‘วิโรจน์’ จับตาความคืบหน้า ‘ตั๋ว P/N’ 9 ฉบับ

อาคารอนาคตใหม่ 21 เม.ย.- ‘วิโรจน์’ เผย แผนยุทธการโรยเกลือ หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘แพทองธาร’ จับตาความคืบหน้า ‘ตั๋ว P/N’ 9 ฉบับ หวัง คกก.ภาษีอากร วินิจฉัยตามหลักสากล-จี้ ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ เร่ง เพิกถอนโฉนด 4 แปลง ‘โรงแรมเทมส์วัลลีย์ เขาใหญ่’-มอบหมาย ‘โรม’ เดินหน้าเอาผิดปม ‘ชั้น 14’ ยืนยัน ‘ปชน.’ ไม่ใช้กลไกสอบจริยธรรม เหตุบ้านเมืองจะติดอยู่ในวังวนนิติสงคราม แนะ ควรมีหิริโอตัปปะสำนึกผิดลาออกเอง


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน แถลงการดำเนินการภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทั้งทางด้านกฎหมาย และกระบวนการต่างๆ ว่า เมื่อพวกเราหารือกันแล้ว จะมีการดำเนินการ 3 เรื่องด้วยกัน คือ 1.กรณีที่นายกรัฐมนตรี ใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋ว P/N จำนวน 9 ฉบับ โดยที่ไม่มีการกำหนดการชำระเงิน และไม่มีดอกเบี้ย สร้างกระบวนการให้ดูเสมือนว่า เป็นการซื้อหุ้นจากคนในครอบครัวและเครือญาติ ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่า เป็นเจตนาที่แท้จริงที่จะหลีกเลี่ยงชำระภาษีการรับให้

หากพิจารณาด้วยความสุจริต พฤติการณ์ในลักษณะนี้ ประชาชนทุกคนคงเข้าใจได้ว่า น่าจะเป็นการทำนิติกรรมอำพราง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่งสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้นำของประเทศ และเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐด้วย


นายวิโรจน์ ยืนยันว่า กรณีข้างต้นตรวจสอบได้ไม่ยาก ซึ่งหลายๆ อย่าง ก็จะเป็นพยานหลักฐาน ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่า นายกรัฐมนตรีมีเจตนาในการซื้อหุ้นจริง หรือเป็นเพียงการจัดฉาก เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเท่านั้น

พรรคประชาชน เชื่อว่า หากคณะกรรมการ วินิจฉัยภาษีอากร พิจารณาเรื่องนี้ ด้วยความสุจริต และกล้าหาญ ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยวินิจฉัยสอดคล้องกับหลักสากล พฤติกรรมดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี จะ เป็นการทำนิติกรรมอำพราง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และคงจะต้องมีการติดตามให้มีการชำระภาษีย้อนหลัง รวมถึงต้องมีการดำเนินการแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการไต่สวนในอีก 2 ประเด็นต่อไป และเราจะดำเนินการภายหลังคณะกรรมการภาษีอากรวินิจฉัยแล้วเสร็จ ทั้งเรื่องทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 172 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ป.ป.ช. และการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินโดยมีข้อความอันเป็นเท็จ ตามมาตรา 167 ของ พ.ร.ป.ป.ป.ช. เพื่อให้มีการไต่สวนและชี้มูลความผิดนายกรัฐมนตรีต่อไป

และหากคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรมีผลคำวินิจฉัยออกมาแล้วว่า พฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีเป็นการหลบเลี่ยงภาษี เราจะดำเนินการกับ ป.ป.ช. ในกรณีประพฤติมิชอบต่อไป ซึ่งก็ต้องดูว่า จะดำเนินการแบบคู่ขนานได้หรือไม่ หรือต้องรอผลวินิจฉัยของคณะกรรมการภาษีอากรก่อน


2.กรณีโฉนด 4 แปลงซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมเทมส์วัลลีย์ เขาใหญ่ เรายืนยันว่า พื้นที่นี้ ยังคงสถานะเป็นพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) สงวนไว้ เพื่อการรักษาทรัพยากรธร เป็นต้นน้ำลำธาร ซึ่งห้ามออกโฉนดโดยเด็ดขาด ตามข้อ 14(5) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 43 ที่ออกตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 รวมถึงมติ ครม.ที่อนุญาตให้ครอบครองเพื่อทำประโยชน์ แต่ไม่ใช่ให้กรรมสิทธิ์แต่อย่างใด จึงเป็นเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ที่ตั้งของโรงแรมเป็นการออกโฉนด โดยคลาดเคลื่อน หรือมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้ง 4 ฉบับ ซึ่งพรรคประชาชนได้มีการยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมที่ดิน เพื่อดำเนินการเพิกถอนโฉนดดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเราจะติดตามกรณีนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป

โดยขณะนี้ ยังไม่มีการร้องต่อ ป.ป.ช. แต่จะแกะรอยต่อว่า หากพบร่องรอยที่มีการสั่งการ หรือประพฤติมิชอบ จะดำเนินการต่อ ป.ป.ช.ตามกฎหมายต่อไป

3.ข้อสงสัยต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี ว่าได้รับอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังรายอื่น อันเป็นหลักการทำลายหลักนิติรัฐ ซึ่งกำหนดให้ประชาชนทุกคนต้องมีความเสมอภาคกันต่อหน้ากฎหมาย และต้องอยู่ภายใต้บรรทัดฐานเดียวกันในการบังคับใช้กฎหมายของประเทศ และในฐานะนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นบุตรสาวของนายทักษิณ จะต้องทราบถึงข้อเท็จจริงของอาการเจ็บป่วย รวมถึงการได้รับสิทธิ์ หรืออภิสิทธิ์ใดๆ ของผู้เป็นบิดาอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า เมื่อสังคมมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ การตั้งข้อสงสัย ที่สะท้อนถึงความไม่สมเหตุสมผลต่างๆ ความไม่สอดคล้องของบริบทโดยรอบ ในการได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลของนายทักษิณ ตลอดจนความลักลั่นของการได้รับสิทธิของผู้ต้องขังรายอื่น นายกรัฐมนตรีแทนที่จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และชี้แจงต่อสาธารณะด้วยความสุจริตโปร่งใส กลับบ่ายเบี่ยงซ่อนเร้นและอำพรางข้อเท็จจริง ทั้งยังปล่อยให้ความคลุมเครือยังคงดำรงอยู่ถึงปัจจุบัน บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อหลักนิติรัฐ และหลักความเสมอภาคกันของกฎหมาย

ดังนั้น พฤติกรรมดังกล่าวนี้ พวกเราได้พินิจพิเคราะห์แล้วว่า เข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 172 ของ พ.ร.ป.ป.ป.ช. และกระทำความผิดตามมาตรา 11(1) ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534

โดยพรรคประชาชน ได้มอบหมายให้รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ดำเนินการร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการไต่สวนและชี้มูลความผิดนายกรัฐมนตรีต่อไป และหากรายละเอียดครบถ้วน ก็จะมีการยื่นภายในสัปดาห์นี้ หรือไม่เกินสัปดาห์หน้า

นายวิโรจน์ กล่าวถึงข้อเรียกร้องที่ต้องการให้พรรคประชาชน ใช้กลไกด้านจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เป็นเครื่องมือในการจัดการกับนายกรัฐมนตรี ทั้งการเข้าชื่อกัน เพื่อให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 70 วรรค 1(4) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมาตรา 160(4) ซึ่งว่าด้วยพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(5) รวมถึงข้อเสนอที่พรรคประชาชนจะดำเนินการตามมาตรา 235(1) ประกอบมาตรา 234(1) ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ ป.ป.ช. ไต่สวนกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพื่อส่งเรื่องให้กับศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไป

พรรคประชาชน อยากชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาว่า เรื่องจริยธรรมบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ และยังแบกรับหน้าที่และความรับผิดชอบทางสาธารณะในระดับที่สูง หากถูกสังคมและประชาชน ตั้งคำถามถึงความมีจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง และไม่อาจชี้แจงข้อเท็จจริงได้จนสิ้นข้อสงสัย นายกรัฐมนตรีควรต้องมีหิริโอตัปปะ มีความสำนึกในตัวเอง พิจารณาความเหมาะสมของตัวเอง และแสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณรณะด้วยการลาออกโดยสมัครใจ ไม่จำเป็นต้องให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นมรดกบาปของการทำรัฐประหาร ขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย และไม่มีการยึดโยงต่อเจตจำนงของประชาชน มาเป็นผู้ชี้นิ้วไล่ให้ออกจากตำแหน่ง เพราะจะเป็นการทำลายเกียรติภูมิของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยอย่างไม่อาจประเมินค่าได้

