นครพนม 29 เม.ย.-นายกฯ สวม “ชุดศรีโคตรบูร” นำประชุม ครม.สัญจรนครพนม อุดหนุนวิสาหกิจชุมชน แซวกระเป๋ากกสานใบใหญ่ ใส่ลูกได้ 2 คน ได้แคนเป็นของที่ระลึก บอก “มีแคนแล้วจะได้ไม่ขาดแคลน” จับตาชงแผนพัฒนาคมนาคม-สาธารณสุขเต็มรูปแบบ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ครม. อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 โดยคณะรัฐมนตรีสวม “ชุดศรีโคตรบูร” ซึ่งเป็นชุดพื้นเมืองประจำ จ.นครพนม ทอโดยกลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ เป็นผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติจากคราม (สีคราม) และครั่ง (สีแดง) ตกแต่งด้วยผ้าไหมมัดหมี่ลายขอก่ายแก้ว ซึ่งเป็นผ้าลายสร้างสรรค์จากโครงการ “นาหว้าโมเดล” โดยในกระบวนการย้อมเส้นไหม ในการก่อหม้อคราม จะใช้ใบกันเกราและใบหูกวางนำมาต้มสกัดสีและนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำด่างธรรมชาติ ซึ่งจะใช้ในกระบวนการก่อหม้อย้อมคราม
โดยเมื่อมาถึงนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมสินค้าโอทอป และผลิตภัณฑ์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆที่นำมาจัดแสดง
ทั้งนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินถึงบูธกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสหกรณ์จากสารเส้นกกเหลาพัฒนา ทางกลุ่มได้มีการมอบกระเป๋า สานลายที่เขียนตัวย่อ “ครม.” ให้กับนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรียังได้อุดหนุนกระเป๋าจักสานไปอีก 1 ใบ
ช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรี ได้หยิบกระเป๋าจักรสานขนาดใหญ่ที่สุดของร้านขึ้นมาแล้วยื่นให้กับนางสาวศุภมาศ อิสรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระการทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และบอกว่าเหมาะ ก่อนที่ผู้ประกอบการ จะแนะนำให้นายกฯซื้อเพิ่มอีกหนึ่งใบ ทำให้ นายกรัฐมนตรี ตอบกลับว่าใบใหญ่มาก ใส่ลูกสาวกับลูกชายได้2คน เลย
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ชมการแสดงดนตรีพื้นบ้าน ชุมชนวิถีบ้านท่าเรือ อ.นาหว้า โดยทางกลุ่มได้มอบแคลนให้กับนายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก ซึ่ฝนายกรัฐมนตรี บอกว่า “มีแคนแล้วจะได้ไม่ขาดแคลน ”ก่อนจะรับฟัง โครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยนครพนม
โดยช่วงหนึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดิน เข้ามาทักทาย สอบถามอาการนายกรัฐมนตรี ทำให้นายกรัฐมนตรีทักกลับ ว่า “กลับมาแล้ว” และบอกว่าอาการดีขึ้นแล้ว พร้อมชวนนายอนุทินถ่ายภาพร่วมกัน
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้อุดหนุนผ้าไหมทอมือ กระติ๊บข้าวหัวใจ รักนครพนม กลุ่มจักสานไม่ไผ่ กระเป๋าผ้า จากชุมชนอีกด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ถ่ายภาพร่วมกับคณะรัฐมนตรี ก่อนจะเริ่มการประชุม ในเวลา 10.30 น.
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ มีวาระสำคัญในการพิจารณา โดย จ.นครพนม เตรียมเสนอแผนพัฒนาจังหวัดต่อที่ประชุม ครม. ทั้งการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว, โครงสร้างพื้นฐาน, เพิ่มขีดความสามารถด้านการค้า การลงทุน การบริการและโลจิสติกส์ รวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติด, การตั้งคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม และผลักดันเทศกาลไหลเรือไฟให้เป็นเทศกาลไหลเรือไฟโลก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
โดยคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) เสนอเพื่อขอรับการจัดสรรงบกลาง วงเงิน 400 ล้านบาท แยกเป็นโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด 200 ล้านบาท และโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชนอีก 200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นโครงการเชิงนโยบายที่ภาคเอกชนในพื้นที่เสนอขอรับการเห็นชอบในหลักการแต่ยังไม่ได้รับงบประมาณ จำนวน 21 โครงการ วงเงิน 16,000 ล้านบาท ซึ่งขั้นตอนจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการและเสนอเข้ามาตามขั้นตอนอีกครั้ง
ในส่วนของกระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอแผนพัฒนาโครงสร้างพื้น ฐานในกลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) ครอบคลุมทั้งทางอากาศ ทางถนน และทางราง เพื่ออำนวย ความสะดวกในการเดินทางและการขนส่งอย่างครบวงจร
ทางอากาศ เตรียมเพิ่มเส้นทางบินสู่ท่าอากาศยาน นครพนมและสกลนคร แต่หลังจากการพิจารณาผลการศึกษาการก่อสร้างท่าอากาศยานมุกดาหาร ที่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้ทำการศึกษา พบว่า ไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และการใช้ท่าอากาศยานหวันนะเขต ที่มีอยู่ใกล้เคียง จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า ซึ่งจะเป็นการช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เนื่องจากค่าตั๋วโดยสารจะมีราคาถูกลง
ทางราง โครงการรถไฟทางคู่ บ้านไผ่ – มุกดาหาร – นครพนม คาดเปิดให้บริการปี 2571 รองรับผู้โดยสารกว่า 3.8 ล้านคน/ปี และขนส่งสินค้ากว่า 7 แสนตัน/ปี นอกจากนี้ ยังมีแผนรถไฟสายใหม่อีก 3 เส้นทางในอนาคต
รวมถึงการก่อสร้างศูนย์ขนส่งสินค้าชายแดนนครพนม เปิดปี 2568 เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางถนนบนเส้นทาง R12 ระหว่างไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม-จีนตอนใต้ และรองรับการ เปลี่ยนถ่ายสินค้า ให้เป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตู้ คอนเทนเนอร์ที่ให้บริการแบบ One Stop Service
อย่างไรก็ตาม จ.นครพนม เคยจัดประชุม ครม.สัญจร ครั้งแรกเมื่อปี 2547 ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน งบประมาณกว่า 1,700 ล้านบาท และอนุมัติก่อตั้งมหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา ซึ่งเปิดการเรียนการสอนมาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับการประชุมวันนี้ มีคณะรัฐมนตรีแจ้งลาประชุม 6 คน ประกอบด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนนรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายวราวุธ ศิลปอาชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์.-316.-สำนักข่าวไทย