“ภูมิธรรม” รับฟรีวีซ่ามีราคาต้องจ่าย ยันเข้มความปลอดภัย

บก.ทัพไทย 30 เม.ย.- “ภูมิธรรม” รับฟรีวีซ่า มีราคาต้องจ่าย เปิดช่องก่ออาชญากรรม แต่สร้างเม็ดเงิน ยันรัฐบาล เข้มความปลอดภัย ส่วนกรณีภาพ “สารวัตรทหาร” ร่วมอีเวนต์จีน สั่งตรวจสอบแล้ว


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสภากลาโหมสัญจร ถึงนโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยว ทำให้เกิดการก่ออาญากรรมในประเทศไทยว่า ต้องดูว่าเป็นข้อเท็จจริง มากน้อยเพียงใด กรณีที่มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาแล้วมาก่อคดีต่าง ๆ ในประเทศไทย ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย และไม่มีผลเสียอะไร เพราะไม่ได้เกิดขึ้นจากความไม่ปลอดภัย ในประเทศเรา แต่เกิดจากคนของเขาเอง ส่วนที่มีความกังวลว่า จะมีเรื่องประเด็น การตัดอวัยวะขายนั้น ปัจจุบันยังไม่มีกรณีดังกล่าว

ส่วนกรณี ชายแต่งตัวคล้ายสารวัตรทหารรับอีเวนต์จีนนั้น ได้ทราบข่าวแล้ว แต่ทราบว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 แต่เป็นข่าวในช่วงนี้ แต่ในทางปฏิบัติได้สั่งการไปเรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจสอบ ทั้งนี้หน่วยที่เกี่ยวข้องกับสารวัตรทหาร มีอยู่ 3 หน่วย คือ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการทัพไทย กองบัญชาการกองทัพบก ตนได้รับรายงานว่าจากการตรวจสอบขั้นต้น ไม่มีคำสั่ง ให้สารวัตรทหารออกไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าว เนื่องจากการไปปฏิบัติภารกิจเช่นนี้ต้องมีคำสั่งออกมา ดังนั้นจึงต้องไปดูว่า เขาไปดำเนินการในลักษณะส่วนบุคคลหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบ หาก พบว่ามีก็ต้องปฏิบัติไปตามระเบียบ กฎหมาย ซึ่งได้สั่งการไม่ค่อนขัดไปแล้ว แต่หากเป็นการแต่งกาย เลียนแบบผิดกฎหมายอาญาแน่นอน


นายภูมิธรรม ยอมรับว่า ประเทศไทยได้รับผลกระทบ จากกระแสข่าวต่างๆ ซึ่งมีทั้งจริง บ้าง และไม่จริง แต่เมื่อวัดกับ จำนวนนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาประเทศไทย ก็ถือว่ามีจำนวนสูง ส่วน จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่น้อยลงนั้น ส่วนใหญ่เป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ เชื่อว่าไม่ส่งผลอะไร ไม่มีอะไรต้องกังวลมากนัก ที่สำคัญที่สุดเราต้องทำให้ประเทศไทย ปลอดภัย การมาก่อคดี ก็ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

เมื่อถามว่า เราปล่อยปละละเลย ให้กลุ่มคนจีน ใช้ประเทศไทยเป็นฐาน หลอกขายตรง ให้คนจีน โดยใช้ หน่วยงานข้าราชการ เช่น การแต่งตัวคล้ายสารวัตรทหาร ซึ่งเรื่องเกิดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่ได้ปล่อยให้เขาทำ และเรื่องนี้ไม่มีใครทราบแต่เมื่อมีการหยิบยกขึ้นมาพูดในโซเชียลมีเดีย ก็ดำเนินการอย่างเคร่งครัด

เมื่อถามว่าการฟรีวีซ่า เป็นช่องโหว่ ที่ให้คนประเภทนี้เข้ามาก่อเหตุ ในขณะที่ เจ้าหน้าที่รัฐหละหลวม นายภูมิธรรม กล่าวว่า ฟรีวีซ่าถือเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง เปิดให้คนเข้ามาท่องเที่ยว สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ ยอมรับว่าทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นบวกอย่างเดียว ก็มีสิ่งที่ต้องจ่าย ส่วนที่มีคดีต่างๆ เกิดขึ้น เป็นเพียงส่วนเดียว เราก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ได้หมายความว่านักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วทำเช่นนั้นหมด


