“ชุติพงศ์” ข้องใจรัฐบาลไม่เร่งปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งกัมพูชา

รัฐสภา 2 พ.ค.-“ชุติพงศ์” เผยอนุฯ ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถก “กฤษฎีกา” หาเเนวทางการใช้ พ.ร.ก.ไซเบอร์ ข้องใจรัฐบาลไม่เร่งปราบฝั่งกัมพูชา ทั้งที่มีความสัมพันธ์ระดับพ่อผู้นำประเทศ ชี้ปีงบฯ 68 เสียหายหมื่นล้านแล้ว ลั่นตราบใดที่โจรยังอยู่ในมือถือของเราทุกคนไม่มีความปลอดภัย จี้จัดการที่ต้นตอ

นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ในฐานะประธานอนุคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกัน ปราบปรามแก้ไขปัญหาขบวนการค้ามนุษย์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้า ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมถึง กรณีแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กลับมาระบาดใหม่อีกครั้ง ว่า การแก้ไขปัญหายังไม่มีความคืบหน้าจากหน่วยงานภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม แม้รัฐจะออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มาบังคับใช้แล้วก็ตาม ดังนั้นในที่ประชุมกมธ.ฯวันนี้(2 พ.ค.) จึงจะมีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการบังคับใช้พ.ร.ก.ฯ รวมถึงการคาดการณ์ปัญหาและอุปสรรคในการบังคับใช้ โดยได้เชิญคณะกรรมการกฤษฎีกา มาให้ข้อมูลว่าในการออกกฏหมายฉบับนี้ มีข้อกังวลอย่างไรบ้างหรือไม่เพื่อให้ทางอนุกมธ.ฯ จะได้ทำความเข้าใจในเรื่องการบังคับใช้ หรือการแก้ไขในอนาคตว่าจะต้องเป็นไปในรูปแบบใด ซึ่งการทำงานของอนุกมธ.ฯใกล้แล้วเสร็จแล้วจึงต้องการทำให้สมบูรณ์มากที่สุด


นายชุติพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ที่มีการดำเนินการส่งชาวจีนกลับประเทศจีน โดยรัฐได้ทำการตัดไฟและตัดน้ำมัน ที่จะส่งไปยังประเทศเมียนมา ซึ่งถือว่าได้ผลในระดับหนึ่ง แต่เราก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าเท่าที่ควร ในหลายจุดโดยเฉพาะชายแดนประเทศกัมพูชา ซึ่งเราทราบข้อมูลมาว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นมีการหลอกคนไทยจำนวนมากที่สุด เพราะถ้าพูดกันตรงๆ ความสัมพันธ์ไทยและกัมพูชา ระหว่างผู้นำประเทศ หรือระดับบุคคลที่เป็นรุ่นพ่อของผู้นำประเทศ ก็มีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี เหตุใดจึงไม่เจรจาเพื่อแก้ไขปัญหา และล่าสุดที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา เราก็รอติดตามว่านายกฯได้มีการพูดคุยเรื่องการแก้ไขปัญหาเเก๊งค์คอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนบ้างหรือไม่

เมื่อถามว่าล่าสุดแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ที่มีเคสหลอกคนไทยที่เป็นด็อกเตอร์มองว่าการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไม่ได้ผลหรือไม่ นายชุติพงศ์กล่าวว่า ตราบใดที่โจรยังอยู่ในมือถือของเราทุกคนไม่มีความปลอดภัย เพราะนายกฯก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าเกือบโดนหลอกมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครปลอดภัย และอย่าคิดว่าเหยื่อของแก๊งค์มิจฉาชีพจะเป็นคนแก่เพียงอย่างเดียว เพราะหลายคนเป็นผู้ใหญ่ เป็นอาจารย์ วิศวกร เป็นคนที่มีความรู้ แต่เรื่องปฏิบัติการจิตวิทยาที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ จะสร้างความหวาดกลัว สร้างความรัก และมีการใช้แอพพลิเคชั่นที่แฝงเข้ามาในโทรศัพท์เพื่อหลอกให้ดาวน์โหลด จึงมีโอกาสที่ทุกคนสามารถพลาดได้ทั้งนั้น ถ้าเรายังไม่จัดการปัญหาที่ต้นตอต่อ คือปราบปราม ต้นตอที่ชายแดนอย่างจริงจัง เพราะตราบใดที่ไม่ทำอย่างนั้นเขาก็ยังอยู่ในโทรศัพท์ของเราทุกคน


นายชุติพงศ์ กล่าวต่อว่า แม้รัฐจะตัดไฟตัดน้ำมัน แต่ก็ทราบมาว่ามีเครื่องปั่นไฟอยู่ในพื้นที่ทำให้ฝั่งเมียนมายังมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ ในขณะที่ฝั่งกัมพูชา ซึ่งเราได้ข้อมูลจากการประชุมอนุกมธ.ฯว่า มีเครื่องปั่นไฟขนาดกลางถูกตั้งไว้หน้าบ้านที่สร้างใหม่จำนวนมาก ซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ขนาดเล็กไม่ใช่แค่ตึกสูงเหมือนที่เราทราบกัน คำถามคือถ้าเราเห็นว่าการตัดไฟตัดน้ำมันในฝั่งเมียนมาได้ผล แล้วทำไมไม่ทะลายแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่ฝั่งกัมพูชา ทำไมเราถึงทำอะไรไม่ได้ ซึ่งทราบมาว่าไฟฟ้าฝั่งปอยเปต ไฟฟ้าหลักมาจากประเทศเรา ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์รัฐบาลต่อรัฐบาลก็สามารถดำเนินการได้ จึงต้องถามไปยังรัฐบาลว่าจะรอถึงเมื่อไหร่ จะให้โจรอยู่ในมือถือของประชาชนอีกนานแค่ไหน

“ทุกวันนี้ยังไม่มีการขยับหรือออกมาตรการในการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ คือทุกวันที่เงินอยู่ในกระเป๋าพี่น้องประชาชนอาจจะเป็นเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตของเขา ถูกเอาไปอยู่ในมือของมิจฉาชีพ ดังนั้นรัฐบาลควรจะดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นแม้แต่วันเดียว เพราะเปิดปีงบประมาณ 68 มาความเสียหายที่AOC แสดงอยู่ในเว็บไซต์มูลค่าหมื่นล้านบาทแล้ว ทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียเงินขนาดนี้ในระยะสั้นๆแค่นี้ แล้วจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร เราถึงจะทำให้ประชาชนมีกินมีใช้ และเฉพาะเคสที่แจ้งความในปีงบประมาณนี้มีจำนวนกว่า 90,000 ราย ซึ่งจำนวนผู้ถูกหลอกยังคงสูงอยู่ ทั้งที่เราคาดหวังว่าควรจะลดลง” ชุติพงศ์ กล่าว.-319.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย

เชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอด “ภูมะเขือ” กองทัพยึดคืนพื้นที่เบ็ดเสร็จ

26 ก.ค.- ธงชาติไทยโบกสะบัด! ปักยอด “ภูมะเขือ” หลังทหารไทยเปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่คืนจากฝ่ายกัมพูชาสำเร็จช่วงเย็นวานนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย -สำนักข่าวไทย

นาวิกโยธินคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ตอบโต้ทหารกัมพูชาหนีกระเจิง

26 ก.ค.- เหตุปะทะชายแดนตราด ทหารนาวิกโยธิน ตอบโต้ทหารกัมพูชาหนีกระเจิง ถอยร่นออกจากพื้นที่อธิปไตยไทย ส่วนประชาชนอพยพไปที่ปลอดภัย เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 26 ก.ค.69 รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงจังหวัดตราด เปิดเผยว่าถึงสถานการณ์ บริเวณบ้านชำราก จ.ตราด ทหารกัมพูชา ได้วางกำลังรุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุดเปิดฉากยิงทหารไทย เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยกำลังทหารนาวิกโยธิน ได้เปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี1” จนสามารถควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ผลักดันกำลังทหารกัมพูชา ออกนอกพื้นที่ ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนประชาชนพื้นที่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ได้อพยพไปพื้นที่ปลอดภัย ในอำเภอเมืองตราด ประมาณ 75 เปอร์เซนต์เมื่อวันที่ 24-25 ก.ค.68 -สำนักข่าวไทย