“พิพัฒน์” อ้อนขอคะแนนให้ “ไสว เลื่องสีนิล” เป็น สส.นครศรีฯ

นครศรีธรรมราช ​25 เม.ย.-“พิพัฒน์” นำกก.บห.ภูมิใจไทย อ้อนขอคะแนนให้ “ไสว เลื่องสีนิล” เป็น สส.ของชาวนครศรีฯ หวังทำงานเชื่อมโยงส่วนกลางกับท้องถิ่น ดึงงบช่วยพัฒนาจังหวัด ด้าน “ภราดร” ยันพรรคคัดคนเหมาะสม หมดยุคปราศรัยด่าเพื่อน ขณะที่ “ซาบีดา” บอกได้ไสวเป็นผู้แทน เปรียบได้รัฐมนตรีช่วยงาน 8 คน

พรรคภูมิใจไทย จัดเวทีปราศรัยโค้งสุดท้าย​ ที่สะพานโค้ง 100 ปี หน้าสถานีรถไฟคลองจันดี อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อช่วยหาเสียงให้กับนายไสว เลื่องสีนิล ผู้สมัคร สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนในพื้นที่ทยอยเดินทางมาฟังปราศัย ซึ่งวันนี้พรรคภูมิใจไทยจัดเตรียมเก้าอี้รองรับประชาชนจำนวน 3,000 ที่นั่ง และจัดเตรียมเต็นท์กันฝน หลังจากเมื่อวานนี้มีฝนตกลงมาอย่างหนักระหว่างที่มีการปราศรัย​ โดยขนแกนนำพรรคมาช่วยนายไสว หาเสียงจำนวนมาก นำโดย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะสมาชิกพรรค นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง นายชลัฐ รัชกิจประการ สส.บัญชีรายชื่อ นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี นายธนยศ ทิมสุวรรณ สส.เลย น.ส.ผกามาศ เจริญพันธ์ สส.สุรินทร์ และส.ส.ภาคใต้ พรรคภูมิใจไทย


นายพิพัฒน์ ขึ้นเวทีปราศรัย ย้ำขอโอกาสเลือกนายไสวผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย เข้าไปเป็นสส.ในสภาฯ เพื่อที่จะทำงานประสานงานเชื่อมโยงระหว่างท้องถิ่นกับส่วนกลาง ของรัฐบาลโดยเฉพาะอบจ. นครศรีธรรมราช เพื่อผลักดันงบประมาณเข้ามาพัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากสร้างรายได้ทางการเกษตรแล้ว ยังส่งเสริมการสร้างรายได้ด้านอื่นๆ อาทิ​ ผลไม้​ ส้มโอ​ ทุเรียน​ มังคุด รวมถึงการท่องเที่ยว​ และอุตสาหกรรมในพื้นที่

ขณะที่ นายชลัฐ ขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรกขอคะแนนเสียงให้นายไสว​ โดยระบุว่า พรรคเราเป็นฝ่ายรัฐบาลสามารถทำงานคู่กับนายก อบจ.ได้ สามารถรู้ได้ว่าการที่มีคนในพื้นที่มาทำงานกับนายกอบจ. จะแก้ไขปัญหาอย่างไร​ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องสาธารณูปโภค และแม้ส่วนตัวจะพูดใต้ไม่ได้แต่ที่บ้านเป็นคนใต้ พร้อมยอมรับว่าตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ ที่ทำงานในสภา รู้สึกเสียใจ ที่เห็นถนนในพื้นที่พระราม 2 ซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งสู่ภาคใต้ พัฒนาน้อยกว่าภาคอื่น จึงเป็นแรงผลักดันให้สร้างถนน สาย​4189 ให้กับชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชที่รอคอยถนนเส้นนี้ เพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และไม่ทำให้นครไม่ใช่เมืองรองแต่เป็นเมืองหลวงเมืองใหญ่ของภาคใต้เหมือนแต่ก่อน


ขณะที่ นายภราดร ปราศรัยตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงจะเป็นการกำหนดชีวิตจังหวัดนครศรีธรรมราช หากเลือกนายไสวเข้าสภา ไม่ได้ได้แค่นางมุกดาวรรณช่วยงานในพื้นที่ แต่ยังได้พวกเรากรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ได้นายกฯ น้ำ น.ส.วาริน ชิณวงศ์ นายก อบจ.นครศรีธรรมราช ด้วย เพราะการพัฒนาบ้านเมืองทำแค่คนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยเครือข่าย อาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จำเป็นต้องทำงานเป็นทีม แก้ไขปัญหาที่จัดหาพัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราชรุ่งเรืองอีกครั้ง

