“ภราดร” รับพิพิธภัณฑ์รัฐสภาเป็นสุสาน ต้องเร่งปรับปรุงให้มีชีวิต

รัฐสภา 6 พ.ค.- “ภราดร” แจงสภาฯ ของบทำห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง มีความจำเป็น​ ช่วยประหยัดงบเช่าโรงแรมจัดสัมมนา ยอมรับ “พิพิธภัณฑ์รัฐสภา” เป็นสุสาน จึงต้องเร่งปรับปรุงให้มีชีวิต-​ประชาชนใช้ประโยชน์ได้จริง ยืนยันใช้งบประมาณคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์​ และทั้งหมดยังถูกปรับลดได้อีกในชั้น กมธ. และสภาฯ


นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ของสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีสำนักงานสภาผู้แทนราษฎรของบประมาณ​ ปี 2569 ในการปรับปรุงพื้นที่ต่างๆ ของรัฐสภาหลายรายการ มูลค่าเกือบ 1,200 ล้านบาท ว่า ขอพูดในส่วนที่ตนรับผิดชอบ คือ สำนักวิชาการ ที่ของบประมาณทำพิพิธภัณฑ์ของอาคารรัฐสภา ซึ่งตามแบบเดิมก็มีพื้นที่ที่จะให้รัฐสภาทำพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้อยู่แล้ว จึงคิดว่ามีความจำเป็นพอสมควร โดยพื้นที่ที่เตรียมไว้เป็นพื้นที่โล่ง มีเนื้อที่ประมาณ 5,000-6,000 ตารางเมตร หากนำมาทำพิพิธภัณฑ์ ก็จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ตนก็รับภารกิจนี้จากประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตั้งใจให้สภาแห่งนี้เป็นสภา รัฐสภาของประชาชน ทั้งในส่วนอาคารและข้อมูลข่าวสาร ดังนั้นก็จะทำให้คุ้มค่ากับเงินภาษีของพี่น้องประชาชน ให้มากที่สุด โดยของงบประมาณไ ป120-130 ล้านบาท เป็น 2 ส่วนโดยเป็นงบประมาณผูกพันปี 2569 ใช้ประมาณ40 ล้านบาท และในปี 2570 จะขออีกประมาณ 80-90 ล้านบาท ซึ่งตนจะพยายามควบคุมดูแลทุกขั้นตอน คุ้มค่าภาษีประชาชนมากที่สุด

นายภราดร กล่าวว่า สำหรับอีกโครงการ คือการปรับปรุงห้องประชุม 1,500 ที่นั่งในชั้น บี 2 หลังจาก ที่รัฐสภาได้รับมอบ อาคารมาเมื่อปีที่แล้ว โดยห้องประชุม 1,500 ที่นั่งดังกล่าว ตั้งใจจะทำเป็นที่อบรม สำหรับกรรมาธิการทุกคณะของสภาผู้แทนราษฎร และของวุฒิสภา เพราะทุกวันนี้เวลาจะจัดสัมมนา มักจะไปใช้พื้นที่ต่างโรงแรม ซึ่งจะต้องเสียเงิน เช่าพื้นที่เป็นจำนวนหลายแสนบาทต่อครั้ง และหลังจากรับมอบมา ห้องนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ดังนั้นในปีงบประมาณต่อไป ก็จะขอประมาณในการทำห้องสัมมนาให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ดีกว่าปล่อยไว้เป็นห้องร้าง ห้องที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ เพื่อลดภาวะค่าใช้จ่ายของสภาผู้แทนราษฎรลงไป


ทั้งนี้ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง มีการเตรียมของงบประมาณ 160หรือ170ล้านบาท เห็นว่าเป็นงบประมาณที่ค่อนข้างสูงเกินไป จึงขอมาดูและปรับลดลงมา ขอที่ 99ล้านบาท โดยหลักหลักจะเน้น ที่ระบบเสียงและที่นั่ง แต่ทุกโครงการที่ของงบประมาณไปยังไม่เสร็จสิ้น เป็นเพียงแค่ร่างงบประมาณปี2569 ซึ่งสิ้นเดือนนี้จะพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ในวารแรก และจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ขึ้นมาพิจารณาในรายละเอียด หากโครงการหนึ่งโครงการใด คณะกรรมการธิการไม่เห็นด้วย ก็มีสิทธิ์ที่จะตัดลดงบประมาณลง ในทุกโครงการได้ ดังนั้น ขอให้ประชาชนสบายใจได้กระบวนการยังไม่ถึงที่สุดอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาสามารถปรับลดลงได้ หากสภาและกรรมาธิการเห็นว่าไม่มีความจำเป็น

ส่วนที่ฝ่ายค้านนิยามว่าห้องพิพิธภัณฑ์เป็นเพียงสุสานที่อยู่ใต้อาคารรัฐสภานั้น นายภราดร กล่าวว่า​ เห็นด้วย เพราะหลังจากรับมอบอาคารมา เมื่อกลางปี 2567 พื้นที่ดังกล่าวก็เป็นเพียงห้องเปล่าที่ไม่สามารถใช้งานได้ จึงสั่งการให้ฝ่ายที่รับผิดชอบเร่งออกแบบ​ ให้เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิต และประชาชนสามารถเข้าใช้งานได้จริง ส่วนตัวก็ไม่อยากเห็นสุสานใต้สภาเช่นกัน

ส่วนห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง ที่ชั้น B2 นายภราดร​ กล่าวว่า​ มีความตั้งใจจะจัดทำเป็นห้องอบรมสัมมนา สำหรับกรรมาธิการทุกคณะ ของทั้ง 2 สภา ซึ่งเป็นแผนเดิม​ ที่ต้องมีตั้งแต่ก่อสร้างรัฐสภาแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ จึงมีความจำเป็นต้องของบประมาณ​ มาจัดทำให้แล้วเสร็จ ดีกว่าปล่อยให้เป็นห้องร้าง ใช้ประโยชน์ไม่ได้ และยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายของกรรมาธิการด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการจะต้องเสียเงินไปเช่าพื้นที่โรงแรมในการจัดอบรมสัมมนา ซึ่งงบประมาณที่จะใช้จัดทำ​ ก็ปรับลดลงมาเหลือ 99 ล้านบาทแล้ว จากเดิมสำนักประชาสัมพันธ์​เสนอของบมาที่ 160 – 170 ล้านบาท


นายภราดร ยังบอกอีกว่า ทุกโครงการที่ของบประมาณไปนั้น เป็นเพียงแค่ร่างงบประมาณปี 2569 เท่านั้น ยังไม่ได้เป็นที่สิ้นสุด ขอเมื่อเข้าสู่ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 1 สิ้นเดือนพฤษภา​คม​นี้​ ก็จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งมีทั้ง สส. และบุคคลภายนอกเข้ามาทำหน้าที่พิจารณาลงลึกในรายละเอียด หากเห็นว่าในโครงการหนึ่งโครงการใด ไม่คุ้มค่า ก็มีสิทธิ์ที่จะปรับลดงบประมาณในทุกโครงการ จึงขอเรียนให้ประชาชนสบายใจ ว่า การของบประมาณยังไม่เสร็จสิ้น

สำหรับกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ าอาคารรัฐสภาที่เพิ่งก่อสร้างได้เพียงประมาณ 5 ปี จึงต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการปรับปรุง หรือเป็นเพราะแบบที่ก่อสร้างมานั้น ยังไม่แล้วเสร็จ แต่มีการส่งมอบงานกันแล้ว นายภราดร กล่าวว่า เมื่อเราใช้งานมาระยะหนึ่ง​ ทางประธานสภาผู้แทนราษฎรเห็นว่า ยังมีพื้นที่ที่สามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้มากขึ้น และมีบางส่วนที่ยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ก็ควรดำเนินการให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ ยกตัวอย่างเช่น ห้องประชุมสัมมนา 1500 ที่นั่ง มีแผนแต่มีแผนแล้วแต่ยังไม่ได้ทำ เพียงแต่เตรียมสถานที่เอาไว้สำหรับดำเนินการในเฟส 2 และเฟส 3 ต่อไป

ส่วนเมื่อมีกระแสข่าวที่ออกไป ทำให้รัฐสภาถูกวิพากษ์วิจารณ์นั้น นายภราดร​ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนตื่นรู้กับการใช้จ่ายเงินงบประมาณของทุกหน่วยงานราชการ ทำให้ทุกหน่วยงานต้องยิ่งตระหนัก ว่า งบประมาณทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินภาษีของประชาชน

เมื่อถามว่าตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของการรับประกันการก่อสร้างอาคารรัฐสภา เหตุใดจึงไม่ ให้ผู้รับเหมาปรับปรุงหรือซ่อมในส่วนที่พัง นายภราดร บอกว่า งบประมาณที่ขอไปไม่ใช่งบซ่อมสร้าง แต่เป็นงบต่อเติม เพราะยังมีส่วนที่ยังไม่ได้ดำเนินการ และต้องทำในเฟส 2 – 3 โดยการก่อสร้างเป็นเพียงการเตรียมพื้นที่เอาไว้ เพื่อที่จะรองรับการดำเนินการในอนาคต -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย