สว.อำนาจเจริญ ร้องถูกดีเอสไอบุกสอบไม่เป็นธรรม

รัฐสภา 6 พ.ค -สว.อำนาจเจริญ บุกร้อง ปธ.กมธ.องค์กรอิสระ สว. หลังอดีตผู้สมัคร สว.อำนาจ ถูก “ดีเอสไอ” สอบไม่เป็นธรรม ข่มขู่ บังคับสารภาพ ตั้งธงสอบ มุ่งแต่ภูมิใจไทย ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย ลั่นไม่หนีปมฮั้วเลือก สว. จ่อส่งหลักฐานเพิ่ม ศาล รธน.-ป.ป.ช. สอบอำนาจหน้าที่

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา แถลงสืบเนื่องจากการที่ สว.จังหวัดอำนาจเจริญ ร้องขอความเป็นธรรมต่อประธานวุฒิสภา และ กมธ.กิจการองค์กรอิสระฯ กรณีการสอบสวนคดีฮั้วเลือก สว. ในเขตจังหวัดอำนาจเจริญ มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ และไม่เป็นกลาง ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำให้ผู้ถูกสอบ รู้สึกถึงความไม่ถูกต้อง และเป็นธรรม ว่า ดีเอสไอสามารถสอบสวนอดีตที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน รวมถึงคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง


แต่ปรากฏว่า การดำเนินการของดีเอสไอที่ตั้งเป็นคดีอาญานั้น พนักงานสอบสวนที่ทำการสอบสวน เท่าที่ทราบจากผู้ที่ถูกสอบสวนในกรณีจังหวัดอำนาจเจริญนี้ ยกตัวอย่าง พนักงานสอบสวนของดีเอสไอได้มีหนังสือราชการด่วนที่สุด เพื่อขอใช้อาคารเป็นที่สอบปากคำ และให้กำนันติดตามบุคคลมาให้ถ้อยคำต่อคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งหนังสือนี้ ระบุจำนวน 10 รายชื่อ ในวันที่ 10 เม.ย. โดยมีดำเนินการไม่เป็นกลาง เพราะไม่ได้ส่งหนังสือในช่องทางปกติตามระเบียบราชการ แต่ส่งผ่านไลน์ และตั้งข้อสงสัยว่า เอกสารดังกล่าว ไม่มีลายมือชื่อ ตราครุฑ จึงเกรงว่า จะถูกนำไปใช้โดยมิชอบ และเป็นการละเลยการปฏิบัติตามขั้นตอนปกติในการประสานงานของรัฐ และส่งหนังสือทางช่องทางที่ไม่ได้เป็นไปตามระเบียบราชการ

ทั้งยังไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากไม่ออกหมายเรียก หรือประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างหน่วยงานท้องและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่ประสานงานกับกำนัน และการเรียกล่วงหน้าเพียงหนึ่งวันนั้น ทำให้ผู้ถูกสอบสวนไม่ได้รับเวลาเพียงพอ จะเตรียมข้อมูล หรือเอกสาร เพื่อแก้ข้อกล่าวหา ในการให้ถ้อยคำ และยังถูกสอบปากคำเป็นเวลานานผิดปกติ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ์ ทรมานจิตใจ เพื่อให้ข้อมูล หรือรับสารภาพบางอย่าง จึงอาจเข้าข่ายตามความผิดของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย


และยังมีการสอบสวนในลักษณะข่มขู่คุกคาม เพราะจากข้อมูลที่ได้รับ มีการแสดงตนและปฏิบัติอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีอาญาร้ายแรง ซึ่งไม่มีการรับร้องอย่างเป็นทางการ มีการเดินทางไปยังบ้านของผู้ถูกสอบสวน โดยพลการ ไม่แต่งเครื่องแบบ ไม่แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ ไม่มีหมายค้น ทั้งยังไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าบ้าน ลักษณะดังกล่าว คือการบุกรุกเคหสถาน และเมื่อผู้ถูกสอบสวน ต้องการเรียกบุคคลอื่นเข้ามาเป็นพยาน กลุ่มบุคคลดังกล่าว ก็หลบหนีออกไป แสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ที่ไม่โปร่งใสตรงไปตรงมา ของผู้ที่อ้างว่าเป็นบุคคลของรัฐ และเมื่อผู้ถูกสอบสวนโทรกลับไป ก็ถูกปฏิเสธว่าโทรผิด เป็นการพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่เปิดเผยตัวตนแท้จริง