เมื่อถามว่า ส่วนใหญ่ เป็นคนเชื้อสายจีน เข้ามาก่ออาชญากรรม นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากยังไม่ชัดเจน ก็อย่าเอามาเป็นประเด็นแล้วไปกระพือข่าว สร้างผลกระทบกับประเทศของเรา สิ่งเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ก็ติดตามทั้งหมด ซึ่งมีทั้งจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติตามธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนเข้ามาก็มีโอกาสเข้ามาก่อเหตุได้ทั้งสิ้น หากประเทศนั้นมีเงื่อนไขที่เขาจะหาผลประโยชน์ จึงไม่อยากให้เอาเคสเดียวที่เกิดขึ้น หรือข่าวลือ มาทำให้ประเทศเราหมดความเชื่อมั่น ไม่อยากให้ขยาย ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย

เมื่อถามว่า ปัจจุบัน ประเทศเรามีปัญหา เกี่ยวกับคนจีนที่เข้ามาหาผลประโยชน์หลายอย่าง เช่น กรณี ผู้ว่าฯปราจีนบุรี ตั้งคนจีนเป็นที่ปรึกษา นายภูมิธรรม กล่าวยืนยันว่า มาตรการฟรีวีซ่า เป็นการฟื้นฟูกระตุ้นการท่องเที่ยว และเป็นเป้าหมายที่เหมาะสมถูกต้อง เมื่อมีกระบวนการเกิดขึ้น ซึ่งยอมรับว่าเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว แต่เราไม่ได้นิ่งเฉย หรือละเลย พยายามดำเนินการแก้ไขปัญหาเต็มที่ อีกครั้ง ในประเทศอื่นก็มีเช่นกัน กรณีนักท่องเที่ยวไปก่อคดี ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก ซึ่งรัฐบาลใส่ใจเรื่องนี้ เพราะเป็นแผ่นดินไทย เราต้องดูแลความปลอดภัยคนในประเทศของเรา ซึ่งตนมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่เกิดปกติ เราก็ใช้กระบวนการที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่เรื่องอะไรที่พิเศษหรือน่ากังวลใจ ส่วนจะมีแนวโน้มปรับลด จำนวน วัน ฟรีวีซ่าจากเดิม60วันหรือไม่นั้น ตนจะรับไป ให้หน่วยที่เกี่ยวข้องพิจารณา

เมื่อถามว่าในด้านทางการข่าว มีข้อมูลหรือไม่ว่าทุนจีน เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้พรรคการเมือง นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากมีข้อมูลก็ส่งมา ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย พรรคการเมืองไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย-313 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

เชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอด “ภูมะเขือ” กองทัพยึดคืนพื้นที่เบ็ดเสร็จ

26 ก.ค.- ธงชาติไทยโบกสะบัด! ปักยอด “ภูมะเขือ” หลังทหารไทยเปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่คืนจากฝ่ายกัมพูชาสำเร็จช่วงเย็นวานนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย -สำนักข่าวไทย

นาวิกโยธินคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ตอบโต้ทหารกัมพูชาหนีกระเจิง

26 ก.ค.- เหตุปะทะชายแดนตราด ทหารนาวิกโยธิน ตอบโต้ทหารกัมพูชาหนีกระเจิง ถอยร่นออกจากพื้นที่อธิปไตยไทย ส่วนประชาชนอพยพไปที่ปลอดภัย เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 26 ก.ค.69 รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงจังหวัดตราด เปิดเผยว่าถึงสถานการณ์ บริเวณบ้านชำราก จ.ตราด ทหารกัมพูชา ได้วางกำลังรุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุดเปิดฉากยิงทหารไทย เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยกำลังทหารนาวิกโยธิน ได้เปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี1” จนสามารถควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ผลักดันกำลังทหารกัมพูชา ออกนอกพื้นที่ ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนประชาชนพื้นที่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ได้อพยพไปพื้นที่ปลอดภัย ในอำเภอเมืองตราด ประมาณ 75 เปอร์เซนต์เมื่อวันที่ 24-25 ก.ค.68 -สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย