นายกฯ หารือทวิภาคีนายกฯ กัมพูชา ยกระดับปราบอาชญากรรมออนไลน์

กัมพูชา 23 เม.ย.-“นายกฯ แพทองธาร” หารือทวิภาคี “นายกฯ ฮุน มาแนด” ยกระดับการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ แก้ไขปัญหา PM 2.5 ยันไทยให้ความสำคัญแรงงานกัมพูชา พร้อมร่วมมือหาทางออกความขัดแย้งในเมียนมาอย่างสันติวิธี

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือแบบเต็มคณะกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนด (Samdech Moha Borvor Thipadei HUN Manet) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรี ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นจากนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและรัฐบาลกัมพูชา ในโอกาสการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีนี้ พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อมิตรภาพและความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมกับกัมพูชา เชื่อมั่นว่า ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจในระดับโลก ไทยและกัมพูชาในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดจะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้น และใช้โอกาสนี้ ผลักดันความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกันให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น


โอกาสนี้ผู้นำทั้งสองได้หารือประเด็นความสัมพันธ์และความร่วมมือที่สำคัญระหว่างกัน โดยจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูงระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ และมีการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันตลอดทั้งปี และพร้อมร่วมกันขับเคลื่อนความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เสนอให้ทั้งสองฝ่ายเป็นประธานร่วมกันในพิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชาแห่งแรก (บ้านหนองเอี่ยน – สตึงบท) อย่างเป็นทางการในปลายปี

นายกรัฐมนตรี ยังเสนอให้หน่วยงานทหารและความมั่นคงของทั้งสองประเทศมีการหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจ ป้องกันความเข้าใจผิด และรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะเพิ่มพูนความร่วมมือกับกัมพูชา เพื่อสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการยกระดับความร่วมมือเพื่อปราบปราทอาชญากรรมออนไลน์ (Online Scams) ระหว่างหน่วยงานตำรวจและฝ่ายปกครอง โดย ผ่านการแบ่งปันพยานหลักฐาน การป้องกันไม่ให้มีการนำสัญญาณอินเทอร์เน็ตและโทรคมนาคมไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย เพิ่มมาตรการควบคุมบริเวณชายแดน และป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย


รวมถึง การยกระดับความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน ผ่านการพัฒนาระบบติดตามและเฝ้าระวังร่วมกัน ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกัน โดยเฉพาะด้านการตรวจวัด PM2.5 และการทำเกษตรปลอดการเผา (Zero burn Farming )

ส่วนด้านการค้าและการลงทุน ทั้งสองฝ่ายยินดีที่การค้าระหว่างกันในปี 2567 มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเห็นพ้องร่วมกัน ที่จะวางแนวทางเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน โอกาสนี้ ซึ่งไทยและกัมพูชาจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหอการค้าของทั้งสองด้วย ทั้งนี้ ไทยและกัมพูชา ยังเห็นพ้องให้มีการเร่งรัดการประชุม Joint Trade Commission ระหว่างกันด้วย และส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน ความร่วมมือระหว่างหอการค้าของทั้งสองประเทศ รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้กับการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนไทยในกัมพูชา ตลอดจนความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภูมิภาคให้สามารถรับมือกับความท้าทายจากภายนอก

นายกรัฐมนตรี ได้หารือถึงการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ซึ่งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตและการพัฒนาพื้นที่ชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา พร้อมเสนอให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันวางแนวทางเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนของทั้งสองประเทศ พร้อมเร่งรัดการจัดตั้งกลไกร่วม (Joint Mechanism) ภายใต้คณะกรรมการชายแดนทั่วไป
(General Border Committee: GBC) เพื่อเร่งรัดการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชาให้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่


ขณะที่ความเชื่อมโยง ให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันพัฒนาบริการขนส่งสินค้าทางรางระหว่างสองประเทศ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่ง ตลอดจนให้มีการรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามแดนทางถนน เพื่อให้รถยนต์ส่วนบุคคลสามารถข้ามพรมแดนได้อย่างสะดวก รวมถึงเร่งรัดการพัฒนาและปรับปรุงโครงการทางหลวงหมายเลข 67 และ 68 ของกัมพูชา ซึ่งจะเป็นเส้นทางเชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่าย ยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันได้อีกมาก อาทิ การปรับปรุงความตกลงว่าด้วยการข้ามแดน เพื่อให้สามารถพำนักอยู่ในประเทศได้นานขึ้น การเพิ่มบัตรผ่านแดนชั่วคราว (Temporary Border Pass) รวมถึงกัมพูชายินดีเดินหน้าตามแนวคิด Six Countries, One Destination จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามแดน โดยอาจเริ่มที่การท่องเที่ยวชายฝั่งไทย-กัมพูชา-เวียดนาม ด้วย

สำหรับด้านแรงงาน ไทยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของแรงงานกัมพูชาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และรัฐบาลได้ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมการขออนุญาตกลับเข้ามาในราชอาณาจักร (Re – Entry Permit) สำหรับแรงงานกัมพูชาที่ต้องการเดินทางกลับประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งหน่วยงานด้านแรงงานของทั้งสองประเทศจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าแรงงานกัมพูชาได้รับการจ้างงานผ่านช่องทางที่ถูกกฎหมาย เพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่างๆ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ไทยพร้อมให้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแก่กัมพูชาอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะด้านการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยนายกรัฐมนตรีย้ำการจัดทำแผนงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ระยะ 3 ปี ฉบับต่อไป ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และยืนยันว่า ไทยพร้อมสนับสนุนการก่อสร้างอาคารเรียนภาควิชาภาษาไทย ณ มหาวิทยาลัยภูมินท์พนมเปญ และอาคารอบรมของศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานไทย – กัมพูชา รวมทั้ง ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะสนับสนุนความร่วมมือด้าน soft power ซึ่งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์และมิตรภาพในระดับประชาชนกับประชาชนด้วย

ด้านความร่วมมือในระดับภูมิภาค นายกรัฐมนตรี เห็นว่า อาเซียนควรเสริมสร้างการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาคให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับความท้าทายจากภายนอก โดยไทยต้องการให้การค้าและการลงทุนภายในอาเซียนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงความเป็นหุ้นทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับหุ้นส่วนระดับภูมิภาค โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และอินเดีย นอกจากนี้ ไทยพร้อมร่วมมือกับกัมพูชา เพื่อเสริมสร้างการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจภายในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงกับจีนและภูมิภาคเอเชียใต้

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในเมียนมา โดยเห็นพ้องกันว่า การมีปฏิสัมพันธ์กับเมียนมาที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นอาจนำไปสู่พัฒนาการในเชิงบวกที่สอดคล้องกับฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน โดยไทยได้ให้ความช่วยเหลือการแพทย์และสนับสนุนการฟื้นฟูในเมียนมาจากสถานการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น และพร้อมร่วมมือกับกัมพูชาเพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในเมียนมามีการพูดคุยกันเพื่อหาทางออกด้วยสันติวิธี.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]