รัฐสภา 24 เม.ย. – “ประธาน กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ” ชี้ บ.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์10 เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง เผยปี 67 ปีเดียวมีบริษัททุนจีนตั้งใหม่กว่า 300 บริษัท ลักษณะเดียวกันคนไทยถือหุ้น 51 % จีนถือ 49% แต่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าอ้างดูแลแค่รับจดจัดตั้ง ด้านดีเอสไอ บอกต้องเป็นคดีอาชญากรรมก่อนถึงสอบเส้นทางการเงินได้ ลั่นปัญหานอมินีเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลไม่เอาจริงในแก้ไข
นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธานกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับ นอมินีบริษัทก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับตึก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มว่า ที่พบว่าบริษัทรับเหมาก่อสร้างถือหุ้นโดยนอมินีคนไทย ซึ่งดีเอสไอสามารถจับกุมตัวบางคนได้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วดีเอสไอ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สมอ สถาบันเหล็กฯ สภาวิศวกร เข้ามาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการฯ ทางดีเอสไอได้ให้ข้อมูลว่า เชื่อว่าบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ใช้นอมินีในการถือหุ้นซึ่งคณะกรรมาธิการได้เสนอแนะรัฐบาลมาโดยตลอดว่าธุรกิจนอมินีเมื่อมีการตั้งบริษัทและพยายามหลบเลี่ยงกฎหมาย โดยการหาผู้สวมสิทธิ์ถือหุ้นมีแนวโน้มที่จะทำผิดกฎหมาย โดยหยิบยกว่าในกรณีตึก สตง. มีวิศวกรหลายคนแจ้งว่าถูกปลอมลายเซ็น จนนำไปสู่ข้อสงสัยว่าการควบคุมงานเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้กรรมาธิการฯ ได้มีข้อเสนอแนะไปถึงรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ตรวจสอบต่อ เพราะไม่ต้องการให้ตึกสตง. เป็นเพียงตึกเดียวที่ถูกตรวจสอบ เนื่องจากมีอาคารจำนวนมากที่อาจมีผู้รับเหมาก่อสร้างที่เข้าข่ายนอมินีเข้ามาก่อสร้างในประเทศไทย
“ พบว่าฐานข้อมูลกลุ่มธุรกิจการค้ามีบริษัทลักษณะนี้จำนวนมาก หากย้อนไป5 ปีก่อน พบว่ามีบริษัทตั้งใหม่ที่เป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีทุนจีนถือหุ้นมีเพียง 40 ถึง 50 บริษัท/ปี แต่ปีที่แล้วพบว่ามีการจัดตั้งขึ้นใหม่กว่า 300 บริษัท ย้อนรวม 5 ปีมีการจัดตั้งบริษัทใหม่กว่า 500 – 600 บริษัท และอยู่ในกรณีเงื่อนไขเดียวกันคือคนไทยถือหุ้น 51% เป็นใครก็ไม่รู้ จะต้องไปตรวจสอบ และอีก 49% ถือโดยบริษัทต่างชาติของจีน ทั้งหมดนี้เป็นตัวชี้เป้าว่าบริษัทไชน่าฯ เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง รัฐบาลควรลงไปตรวจสอบอย่างจริงจังกับผู้รับเหมารายอื่น ว่ามีพฤติกรรมเดียวกันหรือไม่“ นายสิทธิพล กล่าว
นายสิทธิพล กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนบริษัทตั้งใหม่ที่ร่วมทุนกับจีน ว่าที่ผ่านมากรมธุรกิจการค้าอาจไม่ได้สังเกตุเห็นถึงความผิดปกติ เพราะ ทำหน้าที่เพียงจดจัดแจงตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่วันนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น โดยเฉพาะปัญหานอมินีไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งเกิดเป็นปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนมาโดยตลอด หลายธุรกิจที่มีลักษณะเดียวกัน เช่น ภาคการเกษตร ภาคการศึกษา ที่มีการขายวุฒิให้วิศวกรเพื่อนำไปประกอบอาชีพ ใช้วีซ่านักเรียนวีซ่านักศึกษาเพื่อไปทำงานในธุรกิจนอมินีด้วย ดังนั้นรัฐบาลต้องจริงจังในการบังคับใช้กฎหมายแก้ไขปัญหานี้อย่างเข้มงวด โดยเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากการเพิกเฉยและละเลยมาอย่างยาวนาน
นายสิทธิพล เชื่อว่ากฎหมายที่มีอยู่มีความครอบคลุม ในการบังคับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาแต่ขาดการประสานงาน เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าทำหน้าที่รับจดแจ้งจัดตั้งบริษัท แต่บอกว่าตัวเองไม่ได้มีอำนาจในการสืบสาวเส้นสายทางการเงินของนักลงทุนมาจากที่ไหน โดยอ้างว่าเป็นอำนาจของดีเอสไอ แต่ดีเอสไอแจ้งว่าจะเป็นคดีได้ก็ต่อเมื่อเป็นคดีอาชญากรรมที่ต้องโยงกับความผิดอื่น ซึ่งวันนี้ธุรกิจนอมินีที่ถูกจับ เป็นเพราะผู้ถือหุ้นไปทำธุรกิจอื่นเช่นการทำเว็บพนัน หรือคอลเซ็นเตอร์ เมื่อถูกจับได้ก็ถูกสืบสาวเส้นทางการเงิน จนพบว่ามีการลงทุนในบริษัทนอมินี.-319