“สว.อลงกต” แจงงบ สว.เรียนจีน ข้องใจทำไมแพงหลักล้าน

รัฐสภา 6 พ.ค. – “สว.อลงกต” ผสมโรงฝ่ายค้าน ตัดงบรีโนเวทสภาไม่จำเป็น ย้ำเศรษฐกิจแย่มาก ชี้ ต้องเวทน้ำหนัก “ความสวยงาม-การใช้ประโยชน์” แจงงบ สว.เรียนจีน ข้องใจเหมือนกัน ทำไมแพงหลักล้าน เผย จนท.เรียนไม่ได้ เหตุติดเวลาราชการ ยันค่าใช้จ่ายต่างประเทศ รบ.จีนออกให้ แต่ สว.ค่าตั๋วควักเอง เอาหัวกะทิ 10 คนไปเท่านั้น


นายอลงกต วรกี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานกรรมาธิการ ติดตาม การบริหารงบประมาณ วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ของรัฐสภา โดยเฉพาะประเด็นศาลาแก้ว ซึ่งถามกลับว่า ศาลาแก้วมีตั้งแต่เมื่อไหร่ โครงสร้างที่มีกระจกมีตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมตอนนั้นไม่มีการตั้งคำถามในเรื่องนี้ ทั้งนี้ วุฒิสภา ไม่มีอำนาจเพิ่มงบประมาณแน่นอน ทำได้เพียงตัดทอนการใช้จ่ายงบประมาณ ถ้าดูแล้วไม่มีความจำเป็น ก็คงจะตัดงบ แต่ตนตั้งคำถามว่า ถ้าตัดโครงสร้างนี้ไปแล้ว ศาลาจะใช้ได้หรือไม่ หรือจะไม่ใช้เลย ต้องถามสังคมว่า ควรจะเอาศาลานี้ทิ้งใช่หรือไม่ หรือจะให้หลังคานี้มีโครงสร้างทึบ เพื่อให้ไม่ร้อน และสามารถใช้งานได้ หากปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้งานได้ ตนคิดว่าคงไม่ถึง 100 ล้านบาท

“ถ้าเป็นบ้านผม อาจจะเปลี่ยนแค่หลังคากระจก ให้เป็นหลังคาทึบหรือเป็นหลังคากระเบื้อง หรือเอาเมทัลชีทมาติด แต่มันจะน่าเกลียดหรือเปล่า สำหรับสัปยะสภาสถาน” นายอลงกต กล่าว


นายอลงกต ถามว่า สังคมต้องการอะไรหรือจะให้ยุบไปเลย พร้อมกับถามสื่อมวลชนว่า “น้องต้องการแบบไหน” นิยามคำว่าปรับปรุง คืออะไร ตนตั้งข้อสังเกตว่า ถึงขั้นต้องยุบศาลา ถ้ารื้อไม่มีประโยชน์อะไร จะให้ไปทำอะไรต่อ ตนพูดให้สมประโยชน์ ถ้าในเชิงปฏิบัติ แค่เปลี่ยนหลังคาอาจจะไม่ถึงร้อยล้าน หรือ 1 ล้าน ด้วยซ้ำไป หากรื้อออกไปยิ่งสิ้นเปลือง โครงสร้างเดิมมันรับกับกระจก จะมีการเปลี่ยนตัวโครงสร้างที่รองรับกระจกหรือไม่

ส่วนกรณีสระมรกต ต้องถามว่าสมประโยชน์หรือไม่ ในการใช้ประโยชน์ ถ้าไม่มีประโยชน์และไม่มีที่มาชัดเจน ก็เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. แล้ว แต่ สว. เราคงไม่มีหน้าที่ไปเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงงบประมาณ

เมื่อถามว่า ยังมีโรงหนัง 4D แม้จะถูกชี้แจงแล้วว่าเป็นห้องสาระสนเทศ แต่คุ้มค่าหรือไม่ นายอลงกต กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นรายละเอียด จึงไม่สามารถตอบได้ แต่ตนมีคำถามว่า ตอนนี้เราสัมมนากันอย่างไร ขอถาม น้องนักข่าวว่า ห้องใช้พอหรือไม่ ซึ่งขณะนั้นมี สว. ที่อยู่ข้างหลัง กระซิบว่า “ไม่พอ”


โดยนายอลงกต กล่าวต่อว่า ตนไม่สามารถตอบได้ ต้องถามว่า เวลาสัมมนาไปใช้สถานที่ข้างนอกในโรงแรม หรือที่สภา เหมาะสมกว่า สำนักงานเลขารัฐสภา ทั้งฝั่ง สส. และฝั่ง สว. ต้องตอบคำถามในเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับหน่วยงานข้างล่างเสนอขึ้นมา สว. ไม่มีหน้าที่พิจารณา ทำได้เพียงตัดเท่านั้น

