นายกฯ ถก “อันวาร์” เน้นอาเซียนรวมพลังรับมือภาษีทรัมป์

ทำเนียบ 17 เม.ย.- นายกฯ หารือ “อันวาร์” 3 ประเด็นหลัก เน้นอาเซียนรวมพลังรับมือภาษีทรัมป์ เผยทีมเจรจา “พิชัย” บินสหรัฐ พูดคุยระดับรัฐมนตรี 23 เม.ย.นี้ บอกข้อเจรจาของไทยแข็งแรง มั่นใจส่งผลบวกกับทั้งสองประเทศ ยอมรับ “ทักษิณ” ช่วยพูดคุยนอกรอบกับคนรอบตัว “ทรัมป์” ย้ำยึดผลประโยชน์ประชาชนและประเทศเป็นหลัก


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน เพื่อหารือทวิภาคี ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังใช้เวลาหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย 30 นาที ว่า มี 3 เรื่องหลัก เรื่องที่ 1.คือ การก่อสร้างสะพานสุไหงโกลก ซึ่งมีการตกลงระหว่างสองประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ และได้เริ่มต้นแล้ว คาดจะแล้วเสร็จในปี ค.ศ.2027


เรื่องที่ 2. ได้หารือความสงบในพื้นที่ภาคใต้ โดยได้มีการขอความร่วมมือทางด้านมาเลเซีย รัฐบาลจะเน้นในเรื่องของเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารฮาลาล เมืองยางพารา ซึ่งทั้งสองประเทศมีความคิดเห็นว่า น่าจะเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เพื่อจะได้ช่วยเหลือในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งกันและกัน

ส่วนความคืบหน้าในการพูดคุยสันติสุขในพื้นที่ภาคใต้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยในรายละเอียดว่า ในเรื่องของทีมทำงานจะสนับสนุนกันมากขึ้นได้อย่างไร ซึ่งเป็นรายละเอียดต่อไป ส่วนการพูดคุยก็จะมีทั้งในระดับรัฐมนตรี ระดับของนายกรัฐมนตรีที่คุยกันแล้ว วงปฏิทินการทำงาน ก็ขอให้ราบรื่นเรียบร้อย บางทีไม่ได้คุยกันในทุกระดับก็จะมีความท้าทายในการทำงาน ซึ่งก็ต้องหารือว่าจะให้ทุกระดับคุยกัน ให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้ และยังคงย้ำว่าให้มาเลเซียเป็นผู้อำนวยการสะดวก ในการพูดคุยสันติสุข

และ3.เป็นเรื่อง การขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งได้พูดคุยกันว่า ในเรื่องของอาเซียนเองจะรวมพลังกันได้อย่างไรบ้าง เพราะหากรวมประชากรในอาเซียนก็ถือว่ามีจำนวนมากและมีความแข็งแรง พร้อมกับดูว่าแต่ละประเทศเอง จะมีทางออกอย่างไร ซึ่งการทำงานก็จะแบ่งเป็นแต่ละส่วนของแต่ละประเทศไป และจะมีการรวมพลังของอาเซียนด้วยว่าจะมีการประชุมอาเซียนในฐานะที่ มาเลเซีย เป็นประธานอาเซียนในปีนี้ ก็อยากจะได้รับความร่วมมือ ว่าจะมีทางออกและได้รับการแก้ไขอย่างไรบ้าง


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจับมือของอาเซียนในการต่อสู้กับภาษีโดนัลด์ ทรัมป์นั้น ยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด แต่จะหารือกันในเรื่องที่พร้อมสนับสนุน ในมุมของอาเซียน ซึ่งแน่นอนว่าไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับอาเซียน ซึ่งยืนยันว่าไทยไม่เน้นความรุนแรง และเน้นเรื่องความสงบสุข หากเจรจาแบบไหนวิน-วินได้ก็จะพยายามจะทำหากเจรจาแบบไหนวินวินได้ก็จะพยายามจะทำแบบนั้น

ส่วนความคืบหน้าการเจรจากับทางสหรัฐฯ หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้พูดคุยกับคนรอบตัวนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯไปหลายคนแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายทักษิณได้พูดคุยไปหลายคนแล้วในลักษณะไม่เป็นทางการ ซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างหนึ่งที่สามารถรวบรวมความคิดเห็นได้ก่อน และทางสหรัฐก็อยากฟังความคิดเห็นของไทยเช่นกัน ถือเป็นการพูดคุยนอกรอบ เพื่อจะดูได้สามารถจะซัพพอร์ตระหว่างไทยกับสหรัฐฯในเรื่องใดได้บ้าง

