ปชน.บี้นายกฯ ยกเลิกรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาด

รัฐสภา 24 เม.ย.- พรรคประชาชนบี้นายกฯ ยกเลิกรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดทั้งรอบ 5,200 และ 3,600 เมกะวัตต์ ย้ำปัญหาส่อทุจริต-ทุนผูกขาด-ทำค่าไฟแพง พร้อมใช้ทุกช่องทางกฎหมายหยุดยั้งการรับซื้อไฟฟ้าทุกรอบที่ดำเนินการไม่เป็นธรรม


นายวรภพ วิริยะโรจน์ และ นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนแถลงข่าวประเด็นการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแบบ Feed-in Tariff รอบ 5,200 เมกะวัตต์ และรอบเพิ่มเติม 3,600 เมกะวัตต์ ที่รัฐบาลเพื่อไทยกำลังสานต่อขบวนการค่าฟ้าแพงจากรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยระบุการรับซื้อไฟฟ้าทั้งสองรอบดังกล่าวพบความผิดปกติหลายประการ ทั้งการรับซื้อที่แพงเกินจริงเพราะไม่มีการเปิดประมูลราคารับซื้อ กระบวนการคัดเลือกที่เปิดช่องให้เกิดการทุจริตและดุลพินิจในการคัดเลือกเอกชนรายใดก็ได้ จากการที่ไม่มีการประกาศหลักเกณฑ์ในการให้คะแนนเทคนิคออกมาล่วงหน้า ทั้งยังดึงดันจะดำเนินการต่อทั้งที่พบความผิดปกติและมีแนวทางอย่างอื่นที่มีประสิทธิภาพกว่าอย่าง Direct PPA ทั้งนี้ตัวแทนพรรคประชาชนเชิญชวนประชาชนร่วมจับตาประเด็นดังกล่าว เพื่อกดดันรัฐบาลให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างโปร่งใสและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

นายวรภพ กล่าวถึงสาเหตุของปัญหาการรับซื้อไฟฟ้าทั้งสองรอบโดยสรุปว่า การรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่รัฐบาลรับซื้อในครั้งนี้ริเริ่มตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เมื่อปี 2565 จำนวนกว่า 5,200 เมกะวัตต์ และรอบเพิ่มเติมอีกกว่า 3,600 เมกะวัตต์ ในขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศไทยล้นอยู่แล้ว สังเกตได้จากโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่กว่า 7 จากทั้งหมด 13 โรงไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเลยแม้แต่วันเดียว อีกทั้งการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดทั้งสองรอบเกือบ 9,000 เมกะวัตต์ดังกล่าว ยังไม่มีการประมูลราคารับซื้อไฟฟ้า ทำให้ราคารับซื้อต่อหน่วยแพงกว่าต้นทุนที่ควรจะเป็น (แสงอาทิตย์ 2.2 บาท/หน่วย, ลม 3.1 บาท/หน่วย) ซึ่งจะส่งผลโดยตรงให้ราคาไฟฟ้าในอนาคตของประชาชนสูงกว่าความเป็นจริง อีกทั้งระเบียบหลักเกณฑ์และกระบวนการรับซื้อยังมีความผิดปกติอื่น เช่น ไม่ประกาศหลักเกณฑ์การคัดเลือกล่วงหน้า ไม่อนุญาตให้รัฐวิสาหกิจเข้าร่วม ทำให้ในรอบแรก 5,200 เมกะวัตต์ กลุ่มทุนพลังงานรายใหญ่รายเดียวได้สัมปทานไปกว่า 41 %


