“สว.สำรอง” บุกยื่นตรวจสอบ “ฐิติเชษฐ์” ถูกกล่าวหาปมสินบน

กกต. 30 เม.ย.- “สว.สำรอง” บุก กกต. ยื่นหนังสือเปิดผนึก จี้ตรวจสอบ “ฐิติเชษฐ์ นุชนารถ” ถูกกล่าวหาสินบน 300,000 บาท วิ่งเต้นเลื่อนตำแหน่ง สตง. หวั่นกระทบความน่าเชื่อถือการวินิจฉัยคดีฮั้ว สว.


กลุ่ม สว.สำรองนำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เดินทางเข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบคณะกรรมการ กกต.พัวพันคดีสินบนเลื่อนตำแหน่ง และ คดีฮั้วเลือก สมาชิกวุฒิสภา (สว.)

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า วันนี้ทางคณะสว. สำรองได้มีการเดินทางมารวมตัวกัน เพื่อทวงถามและสื่อสารทำความเข้าใจกับ กกต. โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้มีการส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังประธาน กกต.อย่างต่อเนื่องถึง 10 ฉบับด้วยกัน. และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง. ซึ่งทาง. กกต. ได้ส่งมาพูดคุยกับพวกเรา ได้สาระต่างๆบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ข้อมูลมากนัก เพราะเรายังไม่ได้พบกับผู้บริหารหลังจากที่เราได้ส่งหนังสือไป


พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ทราบมาว่าคณะอนุกรรมการ ระหว่าง กกต. กับดีเอสไอที่ทำงานร่วมกันในคดี ฮั้วสว. ดำเนินการใกล้จะแล้วเสร็จ ตามที่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ให้สัมภาษณ์ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ว่าจะพยายามสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้หรือเร็วๆนี้ หลังจากนั้นก็ต้องส่งสำนวนไปถึงคณะกรรมการ กกต. ซึ่งตนก็มีข้อกังวลใจ เนื่องจากมี กกต.ท่านหนึ่งคือ ฐิติเชษฐ์ นุชนารถ ถูกกล่าวหาว่า ไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ในการวิ่งเต้น และการสอบเลื่อนตำแหน่งต่างๆ โดยเป็นการไปจ่ายเงิน 300,000 บาท ซึ่งถูกผู้ว่าฯ สตง.ดำเนินการแจ้งความที่ สน. บางซื่อ มีการลงบันทึกประจำวันเมื่อเดือน มี.ค. พ.ศ. 2567 ระบุชัดเจนว่า นายฐิติเชษฐ์ เป็นผู้ต้องหาคนที่ 1

ทั้งนี้หากเราเป็นข้าราชการแล้วถูกคดี อาจถูกผู้บังคับบัญชาตั้งคณะกรรมการทางวินัย พักราชการ ซึ่งอาจจะถูกสั่งพักราชการหรือออกจากราชการไว้ก่อน แล้วแต่โทษทัณฑ์หรือลักษณะของข้อกล่าวหา แต่เนื่องจากว่า กกต. อาจจะไม่มีระเบียบวางไว้อย่างชัดเจน ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณธรรมประจำใจของ กกต.แต่ละคน ว่าจะพิจารณาอย่างไร ซึ่งบังเอิญตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย กกต. มาตรา 10 ที่ระบุถึงลักษณะต้องห้ามของ กกต. โดยมีข้อหนึ่งระบุไว้ ว่า จะต้องเป็นผู้ที่มีพฤติการณ์อันไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง โดยตามข้อกล่าวหาของท่านได้เข้าข่ายละเมิดจริยธรรมข้อนี้อย่างร้ายแรง เพราะฉะนั้นพวกเราในกลุ่มสว. สำรอง ก็มีความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากท่านเป็นกรรมการท่านหนึ่งที่จะต้องพิจารณาในกรณีดังกล่าว

“การที่ท่านเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับ สตง.นั้น เป็นเรื่องของการทุจริตการใช้เงินใช้ทอง เพื่อให้ได้ซึ่งตำแหน่ง หน้าที่ของท่าน ในการทำงานที่ กกต. ก็เกี่ยวข้องกับการพิจารณาว่า ใครจะถูกตรวจสอบเรื่องของ สว. หรือไม่ ซึ่งเราไม่สบายใจว่าจะมีการวิ่งเต้นในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้ กกต. ได้ช่วยนำประเด็นนี้ไปหารือในวงของคณะกรรมการด้วย เพื่อให้เกิดความสง่างาม เกิดความน่าเชื่อถือในการวินิจฉัยคดี เลือกตั้งต่อๆไป” พล.ต.ท. คำรบ กล่าว


ด้าน นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนชริตกุล ตัวแทนกลุ่ม สว.สำรอง กล่าวว่า ตอนนี้เข้าเดือนที่ 10 หลังเลือก สว.แล้ว แต่ กกต.ยังทำงานอย่างดึงเช็ง ไม่กระตือรือร้น นำกระบวนการที่ทำลายระบอบประชาธิปไตยมาพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงการเลือก สว.ถูกต้องตามกฎหมาย สุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ เพราะมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมากต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่า กกต.จัดการเลือกไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ประชาชน ก็เห็นว่ากกต.อาจ มีส่วนร่วมในการสนับสนุนหรือเอื้อประโยชน์ให้กับ กลุ่มคณะบุคคล หรือไม่อย่างไร แล้ววันนี้ก็ยังมีปัญหาที่เราต้องมาชี้แจงอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะทุกคนรู้ แต่มีนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ที่ยังไม่รู้ บอกว่าโพยไม่ผิดแล้ว เข้าไปในห้องเลือก สว.ได้ หนังสือชี้แจงล่าสุดก็บอกว่า การนำโพยเข้าหน่วย เลือกตั้งไม่ผิดตามคำสั่งศาลปกครอง ทั้ง ๆ ที่คนร้องศาลปกครองเนื่องจากหนังสือแนะนำตัวในใบสว. 3 นั้นมีแค่ 5 บรรทัดทำให้เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทำงานเพื่อประเทศชาติมาทั้งชีวิต แต่จะให้บรรยายแค่ 5 บรรทัดจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร ซึ่ง ศาลมีคำสั่งคุ้มครองว่าให้สามารถแนะนำตนเองได้ในกระดาษ A4

ส่วนใบ สว. 3 ที่ผู้สมัคร ทุกกลุ่มอาชีพผ่านระดับอำเภอ มาระดับจังหวัด และระดับประเทศ จะได้รับแต่ละเล่มจะมีหน้าตาไม่เหมือนกัน โดยจะมีข้อมูลแค่ของกลุ่มนั้นๆ สามารถนำเข้าคูหาได้ ชอบใครก็พับเอาไว้ แต่สิ่งที่เขาห้าม และเป็นสิ่งที่ผิดปกติ ที่เราจะต้องมาบอกเลขาฯ แสวง ซึ่งเป็นคนคนเดียวที่ไม่รู้เรื่อง ว่า โพยผิดคือ ผู้สมัครในบางจังหวัด รู้ได้อย่างไรว่ามีใครจะเข้ามาในช่วงบ่ายบ้าง จึงแอบเขียนโพยเอาไว้ใน สว.3 ซึ่งก็มีการแจ้งเรื่องต่อกกต. แต่กลับบอกว่าปล่อยให้เอาเข้าไป การที่เขารู้ได้อย่างไร สรุปว่าก็คือเกิดการทำโพย ทำใบสั่งให้เลือก เป็นหนังสือเอกสารเฉลยคำตอบว่า เลือกตามนี้ทุกคนได้เป็น สว.แน่นอน นี่แหละคือสิ่งที่ผิด เป็นขบวนการที่ทำมาเป็นล่ำเป็นสัน มีการลงทุน มีเส้นเงินมีการจ่ายเงินจ่ายทอง ทุกคนรู้ทั้งประเทศ ว่ามีกระบวนการจ่ายเงิน มูลค่าหลายร้อยล้านบาท แต่นายแสวงยังดันทุรังว่าไม่ผิด อย่างไรก็ตาม ตอนเช้าให้เอาเข้าได้ แต่ตอนบ่ายบอกว่าไม่ให้เอาเข้า เป็นการย้อนแย้งกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

