มั่นใจ​แบบจำลองทางคณิ​ตศาสตร์พิสูจน์สาเหตุตึก สตง.ถล่มได้​

กรุงเทพฯ 2 พ.ค. – อธิบดีกรมโยธาฯ มั่นใจ​แบบจำลองทางคณิ​ตศาสตร์จะ​สามารถพิสูจน์สาเหตุอาคาร สตง.ถล่มได้​


นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคาร สตง. เข้ารายงานความคืบหน้าผลการตรวจสอบ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า​เข้ารายงานใน​ 3 ประเด็น​ คือ เรื่องการตรวจสอบความเสียหายของอาคาร​ แบ่งเป็นอาคารทั้งของภาครัฐและเอกชน​ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ​และต่างจังหวัด​ เบื้องต้นมีการตรวจสอบอาคารภาครัฐใน กทม.​ 300 กว่าหน่วยงาน​ ประมาณ​ 900 กว่าอาคาร​ พบว่ามีความเสียหายรุนแรงกระทบต่อการใช้งานเพียง​ 1 อาคาร​ คือ​อาคารของ สตง.​

ส่วนต่างจังหวัดจะเน้นอาคารโรงเรียน​ โรงพยาบาล​ อาคารราชการ​ ซึ่งมีการตรวจสอบไปแล้ว​ 3,000 กว่าหน่วยงาน​ ประมาณ​ 9,000 กว่าอาคาร​ ส่วนใหญ่เป็นอาคารที่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งมีอาคารที่เสียหายและปิดการใช้ 16​ อาคาร​ จากทั้งหมด​ 76 จังหวัด​ อาคารที่เสียหายจะเห็นได้ว่ามีน้อยมาก และความรุนแรงระดับที่สามารถซ่อมแซมได้ตามหลักวิชาการก่อนที่จะเปิดบริการให้ใช้


ในส่วนที่เป็นอาคารของเอกชน มีการแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือเป็นอาคาร 9 ประเภท ตามกฎหมายที่ต้องมีการตรวจสอบทุกปี ให้แก่อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารที่มีการชุมนุมที่มีพื้นที่เกิน​ 1,000 ตารางเมตร ​ โรงมหรสพ สถานบริการที่มีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตร โรงแรมที่เกิน​ 80 ห้อง​ อาคารชุด​ หอพักที่มีเนื้อที่เกิน​ 2,000 ตารางเมตร​ และโรงงานที่มีความสูง​ 1 ชั้นขึ้นไป​ และมีพื้นที่เกิน 5,000 ตารางเมตร​ และป้ายที่มีความสูง​ เกิน​ 15 เมตร​ โดยอาคาร​ 9 ประเภทเหล่านี้​ โดยปกติต้องมีการตรวจสอบทุกปี​โดยผู้ตรวจสอบที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับ​กรมโยธาธิการ​และ​ผังเมือง​

อธิบดีกรมโยธาฯ​ กล่าวอีกว่า​ หลังจากเกิดเหตุ​การณ์​แผ่นดินไหว​เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา​ นายอนุทิน​ ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหนึ่ง​ว่าแผ่นดินไหวกระทบต่ออาคาร​ 9 ประเภท​เหล่านี้หรือไม่​ ซึ่งใน กทม.​ ด้านนายชัชชาติ​ สิทธิ​พันธุ์​ ผู้ว่าการ​กรุงเทพ​มหา​นคร​ ได้ออกคำสั่งให้เจ้าของอาคาร​ 9 ประเภท มีการตรวจสอบ​และได้มีการออกคำสั่งไปแล้ว​ 11,000 อาคาร ในเขต​ กทม.​ และมีการตรวจสอบแล้ว​ 5,000 กว่าอาคาร​ ที่มีการตรวจสอบและได้มีการรายงานมาแล้วว่าไม่ได้รับความเสียหาย​รุนแรงขั้นต้องปิดการใช้ หรือถึงขั้นสีแดง

