นายกฯ สวม “ชุดศรีโคตรบูร” นำประชุม ครม.สัญจรนครพนม

นครพนม 29 เม.ย.-นายกฯ สวม “ชุดศรีโคตรบูร” นำประชุม ครม.สัญจรนครพนม อุดหนุนวิสาหกิจชุมชน แซวกระเป๋ากกสานใบใหญ่ ใส่ลูกได้ 2 คน ได้แคนเป็นของที่ระลึก บอก “มีแคนแล้วจะได้ไม่ขาดแคลน” จับตาชงแผนพัฒนาคมนาคม-สาธารณสุขเต็มรูปแบบ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ครม. อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 โดยคณะรัฐมนตรีสวม “ชุดศรีโคตรบูร” ซึ่งเป็นชุดพื้นเมืองประจำ จ.นครพนม ทอโดยกลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ เป็นผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติจากคราม (สีคราม) และครั่ง (สีแดง) ตกแต่งด้วยผ้าไหมมัดหมี่ลายขอก่ายแก้ว ซึ่งเป็นผ้าลายสร้างสรรค์จากโครงการ “นาหว้าโมเดล” โดยในกระบวนการย้อมเส้นไหม ในการก่อหม้อคราม จะใช้ใบกันเกราและใบหูกวางนำมาต้มสกัดสีและนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำด่างธรรมชาติ ซึ่งจะใช้ในกระบวนการก่อหม้อย้อมคราม


โดยเมื่อมาถึงนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมสินค้าโอทอป และผลิตภัณฑ์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆที่นำมาจัดแสดง

ทั้งนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินถึงบูธกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสหกรณ์จากสารเส้นกกเหลาพัฒนา ทางกลุ่มได้มีการมอบกระเป๋า สานลายที่เขียนตัวย่อ “ครม.” ให้กับนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรียังได้อุดหนุนกระเป๋าจักสานไปอีก 1 ใบ


ช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรี ได้หยิบกระเป๋าจักรสานขนาดใหญ่ที่สุดของร้านขึ้นมาแล้วยื่นให้กับนางสาวศุภมาศ อิสรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระการทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และบอกว่าเหมาะ ก่อนที่ผู้ประกอบการ จะแนะนำให้นายกฯซื้อเพิ่มอีกหนึ่งใบ ทำให้ นายกรัฐมนตรี ตอบกลับว่าใบใหญ่มาก ใส่ลูกสาวกับลูกชายได้2คน เลย

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ชมการแสดงดนตรีพื้นบ้าน ชุมชนวิถีบ้านท่าเรือ อ.นาหว้า โดยทางกลุ่มได้มอบแคลนให้กับนายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก ซึ่ฝนายกรัฐมนตรี บอกว่า “มีแคนแล้วจะได้ไม่ขาดแคลน ”ก่อนจะรับฟัง โครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยนครพนม

โดยช่วงหนึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดิน เข้ามาทักทาย สอบถามอาการนายกรัฐมนตรี ทำให้นายกรัฐมนตรีทักกลับ ว่า “กลับมาแล้ว” และบอกว่าอาการดีขึ้นแล้ว พร้อมชวนนายอนุทินถ่ายภาพร่วมกัน


นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้อุดหนุนผ้าไหมทอมือ กระติ๊บข้าวหัวใจ รักนครพนม กลุ่มจักสานไม่ไผ่ กระเป๋าผ้า จากชุมชนอีกด้วย

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ถ่ายภาพร่วมกับคณะรัฐมนตรี ก่อนจะเริ่มการประชุม ในเวลา 10.30 น.

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ มีวาระสำคัญในการพิจารณา โดย จ.นครพนม เตรียมเสนอแผนพัฒนาจังหวัดต่อที่ประชุม ครม. ทั้งการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว, โครงสร้างพื้นฐาน, เพิ่มขีดความสามารถด้านการค้า การลงทุน การบริการและโลจิสติกส์ รวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติด, การตั้งคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม และผลักดันเทศกาลไหลเรือไฟให้เป็นเทศกาลไหลเรือไฟโลก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

โดยคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) เสนอเพื่อขอรับการจัดสรรงบกลาง วงเงิน 400 ล้านบาท แยกเป็นโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด 200 ล้านบาท และโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชนอีก 200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นโครงการเชิงนโยบายที่ภาคเอกชนในพื้นที่เสนอขอรับการเห็นชอบในหลักการแต่ยังไม่ได้รับงบประมาณ จำนวน 21 โครงการ วงเงิน 16,000 ล้านบาท ซึ่งขั้นตอนจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการและเสนอเข้ามาตามขั้นตอนอีกครั้ง

ในส่วนของกระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอแผนพัฒนาโครงสร้างพื้น ฐานในกลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) ครอบคลุมทั้งทางอากาศ ทางถนน และทางราง เพื่ออำนวย ความสะดวกในการเดินทางและการขนส่งอย่างครบวงจร

ทางอากาศ เตรียมเพิ่มเส้นทางบินสู่ท่าอากาศยาน นครพนมและสกลนคร แต่หลังจากการพิจารณาผลการศึกษาการก่อสร้างท่าอากาศยานมุกดาหาร ที่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้ทำการศึกษา พบว่า ไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และการใช้ท่าอากาศยานหวันนะเขต ที่มีอยู่ใกล้เคียง จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า ซึ่งจะเป็นการช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เนื่องจากค่าตั๋วโดยสารจะมีราคาถูกลง

ทางราง โครงการรถไฟทางคู่ บ้านไผ่ – มุกดาหาร – นครพนม คาดเปิดให้บริการปี 2571 รองรับผู้โดยสารกว่า 3.8 ล้านคน/ปี และขนส่งสินค้ากว่า 7 แสนตัน/ปี นอกจากนี้ ยังมีแผนรถไฟสายใหม่อีก 3 เส้นทางในอนาคต

รวมถึงการก่อสร้างศูนย์ขนส่งสินค้าชายแดนนครพนม เปิดปี 2568 เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางถนนบนเส้นทาง R12 ระหว่างไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม-จีนตอนใต้ และรองรับการ เปลี่ยนถ่ายสินค้า ให้เป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตู้ คอนเทนเนอร์ที่ให้บริการแบบ One Stop Service

อย่างไรก็ตาม จ.นครพนม เคยจัดประชุม ครม.สัญจร ครั้งแรกเมื่อปี 2547 ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน งบประมาณกว่า 1,700 ล้านบาท และอนุมัติก่อตั้งมหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา ซึ่งเปิดการเรียนการสอนมาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับการประชุมวันนี้ มีคณะรัฐมนตรีแจ้งลาประชุม 6 คน ประกอบด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนนรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายวราวุธ ศิลปอาชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]