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะเดินทางไปพูดคุยกับระดับรัฐมนตรีสหรัฐฯ ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ พร้อมยืนยันว่า ข้อเจรจาที่ไทยจะนำต่อรองกับสหรัฐค่อนข้างมีความแข็งแรง และมั่นใจว่า เป็นส่งผลบวกและเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ และจะมีการพูดคุยกันอย่างแฟร์ๆ และไทยกับสหรัฐฯมีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนาน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นผลดี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในรายละเอียดที่จะมีการเจรจาจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการค้าเป็นหลัก และได้เน้นย้ำว่า จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ในเหตุการณ์ปกติ ตนสามารถยกหูโทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐได้ แต่ในขณะนี้ทุกประเทศกำลังเข้าคิวเพื่อขอเจรจากับสหรัฐเพราะฉะนั้นเราก็ควรไปตามกระบวนการ

“ในหลายๆ ทางที่สามารถคุยได้ ตัวดิฉันเองก็คุยเช่นกัน อาจจะไม่ official แต่อะไรที่เป็นคอนเน็คชันที่เราสามารถนวดได้ หรือค่อยๆพูดได้ก็ทำ”นางสาวแพทองธาร กล่าว

นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำ ในทีมทำงานให้การสนับสนุนภาคเอกชนในการลงทุนในต่างประเทศด้วย เพราะที่ผ่านมารัฐยังไม่มีมาตรการชัดเจนในเรื่องนี้ และเมื่อเป็นรูปเป็นร่างจะเปิดรายละเอียดอีกครั้ง แต่ตอนนี้มีความตั้งใจและสื่อสารไปกับทีมงาน ซึ่งทุกคนเห็นด้วย และตอนนี้ภาคเอกชนที่ไปลงทุนในต่างประเทศก็เดินทางไปด้วยตนเอง ซึ่งบางครั้งหากได้รับการสนับสนุนอาจยิ่งใหญ่และทำได้ดีกว่าเดิม หรือไม่ต้องเสี่ยงเท่าเดิม ซึ่งตนเองเคยอยู่ภาคเอกชน ถ้าได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ คงเป็นความร่วมมือที่ทำให้ประโยชน์ให้กับประเทศอย่างมากกมาย ดังนั้นจะทำแผนนี้ต่อ

นายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงการได้พูดคุยกับนายทักษิณ อย่างจริงจังในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดคุยกัน ว่า เป็นการอัพเดตสถานการณ์ทั่วไป ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้เจอนายทักษิณเลย เพราะตนเองก็ไม่มีเวลา แต่เมื่อได้เจอที่เชียงใหม่ได้มีการพูดคุยกัน

”นายทักษิณได้อัพเดตสถานการณ์ของสหรัฐฯ ว่า ได้มีการพูดคุยกับอีกหลายคน และพูดคุยทิศทางว่า จะไปด้านใด ซึ่งนายทักษิณเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เพราะตั้งแต่สมัยที่ตนเองยังเป็นวัยเด็ก 10 ขวบกว่า ก็เคยมีโอกาสพบกับครอบครัวและรับประทานอาหารกับประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประเทศไทย และนายทักษิณพอทราบว่า นายโดนัล ทรัมป์ เป็นนักธุรกิจที่สามารถพูดคุยได้อยู่แล้ว ว่า สิ่งไหนที่จะเป็นประโยชน์ทั้งเขาและเรา และเขาก็ไม่อยากเสียประโยชน์เช่นกัน ซึ่งเขาพยายามจะวางและมีประเทศใหญ่ๆอีกมากมายที่ดีลกับเขาโดยตรง และเขาพยายามทำให้ทุกประเทศแฟร์ และมีการคุยแนวทางว่าประมาณไหนบ้าง ก็มีการปรึกษากัน“ นางสาวแพทองธาร กล่าว

ส่วนมีการประเมินความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความจริงต้องมีการปรับตัว เพราะภาษีต่างๆยังไม่ถูกrewind มันถูกดึงในด้านนั้นด้านนี้ ทำให้เป็นตัวเลขที่ไม่ได้มาตรฐานเต็มๆ บางอันเราอาจจะได้เปรียบขึ้นก็ได้ บางอันประโยชน์อาจจะน้อยลงบ้าง จึงต้องเกลี่ยทั้งกระดานทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้ต้องลองดูขอเป็นเชิงในรายละเอียด

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ขอให้ผู้ประกอบทุกคนมั่นใจว่า ตนเป็นนักธุรกิจมาก่อน ก็ทราบว่า ไม่มีใครอยากเสียประโยชน์ และขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ส่วนรายละเอียดการพูดคุยขอให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเป็นคนแถลงว่า สุดท้ายแล้วมีการพูดคุยไปกี่หัวข้อ.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]