“การใช้ผ้าที่สกปรกถูกบ้าน ไม่อาจทำให้บ้านสะอาดขึ้นมาได้ การทำน้ำเน่าไล่น้ำเสีย ไม่อาจทำให้น้ำในคูคลองใสสะอาด พรรคประชาชน ยืนยันว่า เราจะไม่ใช้กลไกที่เราไม่ยอมรับความชอบธรรม ในการจัดการกับสิ่งที่ไม่ชอบธรรมอย่างเด็ดขาด เพราะหากเราทำเช่นนั้น บ้านเมืองก็จะติดอยู่ในวังวนนิติสงครามที่คณะรัฐประหาร ได้วางหลุมพรางเอาไว้ และประเทศชาติจะไม่สามารถกลับคืนสู่ความเป็นนิติรัฐได้อีกเลย” นายวิโรจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าบุคคลที่ดำรงนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลที่ถืออำนาจรัฐในระดับสูง และเป็นประมุขของฝ่ายบริหารของประเทศ เมื่อพบช่องว่างทางกฎหมาย ที่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นธรรมต่อสังคมได้ ย่อมต้องมีหน้าที่ปิดช่องว่างทางกฎหมายนั้น มิใช่ฉกฉวยโอกาสในวางแสวงหา ผลประโยชน์จากช่องว่างทางกฎหมายนั้นเสียเอง

“เรายังคงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี สำนึกในความดีความชั่วของตน และแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่ยังสามารถรักษาเกียรติภูมิของตำแหน่งผู้นำประเทศเอาไว้ได้ โดยไม่ต้องรอให้กลุ่มบุคคลใดมาชี้หน้า ว่าท่านไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จนต้องถูกไล่ออก เหมือนทรชนที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย” นายวิโรจน์ ทิ้งท้าย

นายวิโรจน์ ย้ำว่า พรรคประชาชนจะใช้กลไกของ ป.ป.ช. และหน่วยงานราชการ อาทิ กรมสรรพากร และกรมที่ดิน ในการวินิจฉัยให้เกิดความเป็นธรรม และหากพบความทุจริตหรือความไม่ถูกต้องเกิดขึ้น จะใช้กลไกของ ป.ป.ช.ดำเนินการกับนายกรัฐมนตรี

“หลายคนบอกว่า ทำไมเราไม่ใช้หอกทมิฬแทงทมิฬ ทำไมเราไม่เอาให้สุดซอย อย่าไปสนใจวิธีการเลย จะจัดการกับใครทำไมต้องสนใจวิธีการ เราคิดอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าเราจัดการกับคนโดยที่ไม่สนใจวิธีการเลย เราก็ไม่แตกต่างจากคนเหล่านั้น” นายวิโรจน์ กล่าว.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.

รัฐสภา 31 พ.ค. – เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้ เคาะประธาน-รองประธาน วางกรอบการทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน ประกอบด้วย สัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 18 คน คือ 1. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 2. นายจักรพงษ์ แสงมณี 3. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง 4. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ […]

สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง

รัฐสภา 31 พ.ค.- สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง ประธานสั่งพักประชุม 5 นาที สุดท้ายงูเห่ายอมถอย ไปอยู่สัดส่วน ครม.แทน การประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติพิจารณางบประมาณรายจ่ายงบประมาณ 2569 ในขั้นตอนการเสนอชื่อกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 73 คน ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1 คน โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และ สส.พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อ นายชัชวาล แพทยาไทย ขณะที่นางสุภาพร สลับศรี สส.พรรคไทยสร้างไทย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทำให้เกิดการประท้วงกันเนื่องจากมีการเสนอชื่อ 2 คน แต่ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยมีหนังจากกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอชื่อนายชัชวาล เป็นตัวแทนของพรรคทำให้นายฐากูร ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมาธิการวิสามัญจะต้องถูกเสนอโดยคนของพรรคตัวเอง ไม่ใช่พรรคอื่น ซึ่งวันนี้พรรคไทยสร้างไทยเสนอชื่อตน แต่พรรคการเมืองอื่นเป็นเสนอชื่ออีกคน ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า ใครจะเป็นผู้เสนอชื่อก็ได้ขอแค่มีผู้รับรอง ก่อนจะให้เวลาทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน […]