นายวรภพ กล่าวอีกว่าต่อมาในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย ตนและเพื่อน สส. ได้ยกประเด็นนี้ขึ้นมาเรียกร้องทั้งในและนอกสภาฯ เพื่อให้รัฐบาลตรวจสอบและยกเลิกการรับซื้อที่ผิดปกติดังกล่าว แต่รัฐบาลกลับละเลยต่อข้อพิรุธทุจริตนโยบายและปล่อยให้การรับซื้อไฟฟ้าในรอบแรก 5,200 เมกะวัตต์ เซ็นสัญญาไปกว่า 4,000+ เมกะวัตต์ ในขณะเดียวกัน การรับซื้อไฟฟ้ารอบเพิ่มเติมจำนวน 3,600 เมกะวัตต์ ได้มีการออกระเบียบการรับซื้อเพิ่มโดยล็อกโควตา 2,168 เมกะวัตต์ให้ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ไม่ได้รับเลือกในรอบแรกเท่านั้น สะท้อนถึงความผิดปกติที่เอื้อต่อการทุจริต แม้นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติจะมีอำนาจในการ “ชะลอหรือยกเลิกได้” ” แต่ก็ปล่อยให้การรับซื้อรอบแรกดังกล่าวเซ็นสัญญาไปเกือบหมด แม้จะมีการชะลอการรับซื้อในรอบเพิ่มเติมไว้จากแรงกดดันสังคมและสื่อมวลชน แต่ปัจจุบันผ่านมาสามเดือนแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้า

ด้านศุภโชติ กล่าวสรุปปมขบวนการค่าไฟแพงในครั้งนี้ว่า ส่งผลให้ค่าไฟ แพงเกินกว่าที่ควรจะเป็น กระบวนการคัดเลือกมีปัญหา ส่อทุจริต และส่งผลให้เกิดการผูกขาดในภาคพลังงาน ทั้งยังกล่าวอีกว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบสองปี ตนและพรรคได้ทักท้วงการรับซื้อไฟฟ้าทั้งสองรอบดังกล่าวมาตลอด แต่ผลที่ได้กลับมาเป็นการเมินเฉยจากรัฐบาล แม้จะมีการชะลอการรับซื้อในรอบเพิ่มเติม 3,600 เมกะวัตต์ แต่ในรอบแรก 5,200 เมกะวัตต์ กลับปล่อยให้มีการเซ็นสัญญามาเรื่อย ๆ จนเกือบครบทั้งหมดในวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ทั้งที่รู้ว่าหากมีการเซ็นสัญญาแล้วจะยกเลิกสัญญาได้ยากขึ้นและเป็นภาระให้ประชาชนไปอีก 25 ปี

นายศุภโชติ ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลออกมาชี้แจงสามประเด็น ว่า กระทรวงพลังงานชี้แจงว่า ไม่สามารถยกเลิกการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 5,200 เมกะวัตต์ เนื่องจากจะไม่ยุติธรรมกับเอกชนบางกลุ่ม รัฐบาลอ้างว่าจะไม่ยุติธรรมกับเอกชนหากยกเลิกสัญญา แต่ฝ่ายค้านมองว่าควรให้ความสำคัญกับประชาชนผู้ใช้ไฟ เพราะโครงการนี้มีปัญหาเรื่องความโปร่งใสและต้นทุนที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานที่ประกาศรับซื้อกับเอกชน รัฐมีอำนาจตามข้อ 39 ให้นายกรัฐมนตรีสามารถสั่งยกเลิกได้หากยังไม่มีการเซ็นสัญญา เหมือนที่เคยสั่งชะลอโครงการ 3,600 เมกะวัตต์มาแล้ว นอกจากนี้กระทรวงพลังงานชี้แจงว่า ราคาที่ใช้ในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 5,200 เมกะวัตต์ มีความเหมาะสมแล้ว พรรคประชาชนเห็นว่าราคาดังกล่าว แพงเกินจริง แม้จะต่ำกว่าค่าไฟขายส่งเฉลี่ย แต่ไม่สะท้อนต้นทุนที่ลดลงตามเทคโนโลยีในปัจจุบัน รัฐยังใช้ระบบกำหนดราคากลางโดยไม่เปิดประมูล ทำให้ขาดการแข่งขันและอาจเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนที่ได้รับสัมปทาน และที่ กระทรวงพลังงานอ้างว่า ต้องซื้อไฟเพิ่มเพื่อสนับสนุนเป้าหมายลดคาร์บอน และตอบโจทย์อนาคตพลังงานสะอาดของประเทศ แม้การเพิ่มพลังงานสะอาดจะช่วยลดคาร์บอนได้จริง แต่พรรคประชาชนเสนอทางเลือกที่ไม่สร้างภาระให้ประชาชน เช่น “Direct PPA” ซึ่งเปิดให้ผู้ผลิตไฟฟ้าขายตรงให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าโดยไม่ต้องบวกค่าไฟให้เป็นภาระประชาชน แต่กลับถูกจำกัดไว้เฉพาะบางกลุ่มธุรกิจ และยังไม่สามารถใช้งานได้จริง ทั้งที่ผู้ประกอบการรอคอยมากกว่า 10 เดือนแล้ว