ในส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดมีประมาณ 6 หมื่นกว่าอาคาร ใน 76 จังหวัด ทางท้องถิ่นได้มีการแจ้งให้เจ้าของอาคารตรวจสอบอยู่ การรายงานให้กรมโยธาธิการฯ ทราบในทุก 15 วัน ในกรณีที่เป็นอาคาร 9 ประเภท


ส่วนอาคารอื่นๆ อาคารขนาดเล็ก ทาง กทม. จะรับเรื่องร้องเรียนผ่าน Traffy fondue ของ กทม. เพื่อให้ชาวบ้านได้ร้องเรียน เพื่อ กทม. จะได้เข้าไปตรวจสอบ ปัจจุบันได้มีการแจ้งเรื่องให้ไปตรวจสอบประมาณ​ 20,000 เรื่อง และ กทม. มีการดำเนินการตรวจสอบและแนะนำแล้วประมาณ 18,000 กว่าเรื่อง เหลืออยู่ประมาณ 1,000 กว่าเรื่อง ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ในส่วนอาคารต่างจังหวัด สำนักโยธาธิการและผังเมืองทางจังหวัด ได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้คำปรึกษาแนะนำกับประชาชน

อธิบดีกรมโยธาฯ​ ระบุอีกว่า​ การรายงานความก้าวหน้าในการสืบสวน สืบหาเหตุการณ์ความถล่มของอาคารสำนักงาน สตง. ได้นำเรียนในเบื้องต้นว่าเราได้ตรวจสอบในเรื่องของการคำนวณ ซึ่งกำลังตรวจสอบในเรื่องของรายละเอียด เนื่องจากมีรายละเอียดจำนวนมากที่กำลังตรวจสอบในเรื่องรายละเอียดอยู่ และมีแนวเรื่องที่กำลังทำคู่ขนานกันไป คือการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ว่าอาคาร สตง. ถล่มเกิดจากการออกแบบหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยได้ขอเวลาการพิสูจน์ต่อนายกรัฐมนตรีไว้​ 90 วัน​ ตามแผนมีอยู่​ 4 สูตร​ เป็นไทม์ไลน์​ที่กำหนดในระยะเวลา 90 วันนี้ ก็จะได้ผลว่าการออกแบบตามแบบทำให้อาคารพังหรือไม่​ วิธีการคือ​สร้างแบบจำลองโดยนำแบบเข้าในคอมพิวเตอร์​ และกำหนดคุณสมบัติของวัสดุ​เข้าไปในแบบจำลอง​ และให้แรงแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจริงกระทำกับอาคาร​ จึงจะทำให้รู้ว่าอาคาร สตง.นี้พังหรือไม่​ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ​ และภายใน​ 90 วัน จะสามารถพิสูจน์ได้​

ในส่วนเรื่องการตรวจสอบเอกสารได้ร่วมตรวจสอบเอกสาร​จากการไปตรวจยึด​ในพื้นที่ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ​ดีเอสไอ​ จะมีการตรวจสอบในเรื่องของรายงานประจำวัน​ ประจำสัปดาห์​ การขออนุมัติ​ การเทคอนกรีต​ และในเรื่องการทดสอบวัสดุต่างๆ ส่วนวัสดุที่เก็บหน้างานมีการเก็บร่วมกับตำรวจ​ และทางตำรวจได้มีการอายัติไว้ไปตรวจสอบ​

นายพงษ์นรา กล่าวว่า​ ยังได้รายงานอีกว่า​ต้องไปปรับปรุง​กฎหมายกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง​ ว่าจะมีการออกกฎหมาย​ กฎระเบียบ​ที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ร.บ.วิชาชีพวิศวกร​ และมาตรฐานของการก่อสร้าง​ของ พ.ร.บจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกัน​

เมื่อถามว่ากรอบระยะเวลา​ 90 วันจะสามารถสร้างแบบจำลองทาง​คณิตศาสตร์​ได้ใช่หรือไม่ อธิบดีกรมโยธาฯ​ ระบุว่า​ ขณะนี้ใช้เวลาดำเนินการไปแล้ว​ 1 เดือน​ และแบบจำลองนี้ทำโดย 5 หน่วยงาน​ แล้วมาวิเคราะห์​ร่วมกัน​ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในแบบจำลอง​ และทำออกมาเป็นบทสรุป​

