“สว.สำรอง” บุกยื่นตรวจสอบ “ฐิติเชษฐ์” ถูกกล่าวหาปมสินบน

กกต. 30 เม.ย.- “สว.สำรอง” บุก กกต. ยื่นหนังสือเปิดผนึก จี้ตรวจสอบ “ฐิติเชษฐ์ นุชนารถ” ถูกกล่าวหาสินบน 300,000 บาท วิ่งเต้นเลื่อนตำแหน่ง สตง. หวั่นกระทบความน่าเชื่อถือการวินิจฉัยคดีฮั้ว สว.


กลุ่ม สว.สำรองนำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เดินทางเข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบคณะกรรมการ กกต.พัวพันคดีสินบนเลื่อนตำแหน่ง และ คดีฮั้วเลือก สมาชิกวุฒิสภา (สว.)

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า วันนี้ทางคณะสว. สำรองได้มีการเดินทางมารวมตัวกัน เพื่อทวงถามและสื่อสารทำความเข้าใจกับ กกต. โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้มีการส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังประธาน กกต.อย่างต่อเนื่องถึง 10 ฉบับด้วยกัน. และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง. ซึ่งทาง. กกต. ได้ส่งมาพูดคุยกับพวกเรา ได้สาระต่างๆบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ข้อมูลมากนัก เพราะเรายังไม่ได้พบกับผู้บริหารหลังจากที่เราได้ส่งหนังสือไป


พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ทราบมาว่าคณะอนุกรรมการ ระหว่าง กกต. กับดีเอสไอที่ทำงานร่วมกันในคดี ฮั้วสว. ดำเนินการใกล้จะแล้วเสร็จ ตามที่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ให้สัมภาษณ์ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ว่าจะพยายามสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้หรือเร็วๆนี้ หลังจากนั้นก็ต้องส่งสำนวนไปถึงคณะกรรมการ กกต. ซึ่งตนก็มีข้อกังวลใจ เนื่องจากมี กกต.ท่านหนึ่งคือ ฐิติเชษฐ์ นุชนารถ ถูกกล่าวหาว่า ไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ในการวิ่งเต้น และการสอบเลื่อนตำแหน่งต่างๆ โดยเป็นการไปจ่ายเงิน 300,000 บาท ซึ่งถูกผู้ว่าฯ สตง.ดำเนินการแจ้งความที่ สน. บางซื่อ มีการลงบันทึกประจำวันเมื่อเดือน มี.ค. พ.ศ. 2567 ระบุชัดเจนว่า นายฐิติเชษฐ์ เป็นผู้ต้องหาคนที่ 1

ทั้งนี้หากเราเป็นข้าราชการแล้วถูกคดี อาจถูกผู้บังคับบัญชาตั้งคณะกรรมการทางวินัย พักราชการ ซึ่งอาจจะถูกสั่งพักราชการหรือออกจากราชการไว้ก่อน แล้วแต่โทษทัณฑ์หรือลักษณะของข้อกล่าวหา แต่เนื่องจากว่า กกต. อาจจะไม่มีระเบียบวางไว้อย่างชัดเจน ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณธรรมประจำใจของ กกต.แต่ละคน ว่าจะพิจารณาอย่างไร ซึ่งบังเอิญตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย กกต. มาตรา 10 ที่ระบุถึงลักษณะต้องห้ามของ กกต. โดยมีข้อหนึ่งระบุไว้ ว่า จะต้องเป็นผู้ที่มีพฤติการณ์อันไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง โดยตามข้อกล่าวหาของท่านได้เข้าข่ายละเมิดจริยธรรมข้อนี้อย่างร้ายแรง เพราะฉะนั้นพวกเราในกลุ่มสว. สำรอง ก็มีความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากท่านเป็นกรรมการท่านหนึ่งที่จะต้องพิจารณาในกรณีดังกล่าว

“การที่ท่านเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับ สตง.นั้น เป็นเรื่องของการทุจริตการใช้เงินใช้ทอง เพื่อให้ได้ซึ่งตำแหน่ง หน้าที่ของท่าน ในการทำงานที่ กกต. ก็เกี่ยวข้องกับการพิจารณาว่า ใครจะถูกตรวจสอบเรื่องของ สว. หรือไม่ ซึ่งเราไม่สบายใจว่าจะมีการวิ่งเต้นในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้ กกต. ได้ช่วยนำประเด็นนี้ไปหารือในวงของคณะกรรมการด้วย เพื่อให้เกิดความสง่างาม เกิดความน่าเชื่อถือในการวินิจฉัยคดี เลือกตั้งต่อๆไป” พล.ต.ท. คำรบ กล่าว


ด้าน นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนชริตกุล ตัวแทนกลุ่ม สว.สำรอง กล่าวว่า ตอนนี้เข้าเดือนที่ 10 หลังเลือก สว.แล้ว แต่ กกต.ยังทำงานอย่างดึงเช็ง ไม่กระตือรือร้น นำกระบวนการที่ทำลายระบอบประชาธิปไตยมาพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงการเลือก สว.ถูกต้องตามกฎหมาย สุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ เพราะมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมากต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่า กกต.จัดการเลือกไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ประชาชน ก็เห็นว่ากกต.อาจ มีส่วนร่วมในการสนับสนุนหรือเอื้อประโยชน์ให้กับ กลุ่มคณะบุคคล หรือไม่อย่างไร แล้ววันนี้ก็ยังมีปัญหาที่เราต้องมาชี้แจงอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะทุกคนรู้ แต่มีนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ที่ยังไม่รู้ บอกว่าโพยไม่ผิดแล้ว เข้าไปในห้องเลือก สว.ได้ หนังสือชี้แจงล่าสุดก็บอกว่า การนำโพยเข้าหน่วย เลือกตั้งไม่ผิดตามคำสั่งศาลปกครอง ทั้ง ๆ ที่คนร้องศาลปกครองเนื่องจากหนังสือแนะนำตัวในใบสว. 3 นั้นมีแค่ 5 บรรทัดทำให้เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทำงานเพื่อประเทศชาติมาทั้งชีวิต แต่จะให้บรรยายแค่ 5 บรรทัดจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร ซึ่ง ศาลมีคำสั่งคุ้มครองว่าให้สามารถแนะนำตนเองได้ในกระดาษ A4

ส่วนใบ สว. 3 ที่ผู้สมัคร ทุกกลุ่มอาชีพผ่านระดับอำเภอ มาระดับจังหวัด และระดับประเทศ จะได้รับแต่ละเล่มจะมีหน้าตาไม่เหมือนกัน โดยจะมีข้อมูลแค่ของกลุ่มนั้นๆ สามารถนำเข้าคูหาได้ ชอบใครก็พับเอาไว้ แต่สิ่งที่เขาห้าม และเป็นสิ่งที่ผิดปกติ ที่เราจะต้องมาบอกเลขาฯ แสวง ซึ่งเป็นคนคนเดียวที่ไม่รู้เรื่อง ว่า โพยผิดคือ ผู้สมัครในบางจังหวัด รู้ได้อย่างไรว่ามีใครจะเข้ามาในช่วงบ่ายบ้าง จึงแอบเขียนโพยเอาไว้ใน สว.3 ซึ่งก็มีการแจ้งเรื่องต่อกกต. แต่กลับบอกว่าปล่อยให้เอาเข้าไป การที่เขารู้ได้อย่างไร สรุปว่าก็คือเกิดการทำโพย ทำใบสั่งให้เลือก เป็นหนังสือเอกสารเฉลยคำตอบว่า เลือกตามนี้ทุกคนได้เป็น สว.แน่นอน นี่แหละคือสิ่งที่ผิด เป็นขบวนการที่ทำมาเป็นล่ำเป็นสัน มีการลงทุน มีเส้นเงินมีการจ่ายเงินจ่ายทอง ทุกคนรู้ทั้งประเทศ ว่ามีกระบวนการจ่ายเงิน มูลค่าหลายร้อยล้านบาท แต่นายแสวงยังดันทุรังว่าไม่ผิด อย่างไรก็ตาม ตอนเช้าให้เอาเข้าได้ แต่ตอนบ่ายบอกว่าไม่ให้เอาเข้า เป็นการย้อนแย้งกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