นายภราดร กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยทำการเมืองสร้างสรรค์ ไม่เคยชี้หน้าด่าใคร มีแต่บอกว่าเลือกเราแล้วเราจะทำอะไร ในวันนี้หลายคนพูดว่า ทำไมนางมุกดาวรรณถูก ถูกอุบัติเหตุทางการเมือง ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ทำไมพรรคภูมิใจไทยถึงเลือกสามีมาลงสมัครแทน ทำไมถึงทำการเมืองแบบผัวเมีย พวกเราพรรคภูมิใจไทย และกรรมการบริหารพรรค ก่อนจะตัดสินใจเลือกใครเป็นผู้สมัคร ไม่ใช่สักแต่ว่าเป็นคนแล้วเอามาลงสมัคร แต่พวกเราคัดสรรที่พวกเราเห็นว่ามีความเหมาะสมมากที่สุด ซึ่งนายไสวมีความเหมาะสมไม่น้อยไปกว่าใคร ซึ่งการเลือกผู้แทนต้องเลือกด้วยความเชื่อมั่น ไม่ใช่เลือกคนที่เชื่อว่าเลวน้อยกว่า การปราศรัยที่ด่าเพื่อนมันหมดยุคสมัยแล้ว ใครทำแบบนั้น พี่น้องก็จำเป็นต้องเป็นคนตัดสินว่าจะเลือกแบบไหน

ด้าน น.ส.ซาบีดา กล่าวตอนหนึ่งว่า นายไสวมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และความจริงใจ เชื่อว่า หากเลือกนายไสว จะไม่ผิดหวังแน่นอน พร้อมย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้มาเล่นๆ เหลือเวลาอีก 2 ปี และเรานำคนอื่นมาแล้ว เพราะนายไสว ถือเป็นเบื้องหลังที่ดี และสนับสนุนทุกนโยบายของนางมุกดา เลื่องสีนิล ที่สำคัญมีนโยบายที่สอดคล้องกับนายกอบจ.นครศรีธรรมราช สามารถขับเคลื่อนนโยบายเพื่อประชาชนได้


น.ส.ซาบีดา กล่าวอีกว่า หากดูที่โลโก้พรรคภูมิใจไทยเป็นรูปหัวใจ สีน้ำเงิน และมีแผนที่ประเทศไทยอยู่ตรงกลาง เรานั้นคือประชาชน วันนี้ชาวนครศรีธรรมราช ไม่จำเป็นต้องไปทำงานที่อื่น ความภูมิใจไทยจะเสนอร่างพ.ร.บ.บ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งจะทำให้คนนครศรีธรรมราช ที่ไปทำงานต่างจังหวัดเลือกได้ว่าจะเสียภาษีให้กับ บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองได้ ขณะเดียวกันนายไสว ไม่ได้ยืนโดดเดี่ยว นอกจากมีหลังบ้านคือนางมุกดาแล้ว ยังมีพรรคภูมิใจไทยที่มีรัฐมนตรีถึง 8 คน เข้ากลุ่มการพัฒนาทุกด้าน ตั้งแต่การศึกษา การบำบัดทุกข์บำรุง แรงงาน และพาณิชย์ ที่สำคัญมีรองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่พร้อมจะสนับสนุน และขับเคลื่อนนโยบายให้ถึงมือประชาชน

นายไสว​ ขึ้นเวทีปราศรับสุดท้ายด้วยการนมัสการพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เคารพนับถือให้คุ้มครองทุกคน ก่อนจะ แนะนำตัวว่านายไสวเป็นสามีของนางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล​ บ้านเกิดอยู่ทุ่งสง อยู่เบื้องหลังทางการเมืองนางมุกดาวรรณ ที่เป็นสจ.มา 2 สมัย พร้อมสานงานต่อจากนางมุกดาวรรณ เราสองคนพร้อมจะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้อง พร้อมที่จะเข้าไปเห็นปัญหา ช่วยเหลือพี่น้อง เพื่อเป็นประโยชน์กับแผ่นดินเกิด กับชาวเกษตรกรบ้านเรา และเป็นประโยชน์กับชุมชน ช่วง 2 ปีที่นางมุกดาวรรณเข้ามาทำงาน​เป็น​สส.​ เสียสละทุ่มเท ตนพร้อมจะสานงานตรงนั้นโดยมีนางมุกดา​วรรณ​เป็นพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญในการประสานงาน​.-319​.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]