ส่วนตอนนี้คณะกรรมการชุดที่ตรวจสอบพุ่งเป้าไปที่ประเด็นใดนั้น​ นายพงษ์นรา เปิดเผยว่า สิ่งที่ดูได้ทันทีคือการคำนวณตามแบบที่มีการจ้างการก่อสร้างที่มีอยู่แล้ว​ และที่มีการแก้ไขแบบว่าปัจจุบันที่อาคารก่อสร้างหลังนี้มีการออกแบบก่อสร้างคู่สัญญา และมีการแก้ไขแบบส่วนใดบ้างที่เกี่ยวกับโครงสร้าง เราจะมีการนำเข้าแบบจำลอง ซึ่งแบบจำลองชุดนี้เหมือนกับนำอาคารจริง ก่อนที่จะมีการพังถล่ม​ และมีการรันโมเดลเข้าไปในระบบ

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ที่รองศาสตราจารย์เอนก ศิริพานิชกร ที่ปรึกษา สาขาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์​ หรือ​ วศท.​ ให้ความเห็นว่าแบบไม่สอดคล้องกับกฎกระทรวง​ นายพงษ์นรา กล่าวว่า​ ตอนนี้ต้องรอผลสรุปของคณะกรรมการ เพราะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมตนไม่สามารถพูดก่อนได้​

เมื่อถามย้ำถึงแบบจำลองทางคณิตศาสตร์จะมีผลทดสอบแล้วผลจะแน่นอน ออกมาเป็นคำตอบให้สังคมได้ใช่หรือไม่ นายพงษ์นรา ยืนยันว่าได้​ ซึ่งแบบจำลองที่เราตรวจสอบดำเนินการเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว​ แต่ต้องมีการสร้างแบบจำลองให้ครอบคลุม​ในหลายสถานะ​ ในรายละเอียดคงต้องให้ทางคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงไปพิจารณา

การสอบสวนข้อเท็จจริงนั้นมีอยู่ 4 องค์ประกอบ องค์ประกอบแรก คือหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง​ คือสภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ และมีสถาบันการศึกษาเข้ามาร่วมด้วย​ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ​ สมอ.​ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ.​และ กทม. รวมถึงข้าราชการของกรมโยธาธิการ​และ​ผังเมือง​ ที่มีความรู้และการชำนาญการเรื่องนี้ โดยมี วิศวกรใหญ่กรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นประธานกรรมการ สภาวิศวกรเป็นที่ปรึกษา โดยจะเห็นว่าองค์ประกอบของคณะทำงานชุดนี้ครอบคลุมผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง ตนเชื่อว่าเมื่อผลออกมาจะสร้างความชัดเจนให้กับโครงการนี้ได้ว่าสาเหตุของอาคารนี้ที่ถล่มเป็นเพราะอะไร​

เมื่อถามว่าขณะอยู่ระหว่างการดำเนินการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ใช่หรือไม่ นายพงษ์นรา กล่าวว่า ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งมี​อยู่​ 4 ลำดับ​ ในลำดับแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการคีย์ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว พร้อมยอมรับว่ามีอยู่หลายขั้นตอนจึงต้องใช้เวลา ​และหลังจากเสร็จแล้วจะต้องมีการประชุมหารือ เพราะเราต่างคนต่างทำ​ เพราะถ้าหากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งทำ อาจจะมีเรื่อง​ Human error เพราะการคีย์ข้อมูลต้องใช้การคีย์โดยคน ฉะนั้นหากต่างคนต่างคีย์ข้อมูลเข้าไป ต้องมีการเช็กกัน และต้องมีการคุยถึงหลักเกณฑ์​ต่างๆ​ ว่าจะใช้หลักใด​ เพื่อให้เป็นฐานเดียวกัน​ ก่อนที่จะประมวลเป็นผลมา และต้องดูว่าผลของแต่ละสถาบันออกมาในแนวทางเดียวกันหรือไม่​ จึงออกมาเป็นผลสรุป​ของคณะกรรมการชุดนี้​.-314-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]