“ณัฐพงษ์” ตั้งโจทย์ปั้นรัฐบาลที่ดีที่สุด

27 เม.ย. – ปชน. มีมติปรับแก้ข้อบังคับให้สมาชิกยึดโยงพรรคมากขึ้น-เตรียมตัวเลือกตั้งปี 70 “เลขาฯ ติ่ง” อ้าแขนรับคนร่วมอุดมการณ์ลง สส. รอบหน้า “เท้ง” ตั้งโจทย์ปั้นรัฐบาลที่ดีที่สุด ยันคนเลือกเยอะรอบที่แล้ว ไม่ใช่เพราะ “เบื่อลุง” แต่เป็นเพราะรักประชาธิปไตย โยนถ้า “เพื่อไทย” ยอมรับผิดกับประชาชน อาจจะจับมือ


นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน แถลงผลประชุมใหญ่สามัญประจำปี โดยนายศรายุทธิ์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้เป็นไปตามกรอบกฎหมายกำหนดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ซึ่งจะต้องมีการรายงานผลดำเนินงานของพรรคตลอด 1 ปีที่ผ่านมา แรงงานงบการเงินและการปรับปรุงข้อบังคับพรรค เพื่อให้การทำงานของพรรคสะดวกมากขึ้น

ซึ่งมีการสัมมนามา 2 วันก่อน 25-26 เมษายน วาระการสร้างพรรคและมวลชนที่เข้มแข็งที่กำหนดวาระเป้าหมายดำเนินการ โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนสมาชิกการมีส่วนร่วมของสมาชิก การทำให้โครงสร้างยึดโยงกับสมาชิกพรรค และเรื่องสุดท้ายการทำให้การเงินของพรรคมาจากประชาชน


สำหรับการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งครั้งหน้า ดำเนินการ 2 ส่วน คือ ส่วนนโยบาย ที่จะทำนโยบายสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในปี 2570 และการเตรียมพร้อมของผู้สมัครรองรับเลือกตั้งที่มีกระบวนการให้ผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งเข้าสู่กระบวนการคัดสรรได้ ขณะนี้มีการเปิดอบรมโครงการนักการเมืองของพรรคในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และเปิดอบรมจนถึงวันที่ 13 มิถุนายนนี้

“หมายความว่าเรายังต้องการผู้ที่ประสงค์ทำงานการเมืองร่วมกับเรา สามารถเข้ามาได้เรายังต้องการคนอีกมากดังนั้น ประชาชนคนไหนหรือสมาชิกพรรคมีความประสงค์ทำงานการเมืองสามารถเข้ามาได้”

นายศรายุทธิ์ ยังกล่าวถึงนโยบายที่ขณะนี้ยังขาดนโยบายที่ตอบสนองของประชาชนในระดับภูมิภาคที่มีความแตกต่างกัน จึงต้องการประชาชนก็มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ทำนโยบายร่วมกัน


นายณัฐพงษ์ กล่าวเสริมว่า จากที่มีการสัมมนาสมาชิกพรรคตลอด 3 เจอวัน ยังคงย้ำจุดยืนว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าหากมองในโจทย์ของประเทศ ไม่ได้ตั้งเป้าชนะการเลือกตั้งอย่างเดียวเท่านั้น ยังต้องการสร้างรัฐบาลที่ดีที่สุดที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่เริ่มตั้งพรรคประชาชน และสิ่งสำคัญในตอนนี้หากพิจารณาบริบทสถานการณ์ประเทศในปัจจุบัน สถานการณ์โลกแวดล้อม และสถานการณ์ภายในประเทศที่บีบรัดเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว เพียงแค่การชนะจากเหตุผลดังกล่าวยังไม่ใช่ทางออกของประเทศ

“ทางออกของประเทศคือการเสนอรัฐบาลที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องต้องทำคือการสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน แต่ก่อนพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวก่ายเป็นความหวังให้กับประชาชน พอสื่อสารรณรงค์หาเสียงอย่างชัดเจนเป็นความหวังให้กับประชาชนได้ แต่โจทย์ต่อไปของพรรคประชาชนหากมองย้อนกลับมาคือการทำให้ประชาชนมีความมั่นใจต่อพรรคประชาชนมากขึ้น ภายในพักเองต้องมีการทำงานกับประชาชนอย่างเข้มข้นและเตรียมนำเสนอนโยบายในอนาคต ทั้ง 3 เสานโยบาย การเมือง การปฏิรูประบบราชการ และเศรษฐกิจ” นายณัฐพงษ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคประชาชน ชีวาสสุดท้ายที่จะเป็นความหวังให้กับประชาชนคือนโยบายเศรษฐกิจ ที่เคยเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย แต่เห็นแล้วว่าไม่สามารถสร้างทางออกให้กับประชาชนได้ จึงขอเสนอตัวมาทำงานในจุดนี้เตรียมที่จะสื่อสารกับประชาชนต่อไปเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจ

เมื่อถามถึงการเตรียมเลือกตั้งปี 2570 อาจมีคนเปรียบเทียบว่าคราวที่แล้วคะแนนที่ได้มาจากคะแนนคนที่เบื่อลุงรอบนี้จะทำได้ยากขึ้นหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นคนที่เบื่อลุง คนที่ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย คนที่ต้องการการเมืองโปร่งใสปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน เชื่อว่าตอนนี้เห็นอยู่แล้วว่ารัฐบาลที่เหมารวมจัดตั้งรัฐบาลด้วยดีลแลกประเทศ ไม่ใช่ทางออก แต่ทางออกของประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าการเมืองที่โปร่งใสระบบราชการที่ตอบสนองต่อประชาชนนโยบายด้านเศรษฐกิจ และปราศจากการทุจริตในทุกระดับ เชื่อว่าปราประชาชนทุกกลุ่มล้วนต้องการนโยบายเช่นนี้ ซึ่งพรรคประชาชนมีจุดยืนมาตลอดจากนโยบายที่ได้กล่าวไปจึงพร้อมผลักดันและเสนอเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับประชาชน

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งรอบหน้าอาจมีคนงดออกเสียงเพิ่มมากขึ้น นายณัฐพงษ์ กะว่าหน้าที่ของพรรคประชาชนคือการรณรงค์ ทางความคิดและสื่อสารกับประชาชนอย่างมากเพียงพอนับแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันเลือกตั้งครั้งหน้า ในทุกนโยบายที่ได้กล่าวไปเชื่อว่าประชาชนยังคงมีความหวังและสามารถฝากความหวังไว้กับพรรคประชาชนได้จากการทำหน้าที่ของ สส. และตัวแทนประชาชน

เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งสมัยหน้าแดง กับส้มจะจับมือกัน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พูดชัดเจนว่าการจัดตั้งรัฐบาล แบบนี้ พรรคประชาชนไม่สามารถเข้าร่วมรัฐบาลได้ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลแบบที่เป็นอยู่ไม่ได้มีประชาชนเป็นศูนย์กลางในสมการการตัดสินใจ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดได้เลย ทั้งการปฏิรูปกองทัพ การทะลายทุนผูกขาด และนโยบายอีกหลายเรื่อง ตราบใดที่ประชาชนถูกถอดออกจากสมการตัดสินใจของผู้มีอำนาจ ปัญหาเชิงโครงสร้างทุกเรื่องไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งสิ่งนี้สิ่งที่ไทยต้องการคือการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง

เมื่อถามว่ารอบหน้าจะไม่ร่วมกับเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สื่อสารมาโดยตลอดหากพรรคเพื่อไทยจะร่วมกับพรรคประชาชนได้อาจจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่าง เช่น ต้องมีการสื่อสารว่าการกระทำที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยทำผิดต่อประชาชนจริงๆ หากสื่อสารเรื่องนี้อย่าง ไม่อยากให้มองว่าการจับไม่จับมือกับพรรคใดเป็นเงื่อนไขในการตั้งรัฐบาลเองเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องเป็นเงื่อนไขที่พรรคการเมืองอื่นตั้งเงื่อนไขด้วยเช่นกัน

“ในส่วนของพรรคประชาชนสิ่งที่โฟกัสตอนนี้คือการทำงานทางความคิด นำเสนอทางออกให้กับประชาชนเป็นหลัก เพราะสุดท้ายส่งผลถึงคะแนนเลือกตั้งในอนาคต ส่วนการตัดสินใจของประชาชนในอนาคตผลเป็นอย่างไรจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ยืนยันได้ตอนนี้พรรคประชาชนมีจุดยืนว่าตอนเลือกตั้งนำเสนอต่อประชาชนอย่างไรก่อนจะจัดตั้งรัฐบาลก็ยืนยันจุดยืนเดิม เช่นนั้นไม่กลับไปกลับมาว่าหาเสียงแบบหนึ่งและทำแบบหนึ่งแน่นอน” นายณัฐพงษ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคประชาชน ย้ำว่าเป้าหมายของพรรคประชาชนไม่ใช่เพียงแค่การชนะเลือกตั้ง แต่เป้าหมายคือหาทางออกให้กับประเทศ หากผลการเลือกตั้งซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่จะส่งผลสะท้อนออกมาเป็นจำนวนเก้าอี้ สส. ในสภาฯ ถ้าวันนี้พรรคประชาชน หรือตัวเองในฐานะหัวหน้าพรรค สื่อสารไปแล้วเป็นเงื่อนไขทางการเมืองว่าจับมือกับพรรคใดหรือพรรคใดไม่ได้ซึ่งสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอด อย่างที่ได้เห็นเรื่องกำแพงภาษีทรัมป์ แล้วถึงเวลาเงื่อนไขของโลกเปลี่ยน แต่เงื่อนไขที่ตั้งล่วงหน้าอาจถูกตั้งคำถามในอนาคตอาจจะกลายเป็นว่าปิดประตูให้กับประเทศหรือไม่ เงื่อนไขการจับมือกับพรรคใดต้องหารือในช่วงใกล้เลือกตั้ง” นายณัฐพงษ์กล่าว

นายณัฐพงศ์ ยังกล่าวเรื่องเงื่อนไขการจัดตั้งรัฐบาลเรื่องนโยบายของพรรคจะสามารถมีจำนวน สส.ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้หรือไม่ว่า อยู่ที่ความไว้วางใจของประชาชนที่จะสะท้อนมาจากการทำงานของพรรค ถ้าวันนี้ที่ประชุมใหญ่สามัญพรรคมีการพูดคุยกันหลายเรื่อง เชื่อว่าถ้าทำงานอย่างดีเพียงพอแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาก็จะสะท้อนถึงคะแนนเสียงที่ได้รับในอนาคต และหากประชาชนมอบความไว้วางใจได้มากเพียงพอ มั่นใจว่าสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้

เมื่อถามเรื่องคดี 44 สส. ของอดีต สส.พรรคก้าวไกล ซึ่งปัจจุบันคือพรรคประชาชน อาจกลายเป็นระเบิดเวลาทางการเมืองของพรรคประชาชนมีการเตรียมอย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ทีมกฎหมายทำงานอย่างเต็มที่ สส. แต่ละคนที่ถูกดำเนินคดีมีทีมกฎหมายประกบแต่ละบุคคล แต่การทำหน้าที่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบถึงสมาธิในการทำงาน ยังคงตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่โดยไม่ได้ประมาทในการเตรียมตัวรับมือในการดำเนินคดี.-312-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาล รธน. สั่งฟัน “พิเชษฐ์” พ้น สส.-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

ศาล รธน. 1 ส.ค.-ศาล รธน. สั่งฟัน “พิเชษฐ์” พ้นสมาชิกภาพ สส.-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี เซ่นปมใช้อำนาจรองประธานสภา เสนอตั้งงบฯ และแปรญัตติลง 3 โครงการในพื้นที่ตนเอง เพื่อหวังสร้างคะแนนนิยม ไม่ใช่การดำเนินราชการปกติของรัฐสภา องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ ภัณฑิล น่วมเจิม สส. กทม. พรรคประชาชน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2569 มีการเสนอแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด มีผลให้ สส. สว. หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสองหรือไม่ ตามคำร้องอ้างถึง นายพิเชษฐ์  เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และ สส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ถูกร้อง เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและมีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ […]

“ภูมิธรรม” เรียกประชุม ครม. วาระพิเศษ

ทำเนียบ 1 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เรียกประชุม ครม. วาระพิเศษ เร่งพิจารณารับรองร่างถ้อยแถลงภาษีสหรัฐ 19% ให้มีผลอย่างเป็นทางการ พร้อมหารือหลักเกณฑ์งบฯ ฉุกเฉินเยียวยาเพิ่มเติมให้เจ้าหน้าที่รัฐ-ประชาชน เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (1 ส.ค.) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เชิญประชุม ครม. นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องของอัตราภาษีตอบโต้จากสหรัฐอเมริกา โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ที่ ห้อง 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล และการประชุมทางสื่ออิเลคทรอนิกส์ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “เมื่อเช้านี้ประเทศไทยได้รับแจ้งจาก สหรัฐฯว่า สินค้าจากไทยที่ส่งไปจำหน่ายในสหรัฐฯจะถูกเรียกเก็บภาษี 19% ซึ่งเท่ากับหลายๆประเทศในภูมิภาค ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะพอทำให้เรายังคงแข่งขันได้ โดยในกระบวนการเจรจานี้ มีขั้นตอนสำคัญคือรัฐบาลไทยต้อง ออกถ้อยแถลงร่วมไทย-สหรัฐฯ ซึ่งคณะทำงาน โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง […]

คณะทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร-สื่อ ถึงอุบลฯ ลุยพิสูจน์ข้อเท็จจริงชายแดน

ทำเนียบ 1 ส.ค.- โฆษกรัฐบาล เผยคณะทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร-สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เดินทางถึงอุบลราชธานี เตรียมลงพื้นที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อเวลา 09.25 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า คณะผู้แทนทางการทูต ผู้ช่วยทูตทหารจาก 23 ประเทศ พร้อมด้วยสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศรวมกว่า 100 คน ได้เดินทางถึงจังหวัดอุบลราชธานีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมลงพื้นที่แนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา การเดินทางในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและ ความโปร่งใสของรัฐบาลไทย ที่พร้อมเปิดพื้นที่ให้คณะทูตต่างประเทศและสื่อมวลชนได้เห็น ข้อเท็จจริงด้วยตนเอง และรายงานต่อประชาคมโลกอย่างเป็นธรรม โดยไม่ปิดบังหรือบิดเบือน คณะทูตต่างประเทศที่ลงพื้นที่ในวันนี้ ประกอบด้วย เอกอัครราชทูต 3 ประเทศ ได้แก่ บรูไน ญี่ปุ่น และเมียนมา อุปทูต 3 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สปป.ลาว และอินโดนีเซีย ผู้แทนทางการทูตระดับต่าง ๆ จาก 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ […]

สหรัฐประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนไทย 19%

1 ส.ค. – ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนไทย 19% กัมพูชา 19% และมาเลเซีย 19% มีผลวันนี้ (1 ส.ค. 68) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนไทย 19% กัมพูชา 19% มาเลเซีย 19% มีผลวันนี้ (1 ส.ค. 68) ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ทีมไทยแลนด์ ได้ทำงานอย่างเต็มที่และรอบคอบในทุกมิติ มุ่งมั่นเสนอเงื่อนไขและข้อแลกเปลี่ยนของไทยสามารถยอมรับได้ โดยพยายามรักษาผลประโยชน์ของประเทศไว้ให้มากที่สุด โดยทุกประเด็นการเจรจาล้วนผ่านกระบวนการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติ หากผลการเจรจาออกมาดีเกินคาด เราทุกคนคงจะดีใจไปด้วยกันแต่หากผลออกมาน้อยกว่าที่หวังไว้ ตนหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจว่ารัฐบาลและทีมเจรจาได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ และหวังว่าเราจะก้าวผ่านความท้าทายนี้ด้วยความร่วมมือและพลังใจของพวกเราทุกคน.-สำนักข่าวไทย