูกข่มขู่

ดังนั้น จึงยืนยันได้ว่า สิ่งที่ชัดเจนคือการทำงานของดีเอสไอในช่วงเวลาดังกล่าวถูกตั้งคำถามเรื่องความไม่เป็นกลาง เราจึงจำเป็นต้องปกป้องความถูกต้องและเป็นธรรม เพราะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอควรปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด

สำหรับกรณีที่ดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวนเต็มรูปแบบ ตนพร้อม สว.อีก 92 คนได้มีมติร่วมว่า การที่ดีเอสไอให้เป็นคดีพิเศษนั้น เป็นเจตนาพิเศษ จงใจกล่าวหาให้ สว.ได้รับโทษทางอาญา ซึ่ง ป.ป.ช.ได้มีมติและรับไว้พิจารณาแล้ว ควรเป็นข้อสังเกตให้ดีเอสไอ หรืออธิบดีดีเอสไอ ระงับยับยั้งการสอบสวนไว้ก่อน เพื่อให้ ป.ป.ช.พิจารณาวินิจฉัยว่า มีอำนาจหรือไม่ แต่กลับเร่งรีบดำเนินการภายใต้การกำกับควบคุมดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทั้งยังมีการให้ข่าว ในลักษณะที่ขาดพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นการข่มขู่ทำให้ สว.เกิดความอ่อนไหว ไม่สบายใจต่อการปฏิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ จะส่งหลักฐานเพิ่มเติมจากคำร้องเดิม ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไป ส่วนจะมีคำนิจฉัยอย่างไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับสององค์กรข้างต้น

“หากไม่แถลงข่าว ก็เหมือนเราถูกมัดให้ยอมรับในการดำเนินการของดีเอสไอ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผมในฐานะที่ได้รับการร้องเรียน เพื่อให้ สว.อีกหลายจังหวัด หากพบการกระทำเช่นนี้ ให้ทุกคนรวมพยานหลักฐานมาเสนอต่อประธานวุฒิสภา”

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ทิ้งท้ายว่า “ผมไม่หนี คุณจะร้อง คุณจะสอบอะไร ก็ทำเรื่องมา เราพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เราก็โดนเรียกกันไปหลายคนแล้ว เราให้ความร่วมมือกับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง”

ส่วนกรณีมีการพุ่งเป้าถึงพรรคภูมิใจไทยในนั้น การสอบสวนของตำรวจไม่มีการล็อกเป้า ต้องสอบจากพยานหลักฐานขึ้นไป แล้วจึงไล่ลงมาว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง แต่การสอบสวนของดีเอสไอตนจึงยังติดใจ ที่บอกว่ามีสมมติฐาน 300 ล้านบาทนั้น เอาของจริงมาดีกว่า อย่าสมมติฐาน ส่วนการสอบสวน ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำที่เกินอำนาจหน้าที่ด้วย.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์พื้นที่ชายแดน

ทำเนียบ 8 ส.ค.- ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการหยุดยิง ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด เผยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำแต่ละประเทศจะประสานพื้นที่ นำอาเซียนลงติดตามเป็นระยะ ชี้การพูดคุยระดับ RBC เริ่มปลายเดือนนี้ หากเหตุการณ์ปะทุอีก เรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญได้ทันที พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ผ่านมาตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนพื้นที่สำคัญ พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องมีการตรวจตราและติดตามอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากนั้นยังมีการตรวจพบการบินของอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ในบางพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายยั่วยุในบางจุด ทางทหารไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการตรวจตราตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง โฆษก ศบ.ทก. ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ว่า ได้มีการลงนามข้อตกลง 13 ข้อ โดยเป็นข้อตกลงที่สำคัญและเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อที่ 1 […]

เด้งนายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ เซ่นจับผับ

ก.มหาดไทย 8 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผยผลปฏิบัติการ “ZERO DRUG” เด้ง นายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปฏิบัติการ “ZERO DRUG” 8เดือน 8ลุย ที่นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าตรวจค้นผับย่านรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 20 ปี และตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง 179 คนว่า จะมีการเด้ง 5เสือ สภ. ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนรายละเอียดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะแถลงอีกครั้ง โดยตามระเบียบของตำรวจถ้ามีการจับกุม ในพื้นที่5 เสือสถานีตำรวจ จะต้องรับผิดชอบ จะมีการย้ายมาประจำที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขณะที่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการแจ้งข่าวจากฝ่ายปกครองหรือไม่ หากไม่มีการแจ้ง กระบวนการของปกครองก็จะต้องมีการย้ายเช่นกัน เมื่อถามว่าปฏิบัติการเมื่อคืนนี้เป็นกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง กับตำรวจหรือเฉพาะฝ่ายปกครอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่แน่ใจ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าเป็นกองกำลังร่วม ที่ผ่านมาตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำรวจจะไม่ถูกเด้ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงจะเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีการจัดการตามระเบียบ […]

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]