“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่ ลั่นถ้าทำให้นายกฯ ไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัว เอาคนอื่นไปนั่งแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายชาดา กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ในสภาฯ มาพอสมควร ขอชื่นชมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการพัฒนาในการอภิปรายอย่างมาก ปี 69 มีงบประมาณลงทุน 7 แสนล้านบาท คนพูดกันตลอดเวลาว่าทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศนี้จึงห่างขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง ในงบลงทุนเป็นงบก่อสร้าง 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งงบก่อสร้างไม่เหมือนในอดีตเพราะต้องถูกตัดไปให้ธนาคาร 5% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูเพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชน ในจำนวนนี้มีค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายอีก 15% ซึ่งธนาคารตัดไป 3% และคิดค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก นายชาดา กล่าวว่างบก่อสร้าง มีเครื่องจักรเหล็กหินวัสดุที่เป็นปูน หากเป็นงานถนนมีแรงงานเพียง 15% เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่าง […]

ฝากขังพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก

นครราชสีมา 30 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก และขืนใจลูกวัย 11 ขวบ ฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา อ้างวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหและมึนเมาสุรา จึงก่อเหตุ ความคืบหน้ากรณีพ่อเลี้ยงพระเอกลิเกสุดโหดใช้ค้อนสำหรับทุบหมู ทำร้ายลูกเลี้ยงนางเอกลิเกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก จนบาดเจ็บเลือดคั่งในสมอง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครราชสีมาบุกรวบตัวผู้ต้องหาคือ นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเกชื่อ “รักยิ้ม ทับทิมสยาม” พ่อเลี้ยง ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ขณะผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก่อนจะควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ เช้าวันนี้ (30 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา คุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผล จนผู้ต้องหา ยอมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง อ้างว่าในวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโห พร้อมกับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุรา จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ส่วนข้อหากระทำอนาจารต่อลูกสาววัย 11 ขวบ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐาน หากตรวจพบหลักฐานที่ชัดเจนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

วิวคว้าแชมป์

“วิว-บาส-เฟม” คว้าแชมป์แบดฯ สิงคโปร์ โอเพ่น

1 มิ.ย. – “วิว กุลวุฒิ” ตบชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด คว้าแชมป์ชายเดี่ยวแบดมินตันสิงคโปร์ โอเพ่น ส่วน “บาส-เฟม” คว้าแชมป์คู่ผสมมาครองได้สำเร็จ แบดมินตัน ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 รายการ สิงคโปร์ โอเพ่น ที่ประเทศสิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ชาวไทย ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักของไทยคนแรกที่ขึ้นมือ 1 ของโลก ตบเอาชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด 21-6 , 21-10 คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมฉลองแชมป์ ก่อนขึ้นมือ 1 ของโลกอย่างทางการในสัปดาห์ในการประกาศจากสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) และยังเป็นแชมป์ที่ 4 ในปีนี้ของ “วิว” […]

“มาริษ” แถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC”

.ต่างประเทศ 1 มิ.ย.-“มาริษ” นำแถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” ยันทำทุกทางไม่ให้บานปลาย ย้ำ กต.ไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เผยยกหูหา “รองนายกฯ กัมพูชา” แล้ว เห็นพ้องตรงกัน เกิดความสงบความเรียบร้อยตามแนวชายแดน ด้าน “โฆษก กต.” ยันโพสต์ “ฮุนเซน” ไม่มีผล คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC” แน่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำแถลงข่าวเกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์ไทย-กัมพูชา พร้อมด้วย พลเอก มนัส จันดี เสนาธิการทหาร , นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ว่า ตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา โดยไทยและกัมพูชา เป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกัน ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะไม่ให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งถ้ากระทบมากไปจะไม่เป็นผลดี อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก […]

“วิว กุลวุฒิ” นักแบดชายเดี่ยวไทยคนแรก ขึ้นเป็นมือ 1 โลก

สิงคโปร์ 1 มิ.ย.-“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ มือ 2 ของโลก ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 พร้อมจะขยับขึ้นเป็นมือ 1 โลกชายเดี่ยว เป็นคนแรกของไทย ผลการแข่งขัน แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 รายการระดับ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ชิงเงินรางวัลรวม 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 33 ล้านบาท ที่สิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 2 ของโลก และเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก “ปารีสเกมส์ 2024” ตบเอาชนะ หลิน ชุนยี่ มือ 19 ของโลก จากไต้หวัน 2-0 เกม 21-11 […]