“ถ้าบริสุทธิ์ใจ ว่าสามารถนำเข้าไปได้ตั้งแต่รอบเช้าแล้ว ทำไมถึงไม่ปล่อยเข้าไปเลยทั้งวัน ช่วงบ่ายทำไมถึงบอกว่าผิด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าคุณเมาอะไรหรือเปล่า วันนั้นถ้าคุณวางกระป๋องกาว คุณจะไม่เมาอย่างนั้นเลย หัวใจจะมีเรื่องความสุจริตเที่ยงธรรม เป็นกรรมการอย่างตรงไปตรงมา ไม่เอนเอียงไปรับใช้ใคร รู้ว่าอยู่บ้านเดียวกัน อยู่จังหวัดเดียวกัน แต่ไม่ใช่มาย่ำยีกับประเทศชาติแบบนี้ จึงขอให้นายแสวงกลับตัวกลับใจ และอย่าเข้ามายุ่งในเรื่องการสืบสวนสอบสวนของคณะสืบสวนชุดที่ตั้งขึ้นมาใหม่ งานเขาจะสำเร็จอยู่แล้วออกไปพักผ่อนได้แล้ว”นายอัครวัฒน์ กล่าว

นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ กกต.หนึ่งคนที่เกี่ยวข้องกับการวิ่งเต้นสอบเลื่อนขั้นของ สตง.นั้น ขอให้หยุด หรือออกจากคณะสอบสวนไปก่อน แล้วให้คณะกรรมการที่เหลือดำเนินการ

นายอัครวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ส่งถึงปลัดจังหวัดทุกแห่ง เกี่ยวกับกรณีที่ดีเอสไอจะลงไปสอบถามข้อมูลฮั้ว สว.แล้วให้บอกว่าคนไม่พอ หรือให้ระวังเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่ได้รับความปลอดภัย นั้น ตนเห็นว่าตอนจัดเลือกตั้งต่างๆ ก็ให้ความร่วมมือ แต่พอเมื่อมีปัญหากลับหาวิธีสกัดกั้น ดังนั้นถ้าไม่ให้ที่ว่าการอำเภอ สอบสวนพยานหลักฐาน ตนแนะนำให้กระทรวงยุติธรรม เปิดเรือนจำ เชิญมาให้ข้อมูลในนั้นซึ่งมีกำแพงหนาแน่น ตนคิดว่าจะได้ข้อมูลที่ชัดเจน คดีนี้เป็นคดีที่ทำลายระบอบประชาธิปไตย คดีปล้นบ้านปล้นเมือง ทำความเสียหายให้กับคนไทยทั้งประเทศ วันนี้จึงขอฝากว่า หาก กกต.มีจิตสำนึก ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ขอให้กลับเนื้อกลับตัวตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ นายอิทธิพร บุญประคอง ในฐานะประธาน กกต.อย่าอยู่เหนือปัญหา ใครส่งอะไรมาให้ก็อ่านบ้าง อย่าเซ็นชื่ออย่างเดียว เพราะคนเกษียณหนังสือไม่รู้ว่าได้รับกล้วยกี่หวี เกษียณหนังสือโดยไม่สนใจอะไร แต่ประชาชนจับได้ไล่ทันหมดแล้ว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