เมื่อถามย้ำว่า ในเอกสารของงบประมาณเขียนชัดว่าเป็น 4D นายอลงกต ถามกลับว่า สภายังมีที่ว่างอีกเยอะหรือไม่ ตนยังเดินไม่ทั่วเลย ส่วนที่คนตั้งคำถามว่าสภาใช้งานมา 5 ปีแล้ว มาขอปรับปรุงยังไม่คุ้มค่าใช่หรือไม่ นายอลงกต กล่าวว่า เมื่อก่อนยังไม่เป็น สว. ตนผ่านสภา คิดว่าเป็นวัด ยกมือไหว้ตลอด แต่คำถาม คือ รัฐสภา เป็นที่เชิดหน้าชูตาของสังคมหรือไม่ ต้องให้น้ำหนักกันระหว่าง 2 เรื่อง คือ ความสวยงาม เชิดหน้าชูตา กับการใช้ประโยชน์ ต้องให้สังคมพิจารณาเอาเอง บางทีสวยงามแต่บางส่วนไม่ได้ใช้ประโยชน์ เช่น สระมรกต มันขึ้นอยู่กับที่ข้างล่างพิจารณา

“ตอนนี้เศรษฐกิจแย่มาก พวกคุณรับสภาพกันอยู่ใช่หรือไม่ ผมเห็นด้วยกับหลักการของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านฯ ที่ควรจะตัดงบประมาณบางอย่าง ที่ไม่จำเป็นออกไป ความเห็นของผมส่วนตัว ปีนี้ไม่ใช้ได้หรือไม่ ค่อยใช้ปีหน้า เศรษฐกิจดีแล้วค่อยว่ากัน เพราะตอนนี้เรียนตามตรงว่า เศรษฐกิจแย่มาก เพื่อนของผมบางคน 4-5 เดือน ยังไม่ได้ได้รับเงินเดือนก็มีแล้ว ไม่จ่ายเงินให้พนักงาน จึงเห็นด้วยกับหัวหน้าฝ่ายค้านฯ“ นายอลงกต กล่าว

เมื่อถามว่างบฝั่งวุฒิสภาก็ถูกวิจารณ์เหมือนกัน คือ งบประมาณเดือนภาษาจีน นายอลงกต ชี้แจงว่า เรื่องนี้ตนไปตรวจสอบว่า งบ 2 ล้านกว่า เกิดจากอะไร ยืนยันว่าไม่ได้เป็นงบที่ไปดูงาน โครงการนี้มี สว. มาเรียนเกือบ 50 ท่าน อาจจะเป็น เรื่องค่าน้ำชา กาแฟ และค่าวิทยากร แต่การไปดูงานที่ประเทศจีนไม่ได้ไปทุกคน ไปเพียงผู้ที่มีเกณฑ์การเรียนดี 10 คน เท่านั้น ซึ่งรัฐบาลจีนเชิญผ่านสถาบันขงจื๊อ ให้ไปดูงานโดยมีการออกค่าที่พัก ค่าอาหาร แต่วุฒิสภาชิกต้องเสียค่าเครื่องบินเอง

”งบ 2 ล้าน ไปต่างประเทศ ไม่มีเลย มีแต่เอาคนเรียนเก่ง 10 คน ซึ่งรวมทั้งผมด้วย ที่ได้คะแนนเรียนดี รัฐบาลจีนจึงมีหนังสือเชิญมา งบ 2 ล้าน ที่มีอยู่ เป็นเพียงเฉพาะค่าอบรม ที่อยู่ในสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเท่านั้น ผมก็กำลังตรวจสอบว่า ทำไมใช้งบเยอะ ที่จำได้เราเรียนประมาณ 3-4 เดือน เดาว่าน่าจะเป็นค่าวิทยากร“ นายอลงกต กล่าว

นายอลงกต กล่าวว่า สว. ที่เรียนภาษาจีนตอนแรกมี 50 ท่าน เรียนไปเรียนมาเหลือ 20 ท่าน มีตนนี่แหละที่เรียนดี คนหมู่มาก เหลือคนหมู่น้อย และเหลือเพียงคนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม

เมื่อถามว่าทำไมไม่ให้เจ้าหน้าที่สภาเรียนแทน นานอลงกต กล่าวว่า ตนก็ถามไปเหมือนกัน ได้รับคำตอบว่า ถ้าเอาเจ้าหน้าที่สภาเรียน มันจะกลายเป็นว่ามาเรียนในเวลาราชการ ซึ่งการให้ สว.เรียน บางคนก็ไม่ได้มาครบทุกวัน เพราะติดประชุมกรรมาธิการ

“ที่น่าสนใจ คือฝั่งข้าราชการมีสอบภาษาอังกฤษ ทำไมไม่เอา สว. มาสอบภาษาอังกฤษบ้าง ผมก็อยากสอบเหมือนกัน มันเป็นเรื่องของข้าราชการประจำ คนละสไตล์ เขาไม่สามารถมาอบรมภาษาจีนได้เพราะมันอยู่ในเวลาราชการ แต่ของกรณี สว. อยากไปสอบภาษาอังกฤษแต่เขาให้แค่ข้าราชการประจำ เหมือนกับ X-Y ไม่ปนกัน” นายอลงกต กล่าว .-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย

ไรเดอร์ร้องถูกชายอ้างเป็นตำรวจ ขี่รถประกบ-ข่มขู่

กทม. 21 ก.ย. – ไรเดอร์หนุ่ม สุดงง ถูกชายอ้างเป็นตำรวจสายสืบขี่รถตามประกบ ข่มขู่ดำเนินคดีเป็นไรเดอร์เถื่อน ขณะ สน.หนองแขม ยันไม่ใช่ตำรวจในสังกัด “ต๊ะ” ไรเดอร์วัย 27 ปี โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊ก และนำมาร้องสื่อ โดยบอกว่า ชายคนนี้อ้างตัวเป็นตำรวจ ขี่รถมาประกบ และจอดขวางขณะกำลังขี่รถมาถึงปากซอยเพชรเกษม 81/5 เพื่อไปรับงานส่งลูกค้า ส่วนตอนคนที่อ้างเป็นตำรวจ เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก็อ้างว่าที่เรียกตรวจ เพราะเห็นว่าเป็นไรเดอร์ แต่ไม่มีกล่องใส่อาหารอยู่ท้ายรถ ซึ่งชายคนนี้ตามตัวมีครบทั้งวิทยุสื่อสาร ไฟฉาย และเสื้อที่ปักว่า “สืบ” มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนคือนิสัยที่ไม่เหมือนตำรวจ ทำให้ “ต๊ะ” ตัดสินใจถ่ายคลิปไว้ป้องกันตัวเอง เพราะเหตุเกิดขึ้นช่วงเที่ยงคืน หลังเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายชายคนที่แอบอ้างเป็นตำรวจก็ไล่ “ต๊ะ” บอกจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวโดนร้องเรียนเอง “ต๊ะ” จึงขี่รถกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เพราะที่จะไปรับลูกค้าก็ไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อขี่รถออกมา ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจยังขี่รถตามมา “ด่า” จนถึงปากซอยทางเข้าบ้าน แล้วก็ขี่รถฉีกออกไปมุ่งหน้าไปทางอ้อมใหญ่ ทำให้ “ต๊ะ” ค่อนข้างมั่นใจว่า ชายคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ […]

“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประเทศ มั่นใจชนะแน่ ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วย ด้าน “จ๋า ธนนนท์” ภรรยา ขอสานฝันวัยเด็ก อยากเป็นนางงามขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยช่วยหาเสียงให้ นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส.ภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอภูสิงห์ อาทิ เทพารักษ์ ศาลหลักเมืองประจำอำเภอ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายอนุทิน เผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เข้มแข็ง มีแต่ชัยชนะ ประชาชนอยู่ดีกินดี จริงๆ ก็ขอแค่นี้ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ นายอนุทิน เผยด้วยความมั่นใจว่า ภูมิใจไทยชนะ ไม่รบกวนท่าน ไม่รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ขอให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขแค่นี้ ต่อมานายอนุทิน ได้เดินหาเสียงที่ตลาดภูสิงห์ ช่วยนางสาวจินณ์ตวรรณ […]

ทบ.ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่ กรณีสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา แถลงการณ์เมื่อ 21 ก.ย. 68 ว่า “พบการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี Facebook Page ชื่อ “Royal Thai Army: Update” เมื่อ 19 กันยายน 2568 โดยใช้แผนผังที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 (พ.ศ. 2560) และภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2016 (พ.ศ. 2559) ของคณะกรรมการรังวัดร่วมกัมพูชา–ไทย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน โดยมีการบิดเบือนให้เข้าใจผิดไปว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการพรมแดน (ฯพณฯ ลาย เซียงลี) ได้ลงนามยอมรับเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข […]