กกต. 30 เม.ย.- “สว.สำรอง” บุก กกต. ยื่นหนังสือเปิดผนึก จี้ตรวจสอบ “ฐิติเชษฐ์ นุชนารถ” ถูกกล่าวหาสินบน 300,000 บาท วิ่งเต้นเลื่อนตำแหน่ง สตง. หวั่นกระทบความน่าเชื่อถือการวินิจฉัยคดีฮั้ว สว.
กลุ่ม สว.สำรองนำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เดินทางเข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบคณะกรรมการ กกต.พัวพันคดีสินบนเลื่อนตำแหน่ง และ คดีฮั้วเลือก สมาชิกวุฒิสภา (สว.)
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า วันนี้ทางคณะสว. สำรองได้มีการเดินทางมารวมตัวกัน เพื่อทวงถามและสื่อสารทำความเข้าใจกับ กกต. โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้มีการส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังประธาน กกต.อย่างต่อเนื่องถึง 10 ฉบับด้วยกัน. และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง. ซึ่งทาง. กกต. ได้ส่งมาพูดคุยกับพวกเรา ได้สาระต่างๆบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ข้อมูลมากนัก เพราะเรายังไม่ได้พบกับผู้บริหารหลังจากที่เราได้ส่งหนังสือไป
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ทราบมาว่าคณะอนุกรรมการ ระหว่าง กกต. กับดีเอสไอที่ทำงานร่วมกันในคดี ฮั้วสว. ดำเนินการใกล้จะแล้วเสร็จ ตามที่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ให้สัมภาษณ์ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ว่าจะพยายามสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้หรือเร็วๆนี้ หลังจากนั้นก็ต้องส่งสำนวนไปถึงคณะกรรมการ กกต. ซึ่งตนก็มีข้อกังวลใจ เนื่องจากมี กกต.ท่านหนึ่งคือ ฐิติเชษฐ์ นุชนารถ ถูกกล่าวหาว่า ไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ในการวิ่งเต้น และการสอบเลื่อนตำแหน่งต่างๆ โดยเป็นการไปจ่ายเงิน 300,000 บาท ซึ่งถูกผู้ว่าฯ สตง.ดำเนินการแจ้งความที่ สน. บางซื่อ มีการลงบันทึกประจำวันเมื่อเดือน มี.ค. พ.ศ. 2567 ระบุชัดเจนว่า นายฐิติเชษฐ์ เป็นผู้ต้องหาคนที่ 1
ทั้งนี้หากเราเป็นข้าราชการแล้วถูกคดี อาจถูกผู้บังคับบัญชาตั้งคณะกรรมการทางวินัย พักราชการ ซึ่งอาจจะถูกสั่งพักราชการหรือออกจากราชการไว้ก่อน แล้วแต่โทษทัณฑ์หรือลักษณะของข้อกล่าวหา แต่เนื่องจากว่า กกต. อาจจะไม่มีระเบียบวางไว้อย่างชัดเจน ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณธรรมประจำใจของ กกต.แต่ละคน ว่าจะพิจารณาอย่างไร ซึ่งบังเอิญตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย กกต. มาตรา 10 ที่ระบุถึงลักษณะต้องห้ามของ กกต. โดยมีข้อหนึ่งระบุไว้ ว่า จะต้องเป็นผู้ที่มีพฤติการณ์อันไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง โดยตามข้อกล่าวหาของท่านได้เข้าข่ายละเมิดจริยธรรมข้อนี้อย่างร้ายแรง เพราะฉะนั้นพวกเราในกลุ่มสว. สำรอง ก็มีความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากท่านเป็นกรรมการท่านหนึ่งที่จะต้องพิจารณาในกรณีดังกล่าว
“การที่ท่านเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับ สตง.นั้น เป็นเรื่องของการทุจริตการใช้เงินใช้ทอง เพื่อให้ได้ซึ่งตำแหน่ง หน้าที่ของท่าน ในการทำงานที่ กกต. ก็เกี่ยวข้องกับการพิจารณาว่า ใครจะถูกตรวจสอบเรื่องของ สว. หรือไม่ ซึ่งเราไม่สบายใจว่าจะมีการวิ่งเต้นในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้ กกต. ได้ช่วยนำประเด็นนี้ไปหารือในวงของคณะกรรมการด้วย เพื่อให้เกิดความสง่างาม เกิดความน่าเชื่อถือในการวินิจฉัยคดี เลือกตั้งต่อๆไป” พล.ต.ท. คำรบ กล่าว