นายศุภโชติได้เสนอแนวทางและเป้าหมายในการผลักดันประเด็นนี้ต่อ โดยยืนยันว่าจะเดินหน้าดำเนินการผ่านทุกช่องทางทางกฎหมายที่สามารถทำได้ เพื่อหยุดยั้งการรับซื้อไฟฟ้าทุกรอบที่ดำเนินการโดยไม่เป็นธรรม พร้อมทั้งขอให้ประชาชนร่วมติดตามการดำเนินการของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ทั้งในส่วนของรอบแรกจำนวน 5,200 เมกะวัตต์ ที่มีการเซ็นสัญญาไปแล้วเกือบครบทุกโครงการ และรอบเพิ่มเติมอีก 3,600 เมกะวัตต์ ที่ถูกสั่งชะลอไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลจะมีแนวทางจัดการอย่างไร พร้อมเสนอให้ยกเลิกการรับซื้อไฟฟ้าทั้งสองรอบโดยสิ้นเชิงและเพิ่มโควตา Direct PPA ที่ตอบโจทย์นักลงทุนและไม่เป็นภาระต่อประชาชน.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.

รัฐสภา 31 พ.ค. – เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้ เคาะประธาน-รองประธาน วางกรอบการทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน ประกอบด้วย สัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 18 คน คือ 1. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 2. นายจักรพงษ์ แสงมณี 3. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง 4. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ […]

สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง

รัฐสภา 31 พ.ค.- สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง ประธานสั่งพักประชุม 5 นาที สุดท้ายงูเห่ายอมถอย ไปอยู่สัดส่วน ครม.แทน การประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติพิจารณางบประมาณรายจ่ายงบประมาณ 2569 ในขั้นตอนการเสนอชื่อกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 73 คน ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1 คน โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และ สส.พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อ นายชัชวาล แพทยาไทย ขณะที่นางสุภาพร สลับศรี สส.พรรคไทยสร้างไทย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทำให้เกิดการประท้วงกันเนื่องจากมีการเสนอชื่อ 2 คน แต่ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยมีหนังจากกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอชื่อนายชัชวาล เป็นตัวแทนของพรรคทำให้นายฐากูร ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมาธิการวิสามัญจะต้องถูกเสนอโดยคนของพรรคตัวเอง ไม่ใช่พรรคอื่น ซึ่งวันนี้พรรคไทยสร้างไทยเสนอชื่อตน แต่พรรคการเมืองอื่นเป็นเสนอชื่ออีกคน ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า ใครจะเป็นผู้เสนอชื่อก็ได้ขอแค่มีผู้รับรอง ก่อนจะให้เวลาทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน […]

“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่ ลั่นถ้าทำให้นายกฯ ไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัว เอาคนอื่นไปนั่งแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายชาดา กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ในสภาฯ มาพอสมควร ขอชื่นชมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการพัฒนาในการอภิปรายอย่างมาก ปี 69 มีงบประมาณลงทุน 7 แสนล้านบาท คนพูดกันตลอดเวลาว่าทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศนี้จึงห่างขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง ในงบลงทุนเป็นงบก่อสร้าง 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งงบก่อสร้างไม่เหมือนในอดีตเพราะต้องถูกตัดไปให้ธนาคาร 5% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูเพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชน ในจำนวนนี้มีค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายอีก 15% ซึ่งธนาคารตัดไป 3% และคิดค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก นายชาดา กล่าวว่างบก่อสร้าง มีเครื่องจักรเหล็กหินวัสดุที่เป็นปูน หากเป็นงานถนนมีแรงงานเพียง 15% เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่าง […]

ฝากขังพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก

นครราชสีมา 30 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก และขืนใจลูกวัย 11 ขวบ ฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา อ้างวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหและมึนเมาสุรา จึงก่อเหตุ ความคืบหน้ากรณีพ่อเลี้ยงพระเอกลิเกสุดโหดใช้ค้อนสำหรับทุบหมู ทำร้ายลูกเลี้ยงนางเอกลิเกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก จนบาดเจ็บเลือดคั่งในสมอง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครราชสีมาบุกรวบตัวผู้ต้องหาคือ นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเกชื่อ “รักยิ้ม ทับทิมสยาม” พ่อเลี้ยง ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ขณะผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก่อนจะควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ เช้าวันนี้ (30 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา คุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผล จนผู้ต้องหา ยอมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง อ้างว่าในวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโห พร้อมกับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุรา จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ส่วนข้อหากระทำอนาจารต่อลูกสาววัย 11 ขวบ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐาน หากตรวจพบหลักฐานที่ชัดเจนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

วิวคว้าแชมป์

“วิว-บาส-เฟม” คว้าแชมป์แบดฯ สิงคโปร์ โอเพ่น

1 มิ.ย. – “วิว กุลวุฒิ” ตบชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด คว้าแชมป์ชายเดี่ยวแบดมินตันสิงคโปร์ โอเพ่น ส่วน “บาส-เฟม” คว้าแชมป์คู่ผสมมาครองได้สำเร็จ แบดมินตัน ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 รายการ สิงคโปร์ โอเพ่น ที่ประเทศสิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ชาวไทย ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักของไทยคนแรกที่ขึ้นมือ 1 ของโลก ตบเอาชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด 21-6 , 21-10 คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมฉลองแชมป์ ก่อนขึ้นมือ 1 ของโลกอย่างทางการในสัปดาห์ในการประกาศจากสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) และยังเป็นแชมป์ที่ 4 ในปีนี้ของ “วิว” […]

“มาริษ” แถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC”

.ต่างประเทศ 1 มิ.ย.-“มาริษ” นำแถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” ยันทำทุกทางไม่ให้บานปลาย ย้ำ กต.ไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เผยยกหูหา “รองนายกฯ กัมพูชา” แล้ว เห็นพ้องตรงกัน เกิดความสงบความเรียบร้อยตามแนวชายแดน ด้าน “โฆษก กต.” ยันโพสต์ “ฮุนเซน” ไม่มีผล คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC” แน่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำแถลงข่าวเกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์ไทย-กัมพูชา พร้อมด้วย พลเอก มนัส จันดี เสนาธิการทหาร , นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ว่า ตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา โดยไทยและกัมพูชา เป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกัน ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะไม่ให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งถ้ากระทบมากไปจะไม่เป็นผลดี อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก […]

“วิว กุลวุฒิ” นักแบดชายเดี่ยวไทยคนแรก ขึ้นเป็นมือ 1 โลก

สิงคโปร์ 1 มิ.ย.-“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ มือ 2 ของโลก ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 พร้อมจะขยับขึ้นเป็นมือ 1 โลกชายเดี่ยว เป็นคนแรกของไทย ผลการแข่งขัน แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 รายการระดับ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ชิงเงินรางวัลรวม 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 33 ล้านบาท ที่สิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 2 ของโลก และเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก “ปารีสเกมส์ 2024” ตบเอาชนะ หลิน ชุนยี่ มือ 19 ของโลก จากไต้หวัน 2-0 เกม 21-11 […]