สำหรับการบังคับขู่เข็นให้รับสารภาพ มีการให้ถอดกล้องวงจรปิด เพื่อไม่ได้มีการบันทึกภาพ และใช้กลอุบายกล่าวอ้างว่า บุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง รับสารภาพกันหมดแล้ว เพื่อกดดันให้เกิดความกลัว และยอมรับสภาพตามที่ต้องการ เข้าข่ายทรมานจิตใจ และยังมีการซักถามที่เป็นการชี้นำให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมฟังการสอบสวน และการถามนั้น เป็นการถามนำแบบมีธงในใจ และโน้มน้าวให้ยอมรับว่า การฮั้วเลือกตั้ง สว.มีพรรคการเมืองหนึ่งสนับสนุน ซึ่งคงเป็นที่เข้าใจกันดีว่า น่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย

ยิ่งกว่านั้น มีบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี และเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง สามารถเข้าออกบริเวณที่มีการสอบสวนได้อย่างอิสระ คล้ายกลับได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษ ผิดวิสัยของการสอบสวนปกติ ที่จะต้องทำเฉพาะผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น เชื่อได้ว่า เจ้าหน้าที่นัดหมายให้บุคคลดังกล่าว มาแทรกแซงการสอบสวนล่วงหน้า ขาดความเป็นกลางอย่างร้ายแรงในการแสวงหาข้อเท็จจริง


ในเห็นภาพรวมกระบวนการสอบสวนมีลักษณะผิดปกติหลายประการ ตนข้อสังเกตว่า มีการมุ่งเป้าสอบสวนไปยังบุคคลบางกลุ่มโดยไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะกลุ่มที่เชื่อมโยงกับพรรคการเมือง หรือนักการเมือง รวมถึงการที่ใช้บุคคลฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการสอบสวน ทั้งยังมีการตั้งสมมติฐานล่วงหน้าที่มีความผิดเชื่อมโยงกับพรรคการเมือง ขาดความโปร่งใสในการดำเนินการ ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกตรวจสอบมีเวลาเตรียมตัว หรือชี้แจงเต็มที่ เร่งรัดเวลาไม่เหมาะสม และยังมีพยานหลายคนในพื้นที่ถูกข่มขู่

ดังนั้น จึงยืนยันได้ว่า สิ่งที่ชัดเจนคือการทำงานของดีเอสไอในช่วงเวลาดังกล่าวถูกตั้งคำถามเรื่องความไม่เป็นกลาง เราจึงจำเป็นต้องปกป้องความถูกต้องและเป็นธรรม เพราะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอควรปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด

สำหรับกรณีที่ดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวนเต็มรูปแบบ ตนพร้อม สว.อีก 92 คนได้มีมติร่วมว่า การที่ดีเอสไอให้เป็นคดีพิเศษนั้น เป็นเจตนาพิเศษ จงใจกล่าวหาให้ สว.ได้รับโทษทางอาญา ซึ่ง ป.ป.ช.ได้มีมติและรับไว้พิจารณาแล้ว ควรเป็นข้อสังเกตให้ดีเอสไอ หรืออธิบดีดีเอสไอ ระงับยับยั้งการสอบสวนไว้ก่อน เพื่อให้ ป.ป.ช.พิจารณาวินิจฉัยว่า มีอำนาจหรือไม่ แต่กลับเร่งรีบดำเนินการภายใต้การกำกับควบคุมดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทั้งยังมีการให้ข่าว ในลักษณะที่ขาดพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นการข่มขู่ทำให้ สว.เกิดความอ่อนไหว ไม่สบายใจต่อการปฏิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ จะส่งหลักฐานเพิ่มเติมจากคำร้องเดิม ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไป ส่วนจะมีคำนิจฉัยอย่างไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับสององค์กรข้างต้น

“หากไม่แถลงข่าว ก็เหมือนเราถูกมัดให้ยอมรับในการดำเนินการของดีเอสไอ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผมในฐานะที่ได้รับการร้องเรียน เพื่อให้ สว.อีกหลายจังหวัด หากพบการกระทำเช่นนี้ ให้ทุกคนรวมพยานหลักฐานมาเสนอต่อประธานวุฒิสภา”

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ทิ้งท้ายว่า “ผมไม่หนี คุณจะร้อง คุณจะสอบอะไร ก็ทำเรื่องมา เราพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เราก็โดนเรียกกันไปหลายคนแล้ว เราให้ความร่วมมือกับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง”

ส่วนกรณีมีการพุ่งเป้าถึงพรรคภูมิใจไทยในนั้น การสอบสวนของตำรวจไม่มีการล็อกเป้า ต้องสอบจากพยานหลักฐานขึ้นไป แล้วจึงไล่ลงมาว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง แต่การสอบสวนของดีเอสไอตนจึงยังติดใจ ที่บอกว่ามีสมมติฐาน 300 ล้านบาทนั้น เอาของจริงมาดีกว่า อย่าสมมติฐาน ส่วนการสอบสวน ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำที่เกินอำนาจหน้าที่ด้วย.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 19 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568) ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรีภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราดภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี […]

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]