ด้าน นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนชริตกุล ตัวแทนกลุ่ม สว.สำรอง กล่าวว่า ตอนนี้เข้าเดือนที่ 10 หลังเลือก สว.แล้ว แต่ กกต.ยังทำงานอย่างดึงเช็ง ไม่กระตือรือร้น นำกระบวนการที่ทำลายระบอบประชาธิปไตยมาพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงการเลือก สว.ถูกต้องตามกฎหมาย สุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ เพราะมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมากต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่า กกต.จัดการเลือกไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ประชาชน ก็เห็นว่ากกต.อาจ มีส่วนร่วมในการสนับสนุนหรือเอื้อประโยชน์ให้กับ กลุ่มคณะบุคคล หรือไม่อย่างไร แล้ววันนี้ก็ยังมีปัญหาที่เราต้องมาชี้แจงอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะทุกคนรู้ แต่มีนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ที่ยังไม่รู้ บอกว่าโพยไม่ผิดแล้ว เข้าไปในห้องเลือก สว.ได้ หนังสือชี้แจงล่าสุดก็บอกว่า การนำโพยเข้าหน่วย เลือกตั้งไม่ผิดตามคำสั่งศาลปกครอง ทั้ง ๆ ที่คนร้องศาลปกครองเนื่องจากหนังสือแนะนำตัวในใบสว. 3 นั้นมีแค่ 5 บรรทัดทำให้เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทำงานเพื่อประเทศชาติมาทั้งชีวิต แต่จะให้บรรยายแค่ 5 บรรทัดจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร ซึ่ง ศาลมีคำสั่งคุ้มครองว่าให้สามารถแนะนำตนเองได้ในกระดาษ A4
ส่วนใบ สว. 3 ที่ผู้สมัคร ทุกกลุ่มอาชีพผ่านระดับอำเภอ มาระดับจังหวัด และระดับประเทศ จะได้รับแต่ละเล่มจะมีหน้าตาไม่เหมือนกัน โดยจะมีข้อมูลแค่ของกลุ่มนั้นๆ สามารถนำเข้าคูหาได้ ชอบใครก็พับเอาไว้ แต่สิ่งที่เขาห้าม และเป็นสิ่งที่ผิดปกติ ที่เราจะต้องมาบอกเลขาฯ แสวง ซึ่งเป็นคนคนเดียวที่ไม่รู้เรื่อง ว่า โพยผิดคือ ผู้สมัครในบางจังหวัด รู้ได้อย่างไรว่ามีใครจะเข้ามาในช่วงบ่ายบ้าง จึงแอบเขียนโพยเอาไว้ใน สว.3 ซึ่งก็มีการแจ้งเรื่องต่อกกต. แต่กลับบอกว่าปล่อยให้เอาเข้าไป การที่เขารู้ได้อย่างไร สรุปว่าก็คือเกิดการทำโพย ทำใบสั่งให้เลือก เป็นหนังสือเอกสารเฉลยคำตอบว่า เลือกตามนี้ทุกคนได้เป็น สว.แน่นอน นี่แหละคือสิ่งที่ผิด เป็นขบวนการที่ทำมาเป็นล่ำเป็นสัน มีการลงทุน มีเส้นเงินมีการจ่ายเงินจ่ายทอง ทุกคนรู้ทั้งประเทศ ว่ามีกระบวนการจ่ายเงิน มูลค่าหลายร้อยล้านบาท แต่นายแสวงยังดันทุรังว่าไม่ผิด อย่างไรก็ตาม ตอนเช้าให้เอาเข้าได้ แต่ตอนบ่ายบอกว่าไม่ให้เอาเข้า เป็นการย้อนแย้งกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“ถ้าบริสุทธิ์ใจ ว่าสามารถนำเข้าไปได้ตั้งแต่รอบเช้าแล้ว ทำไมถึงไม่ปล่อยเข้าไปเลยทั้งวัน ช่วงบ่ายทำไมถึงบอกว่าผิด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าคุณเมาอะไรหรือเปล่า วันนั้นถ้าคุณวางกระป๋องกาว คุณจะไม่เมาอย่างนั้นเลย หัวใจจะมีเรื่องความสุจริตเที่ยงธรรม เป็นกรรมการอย่างตรงไปตรงมา ไม่เอนเอียงไปรับใช้ใคร รู้ว่าอยู่บ้านเดียวกัน อยู่จังหวัดเดียวกัน แต่ไม่ใช่มาย่ำยีกับประเทศชาติแบบนี้ จึงขอให้นายแสวงกลับตัวกลับใจ และอย่าเข้ามายุ่งในเรื่องการสืบสวนสอบสวนของคณะสืบสวนชุดที่ตั้งขึ้นมาใหม่ งานเขาจะสำเร็จอยู่แล้วออกไปพักผ่อนได้แล้ว”นายอัครวัฒน์ กล่าว
นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ กกต.หนึ่งคนที่เกี่ยวข้องกับการวิ่งเต้นสอบเลื่อนขั้นของ สตง.นั้น ขอให้หยุด หรือออกจากคณะสอบสวนไปก่อน แล้วให้คณะกรรมการที่เหลือดำเนินการ
นายอัครวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ส่งถึงปลัดจังหวัดทุกแห่ง เกี่ยวกับกรณีที่ดีเอสไอจะลงไปสอบถามข้อมูลฮั้ว สว.แล้วให้บอกว่าคนไม่พอ หรือให้ระวังเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่ได้รับความปลอดภัย นั้น ตนเห็นว่าตอนจัดเลือกตั้งต่างๆ ก็ให้ความร่วมมือ แต่พอเมื่อมีปัญหากลับหาวิธีสกัดกั้น ดังนั้นถ้าไม่ให้ที่ว่าการอำเภอ สอบสวนพยานหลักฐาน ตนแนะนำให้กระทรวงยุติธรรม เปิดเรือนจำ เชิญมาให้ข้อมูลในนั้นซึ่งมีกำแพงหนาแน่น ตนคิดว่าจะได้ข้อมูลที่ชัดเจน คดีนี้เป็นคดีที่ทำลายระบอบประชาธิปไตย คดีปล้นบ้านปล้นเมือง ทำความเสียหายให้กับคนไทยทั้งประเทศ วันนี้จึงขอฝากว่า หาก กกต.มีจิตสำนึก ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ขอให้กลับเนื้อกลับตัวตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ นายอิทธิพร บุญประคอง ในฐานะประธาน กกต.อย่าอยู่เหนือปัญหา ใครส่งอะไรมาให้ก็อ่านบ้าง อย่าเซ็นชื่ออย่างเดียว เพราะคนเกษียณหนังสือไม่รู้ว่าได้รับกล้วยกี่หวี เกษียณหนังสือโดยไม่สนใจอะไร แต่ประชาชนจับได้ไล่ทันหมดแล้ว .-สำนักข่าวไทย