“ถ้าบริสุทธิ์ใจ ว่าสามารถนำเข้าไปได้ตั้งแต่รอบเช้าแล้ว ทำไมถึงไม่ปล่อยเข้าไปเลยทั้งวัน ช่วงบ่ายทำไมถึงบอกว่าผิด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าคุณเมาอะไรหรือเปล่า วันนั้นถ้าคุณวางกระป๋องกาว คุณจะไม่เมาอย่างนั้นเลย หัวใจจะมีเรื่องความสุจริตเที่ยงธรรม เป็นกรรมการอย่างตรงไปตรงมา ไม่เอนเอียงไปรับใช้ใคร รู้ว่าอยู่บ้านเดียวกัน อยู่จังหวัดเดียวกัน แต่ไม่ใช่มาย่ำยีกับประเทศชาติแบบนี้ จึงขอให้นายแสวงกลับตัวกลับใจ และอย่าเข้ามายุ่งในเรื่องการสืบสวนสอบสวนของคณะสืบสวนชุดที่ตั้งขึ้นมาใหม่ งานเขาจะสำเร็จอยู่แล้วออกไปพักผ่อนได้แล้ว”นายอัครวัฒน์ กล่าว

นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ กกต.หนึ่งคนที่เกี่ยวข้องกับการวิ่งเต้นสอบเลื่อนขั้นของ สตง.นั้น ขอให้หยุด หรือออกจากคณะสอบสวนไปก่อน แล้วให้คณะกรรมการที่เหลือดำเนินการ

นายอัครวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ส่งถึงปลัดจังหวัดทุกแห่ง เกี่ยวกับกรณีที่ดีเอสไอจะลงไปสอบถามข้อมูลฮั้ว สว.แล้วให้บอกว่าคนไม่พอ หรือให้ระวังเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่ได้รับความปลอดภัย นั้น ตนเห็นว่าตอนจัดเลือกตั้งต่างๆ ก็ให้ความร่วมมือ แต่พอเมื่อมีปัญหากลับหาวิธีสกัดกั้น ดังนั้นถ้าไม่ให้ที่ว่าการอำเภอ สอบสวนพยานหลักฐาน ตนแนะนำให้กระทรวงยุติธรรม เปิดเรือนจำ เชิญมาให้ข้อมูลในนั้นซึ่งมีกำแพงหนาแน่น ตนคิดว่าจะได้ข้อมูลที่ชัดเจน คดีนี้เป็นคดีที่ทำลายระบอบประชาธิปไตย คดีปล้นบ้านปล้นเมือง ทำความเสียหายให้กับคนไทยทั้งประเทศ วันนี้จึงขอฝากว่า หาก กกต.มีจิตสำนึก ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ขอให้กลับเนื้อกลับตัวตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ นายอิทธิพร บุญประคอง ในฐานะประธาน กกต.อย่าอยู่เหนือปัญหา ใครส่งอะไรมาให้ก็อ่านบ้าง อย่าเซ็นชื่ออย่างเดียว เพราะคนเกษียณหนังสือไม่รู้ว่าได้รับกล้วยกี่หวี เกษียณหนังสือโดยไม่สนใจอะไร แต่ประชาชนจับได้ไล่ทันหมดแล้ว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ-กลาง-ตะวันออก

กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา และน่าน ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมิวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา และน่าน ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

มทภ.2 เผยกำลังพลเหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวน เจ็บ 3

อุบลราชธานี 17 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 เผยกำลังพลเหยียบกับระเบิด ขณะออกลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 ชายแดนช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี บาดเจ็บ 3 นาย อาการปลอดภัย ชี้เป็นระเบิดตกค้างในพื้นที่สู้รบเดิม พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ชุดลาดตระเวนกองร้อยทหารพรานที่ 2302 (ชุด ลว. ร้อย ทพ.2302 ) (ดุสิต) ได้จัดกำลังพลจำนวน 14 นาย ประกอบด้วย ทพ. 2 นาย ชุด RDF 6 นาย ทหารช่าง 6 นาย ออกลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 ชายแดนช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กำลังพลชุดลาดตระเวนได้ประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บริเวณพิกัด WA 220 […]

เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก-เจ้าคุณประสิทธิ์ สึกแล้ว

พิษณุโลก 16 ก.ค. – พระชั้นผู้ใหญ่ที่พัวพันสีกากอล์ฟยังทยอยสึกเพิ่ม ล่าสุด “เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก” แอบสึกแล้วที่วัดสว่างอารมณ์ จ.ตาก หลังมีข่าวลือสะพัดมาตั้งแต่เช้า ขณะที่ “เจ้าคุณประสิทธิ์” ถอดใจสึกแล้ว พระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก เป็นพระชั้นผู้ใหญ่อีก 1 รูป ที่มีชื่อพัวพันกับสีกากอล์ฟ ซึ่งในช่วงเช้ามีข่าวลือว่าจะลาสิกาในวันนี้ ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบตามวัดต่างๆ ในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร มีตำรวจนอกเครื่องแบบ และเจ้าหน้าที่ มาคอยเฝ้าดูแลตลอดเวลา กระทั่ง เวลา 12.00 น. เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ปรากฏตัวในชุดขาว คาดว่าไปลาสิกขาที่วัดสว่างอารมณ์ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก สำหรับพระราชรัตนสุธี มีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดพิษณุโลกที่ได้รับความเคารพอย่างสูงรูปหนึ่ง เพราะมีบทบาทสำคัญและมีคุณูปการขับเคลื่อนงานคณะสงฆ์ให้รุ่งเรือง นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกมายืนยันเช่นกันว่า ขณะนี้อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลกได้ทำการลาสิกขาแล้ว และวันนี้เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก็มารายงานตัวกับเจ้าคณะใหญ่หนกลางด้วยเช่นเดียวกัน กรณีเอกสารสำนักพุทธจังหวัดสมุทรสาครหายออกไปจากวัด ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเอกสารยังมีอยู่หรือไม่ และถ้าหากเอกสารหายไปจริงก็ถือว่าเป็นการผิดวินัย และเจ้าอาวาสบกพร่อง ต้องไปดูด้วยว่าสาเหตุที่หายเพราะอะไร เพราะเอกสารทางราชการมีการรับส่งเป็นระบบ […]

เปิดคำสารภาพ “สีกากอล์ฟ”

กทม. 16 ก.ค.-เปิดคำสารภาพ “สีกากอล์ฟ” ด้านอดีตพระมหาบุญเลิศ แฉถูกสีกากอล์ฟ กุเรื่องลวงไปบ้านพัก ซ้ำถูกเชิดเงิน 1 แสน เตรียมเข้าแจ้งความเอาผิดเพิ่ม พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีน.ส.วิลาวัลย์ หรือ สีกากอล์ฟ อายุ 35 ปี ว่า จากการสอบปากคำเมื่อวานที่ผ่านมา เจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก พร้อมให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ซึ่งในวันพรุ่งนี้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จะนำตัวส่งฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อฝากขังเป็นผัดแรก ด้านพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม (รอง ผบก.ป.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบปากคำ น.ส.วิลาวัลย์ ในส่วนของคดีข่มขืนใจและรีดเอาเงินทิดแหล่ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ว่า เบื้องต้น สีกากอล์ฟ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี รวมถึงให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้นเจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมรับในข้อเท็จจริงว่าเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระผู้ใหญ่รูปต่างๆ จริง ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าข่มขู่รีดเอาเงิน และบังคับทิดแหล่ ให้ร่างหนังสือร้องเรียนเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีฯ เรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาว เจ้าตัวอ้างว่าไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าเป็นคนให้ทิดแหล่ร่างหนังสือดังกล่าวจริง เพียงแต่เป็นการไหว้วาน ไม่ได้เป็นการบังคับ […]