27 เม.ย. – ปชน. มีมติปรับแก้ข้อบังคับให้สมาชิกยึดโยงพรรคมากขึ้น-เตรียมตัวเลือกตั้งปี 70 “เลขาฯ ติ่ง” อ้าแขนรับคนร่วมอุดมการณ์ลง สส. รอบหน้า “เท้ง” ตั้งโจทย์ปั้นรัฐบาลที่ดีที่สุด ยันคนเลือกเยอะรอบที่แล้ว ไม่ใช่เพราะ “เบื่อลุง” แต่เป็นเพราะรักประชาธิปไตย โยนถ้า “เพื่อไทย” ยอมรับผิดกับประชาชน อาจจะจับมือ
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน แถลงผลประชุมใหญ่สามัญประจำปี โดยนายศรายุทธิ์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้เป็นไปตามกรอบกฎหมายกำหนดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ซึ่งจะต้องมีการรายงานผลดำเนินงานของพรรคตลอด 1 ปีที่ผ่านมา แรงงานงบการเงินและการปรับปรุงข้อบังคับพรรค เพื่อให้การทำงานของพรรคสะดวกมากขึ้น
ซึ่งมีการสัมมนามา 2 วันก่อน 25-26 เมษายน วาระการสร้างพรรคและมวลชนที่เข้มแข็งที่กำหนดวาระเป้าหมายดำเนินการ โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนสมาชิกการมีส่วนร่วมของสมาชิก การทำให้โครงสร้างยึดโยงกับสมาชิกพรรค และเรื่องสุดท้ายการทำให้การเงินของพรรคมาจากประชาชน
สำหรับการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งครั้งหน้า ดำเนินการ 2 ส่วน คือ ส่วนนโยบาย ที่จะทำนโยบายสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในปี 2570 และการเตรียมพร้อมของผู้สมัครรองรับเลือกตั้งที่มีกระบวนการให้ผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งเข้าสู่กระบวนการคัดสรรได้ ขณะนี้มีการเปิดอบรมโครงการนักการเมืองของพรรคในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และเปิดอบรมจนถึงวันที่ 13 มิถุนายนนี้
“หมายความว่าเรายังต้องการผู้ที่ประสงค์ทำงานการเมืองร่วมกับเรา สามารถเข้ามาได้เรายังต้องการคนอีกมากดังนั้น ประชาชนคนไหนหรือสมาชิกพรรคมีความประสงค์ทำงานการเมืองสามารถเข้ามาได้”
นายศรายุทธิ์ ยังกล่าวถึงนโยบายที่ขณะนี้ยังขาดนโยบายที่ตอบสนองของประชาชนในระดับภูมิภาคที่มีความแตกต่างกัน จึงต้องการประชาชนก็มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ทำนโยบายร่วมกัน
นายณัฐพงษ์ กล่าวเสริมว่า จากที่มีการสัมมนาสมาชิกพรรคตลอด 3 เจอวัน ยังคงย้ำจุดยืนว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าหากมองในโจทย์ของประเทศ ไม่ได้ตั้งเป้าชนะการเลือกตั้งอย่างเดียวเท่านั้น ยังต้องการสร้างรัฐบาลที่ดีที่สุดที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่เริ่มตั้งพรรคประชาชน และสิ่งสำคัญในตอนนี้หากพิจารณาบริบทสถานการณ์ประเทศในปัจจุบัน สถานการณ์โลกแวดล้อม และสถานการณ์ภายในประเทศที่บีบรัดเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว เพียงแค่การชนะจากเหตุผลดังกล่าวยังไม่ใช่ทางออกของประเทศ
“ทางออกของประเทศคือการเสนอรัฐบาลที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องต้องทำคือการสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน แต่ก่อนพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวก่ายเป็นความหวังให้กับประชาชน พอสื่อสารรณรงค์หาเสียงอย่างชัดเจนเป็นความหวังให้กับประชาชนได้ แต่โจทย์ต่อไปของพรรคประชาชนหากมองย้อนกลับมาคือการทำให้ประชาชนมีความมั่นใจต่อพรรคประชาชนมากขึ้น ภายในพักเองต้องมีการทำงานกับประชาชนอย่างเข้มข้นและเตรียมนำเสนอนโยบายในอนาคต ทั้ง 3 เสานโยบาย การเมือง การปฏิรูประบบราชการ และเศรษฐกิจ” นายณัฐพงษ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาชน ชีวาสสุดท้ายที่จะเป็นความหวังให้กับประชาชนคือนโยบายเศรษฐกิจ ที่เคยเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย แต่เห็นแล้วว่าไม่สามารถสร้างทางออกให้กับประชาชนได้ จึงขอเสนอตัวมาทำงานในจุดนี้เตรียมที่จะสื่อสารกับประชาชนต่อไปเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจ
เมื่อถามถึงการเตรียมเลือกตั้งปี 2570 อาจมีคนเปรียบเทียบว่าคราวที่แล้วคะแนนที่ได้มาจากคะแนนคนที่เบื่อลุงรอบนี้จะทำได้ยากขึ้นหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นคนที่เบื่อลุง คนที่ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย คนที่ต้องการการเมืองโปร่งใสปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน เชื่อว่าตอนนี้เห็นอยู่แล้วว่ารัฐบาลที่เหมารวมจัดตั้งรัฐบาลด้วยดีลแลกประเทศ ไม่ใช่ทางออก แต่ทางออกของประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าการเมืองที่โปร่งใสระบบราชการที่ตอบสนองต่อประชาชนนโยบายด้านเศรษฐกิจ และปราศจากการทุจริตในทุกระดับ เชื่อว่าปราประชาชนทุกกลุ่มล้วนต้องการนโยบายเช่นนี้ ซึ่งพรรคประชาชนมีจุดยืนมาตลอดจากนโยบายที่ได้กล่าวไปจึงพร้อมผลักดันและเสนอเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับประชาชน
เมื่อถามว่าการเลือกตั้งรอบหน้าอาจมีคนงดออกเสียงเพิ่มมากขึ้น นายณัฐพงษ์ กะว่าหน้าที่ของพรรคประชาชนคือการรณรงค์ ทางความคิดและสื่อสารกับประชาชนอย่างมากเพียงพอนับแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันเลือกตั้งครั้งหน้า ในทุกนโยบายที่ได้กล่าวไปเชื่อว่าประชาชนยังคงมีความหวังและสามารถฝากความหวังไว้กับพรรคประชาชนได้จากการทำหน้าที่ของ สส. และตัวแทนประชาชน
เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งสมัยหน้าแดง กับส้มจะจับมือกัน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พูดชัดเจนว่าการจัดตั้งรัฐบาล แบบนี้ พรรคประชาชนไม่สามารถเข้าร่วมรัฐบาลได้ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลแบบที่เป็นอยู่ไม่ได้มีประชาชนเป็นศูนย์กลางในสมการการตัดสินใจ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดได้เลย ทั้งการปฏิรูปกองทัพ การทะลายทุนผูกขาด และนโยบายอีกหลายเรื่อง ตราบใดที่ประชาชนถูกถอดออกจากสมการตัดสินใจของผู้มีอำนาจ ปัญหาเชิงโครงสร้างทุกเรื่องไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งสิ่งนี้สิ่งที่ไทยต้องการคือการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง
เมื่อถามว่ารอบหน้าจะไม่ร่วมกับเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สื่อสารมาโดยตลอดหากพรรคเพื่อไทยจะร่วมกับพรรคประชาชนได้อาจจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่าง เช่น ต้องมีการสื่อสารว่าการกระทำที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยทำผิดต่อประชาชนจริงๆ หากสื่อสารเรื่องนี้อย่าง ไม่อยากให้มองว่าการจับไม่จับมือกับพรรคใดเป็นเงื่อนไขในการตั้งรัฐบาลเองเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องเป็นเงื่อนไขที่พรรคการเมืองอื่นตั้งเงื่อนไขด้วยเช่นกัน
“ในส่วนของพรรคประชาชนสิ่งที่โฟกัสตอนนี้คือการทำงานทางความคิด นำเสนอทางออกให้กับประชาชนเป็นหลัก เพราะสุดท้ายส่งผลถึงคะแนนเลือกตั้งในอนาคต ส่วนการตัดสินใจของประชาชนในอนาคตผลเป็นอย่างไรจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ยืนยันได้ตอนนี้พรรคประชาชนมีจุดยืนว่าตอนเลือกตั้งนำเสนอต่อประชาชนอย่างไรก่อนจะจัดตั้งรัฐบาลก็ยืนยันจุดยืนเดิม เช่นนั้นไม่กลับไปกลับมาว่าหาเสียงแบบหนึ่งและทำแบบหนึ่งแน่นอน” นายณัฐพงษ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาชน ย้ำว่าเป้าหมายของพรรคประชาชนไม่ใช่เพียงแค่การชนะเลือกตั้ง แต่เป้าหมายคือหาทางออกให้กับประเทศ หากผลการเลือกตั้งซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่จะส่งผลสะท้อนออกมาเป็นจำนวนเก้าอี้ สส. ในสภาฯ ถ้าวันนี้พรรคประชาชน หรือตัวเองในฐานะหัวหน้าพรรค สื่อสารไปแล้วเป็นเงื่อนไขทางการเมืองว่าจับมือกับพรรคใดหรือพรรคใดไม่ได้ซึ่งสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอด อย่างที่ได้เห็นเรื่องกำแพงภาษีทรัมป์ แล้วถึงเวลาเงื่อนไขของโลกเปลี่ยน แต่เงื่อนไขที่ตั้งล่วงหน้าอาจถูกตั้งคำถามในอนาคตอาจจะกลายเป็นว่าปิดประตูให้กับประเทศหรือไม่ เงื่อนไขการจับมือกับพรรคใดต้องหารือในช่วงใกล้เลือกตั้ง” นายณัฐพงษ์กล่าว
นายณัฐพงศ์ ยังกล่าวเรื่องเงื่อนไขการจัดตั้งรัฐบาลเรื่องนโยบายของพรรคจะสามารถมีจำนวน สส.ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้หรือไม่ว่า อยู่ที่ความไว้วางใจของประชาชนที่จะสะท้อนมาจากการทำงานของพรรค ถ้าวันนี้ที่ประชุมใหญ่สามัญพรรคมีการพูดคุยกันหลายเรื่อง เชื่อว่าถ้าทำงานอย่างดีเพียงพอแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาก็จะสะท้อนถึงคะแนนเสียงที่ได้รับในอนาคต และหากประชาชนมอบความไว้วางใจได้มากเพียงพอ มั่นใจว่าสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้
เมื่อถามเรื่องคดี 44 สส. ของอดีต สส.พรรคก้าวไกล ซึ่งปัจจุบันคือพรรคประชาชน อาจกลายเป็นระเบิดเวลาทางการเมืองของพรรคประชาชนมีการเตรียมอย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ทีมกฎหมายทำงานอย่างเต็มที่ สส. แต่ละคนที่ถูกดำเนินคดีมีทีมกฎหมายประกบแต่ละบุคคล แต่การทำหน้าที่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบถึงสมาธิในการทำงาน ยังคงตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่โดยไม่ได้ประมาทในการเตรียมตัวรับมือในการดำเนินคดี.-312-สำนักข่าวไทย