จนท.ห้ามล่าสัตว์ป่า หายตัวปริศนา 3 วัน หลังไปขายลอตเตอรี่

อุทัยธานี 14 ก.ย.- แม่เศร้าลูกชาย ซึ่งเป็น จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา หายตัวปริศนา 3 วัน หลังออกเวรไปเร่ขายลอตเตอรี่ แต่จนถึงขณะนี้ ยังติดต่อไม่ได้ นางจำรัส อายุ 57 ปี ชาวบ้านบึงเจริญ หมู่ 9 ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี นำเบาะแส เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด มอบให้สื่อมวลชน ช่วยเป็นกระบอกเสียง ในการตามหาลูกชาย คือนายเอกฉัตร อายุ 39 ปี ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา ต.ระบำ อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนาน 3 วัน โดยภาพวงจรปิดเมื่อวันที่ 7 กันยายน นายเอกฉัตรนำแผงลอตเตอรี่มาขาย ที่ร้านของชำของแม่ ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ สีแดงออกไป กระทั่งล่าสุด วันที่ 11 กันยายน กล้องอีกจุดจับภาพนายเอกฉัตร ขี่รถจักรยานยนต์ สีเขียว ทะเบียน 1ขอ […]

ทลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 600 ต่อปี

14 ก.ย.- ตำรวจสอบสวนกลาง ทลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 600 ต่อปี พบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 30 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง บุกจับนายณัฐพงษ์ อายุ 36 ปี นายวิเนตร อายุ 28 ปี และนายธีรวุฒิ อายุ 34 ปี ที่อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต และเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด พร้อมของกลางหลายรายการ หลังมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสเครือข่ายเงินกู้นอกระบบเก็บดอกเบี้ยถึงร้อยละ 626.25 ต่อปี กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนถูกกฎหมายได้ ผู้กู้ไม่ต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตนไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน โอนเงินให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ไปบัญชีธนาคารของผู้กู้ โดยหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรก และงวดสุดท้ายไว้ก่อน หากผิดนัดชำระหนี้ ก็จะไประรานลูกหนี้อย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย. -สำนักข่าวไทย

ปชช.ตื่นตัวใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย กกต.คาดรู้ผลก่อน 3 ทุ่ม

เชียงราย 14 ก.ย.- กกต. คาดผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย 65% เหตุอากาศเป็นใจ พบประชาชนตื่นตัวมารอใช้สิทธิแต่เช้า รู้ผลก่อน 3 ทุ่มคืนนี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 7 จังหวัดเชียงราย ว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมารอใช้สิทธิทั้ง 2 หน่วยภายในโรงเรียนบ้านสบคา ซึ่งวันนี้สภาพอากาศเป็นใจท้องฟ้าปลอดโปร่ง หากเป็นไปเช่นนี้จะมีส่วนทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากยิ่งขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดีที่อากาศเอื้ออำนวยในการออกเสียงเลือกตั้งวันนี้ ซึ่งมีตั้งเป้าจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 65 แม้จะเป็นงานยาก เพราะมีเงื่อนไขในเรื่องของกำหนดเวลายุบสภา แต่ด้วยความร่วมมือของทั้งพรรคการเมืองและผู้สมัคร และทางจังหวัดเชียงราย กกต.จังหวัดเชียงราย คาดว่าตัวเลขผู้ออกมาใช้สิทธิจะใกล้เคียงเป้าที่ได้ตั้งเป้าไว้ สำหรับรายงานผล เมื่อปิดหน่วยในเวลา 17.00 น. กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจะมีการตรวจบัตรและนับคะแนน คาดว่าจะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการในเวลาประมาณ 20.00 – 21.00 น. ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยระบุว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของชาวจังหวัดเชียงราย และเลขา กกต.ได้มาตรวจเยี่ยมการเลือกตั้งซ่อม สส.เขตเลือกตั้งที่ 7 พร้อมเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดเชียงราย ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะเป็นหน้าที่ เลือกคนดีเข้าสภาเป็นหน้าที่ของชาวจังหวัดเชียงราย […]

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยยังคงมีฝน ภาคใต้หนักสุด

กทม. 14 ก.ย.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง เตือนภาคใต้เตรียมรับมือฝนถล่ม ทะเลคลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยา เผยภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่เนื่องจากมีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุม ส่วนประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง – สำนักข่าวไทย