พม.เปิดหน่วยงานทั่วประเทศเป็นจุดพักรถ-พักคน ช่วงหยุดยาวสงกรานต์

กรุงเทพฯ 12 เม.ย. – “วราวุธ” เผย พม. เปิดหน่วยงานทั่วประเทศเป็นจุดพักรถ-พักคน ช่วงหยุดยาวสงกรานต์ รองรับพี่น้องประชาชน-กลุ่มเปราะบาง


นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ไทย 2568 นี้ มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน มีวันสำคัญคือ วันผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 13 เมษายน และวันแห่งครอบครัว ซึ่งตรงกับวันที่ 14 เมษายน ในนามของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ขออวยพรให้พี่น้องประชาชนทุกคนได้ใช้เวลาอย่างมีความสุขอยู่ด้วยกันกับครอบครัว ญาติพี่น้อง ปู่ย่า ตายาย และลูกหลาน เพื่อสร้างสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็งให้กับสังคมไทย

สำหรับพี่น้องประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวันนั้น ขอให้ทุกๆ คนเดินทางโดยสวัสดิภาพ ขับรถด้วยความระมัดระวัง ปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น และขอให้งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างเดินทาง เมาไม่ขับ และง่วงไม่ขับ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและดูแลพี่น้องกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. ได้แก่ เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และคนพิการ ประชาชนทั่วไป ให้มีความรู้สึกผ่อนคลาย เพื่อความปลอดภัยระหว่างการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวต่างจังหวัด ทางกระทรวง พม. โดยทีม พม. หนึ่งเดียวจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมถนนสายหลักและถนนสายรอง จึงได้เปิดพื้นที่หน่วยงานเป็นจุดพักรถบริการประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ตั้งแต่วันนี้-17 เมษายน 2568 โดยให้บริการที่จอดรถ ห้องน้ำคนพิการและผู้สูงอายุ มุมพักผ่อนสำหรับน้ำดื่ม กาแฟ อาหารว่าง พร้อมให้คำแนะนำปรึกษาด้านสิทธิสวัสดิการสังคมต่างๆ ของกระทรวง พม.


หน่วยงานทีม พม.หนึ่งเดียว จังหวัดทั่วประเทศ ที่เปิดจุดบริการประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 มีดังนี้
1) ภาคเหนือ ได้แก่ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดแพร่ พะเยา และตาก, สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งสันมหาพน จังหวัดเชียงใหม่, ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดน่านและแม่ฮ่องสอน, นิคมสร้างตนเองเขื่อนภูมิพล จังหวัดเชียงใหม่, ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการหยาดฝน จังหวัดเชียงใหม่ (ถนนสายเขื่อนแม่งัด), บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงราย น่าน แพร่แม่ฮ่องสอน ลำปาง สุโขทัย และอุตรดิตถ์, สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านเชียงใหม่, ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวจังหวัดเชียงราย ลำพูน และลำปาง, ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านธรรมปกรณ์ จังหวัดเชียงใหม่, ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดลำปาง

2) ภาคกลาง ได้แก่ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านกึ่งวิถี (ชาย) จังหวัดปทุมธานี (ถนนรังสิต-นครนายก), ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการบ้านโมกุล เฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ จังหวัดลพบุรี (อำเภอชัยบาดาล), บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครนายก นนทบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ และสุพรรณบุรี, สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนรังสิตและพญาไท, สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านมหาเมฆ, สถานแรกรับเด็กชายบ้านปากเกร็ด, สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านปากเกร็ด, สถานสงเคราะห์เด็กหญิงสระบุรี, สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ กทม., ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี, สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านสองแคว จังหวัดพิษณุโลก, ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครปฐม สุโขทัย และกำแพงเพชร, สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งวังทอง จังหวัดพิษณุโลก, นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์, นิคมสร้างตนเองทุ่งโพธิ์ทะเล จังหวัดกำแพงเพชร, นิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และนิคมสร้างตนเองประจวบคีรีขันธ์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค กทม., ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนเวศม์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และศูนย์พัฒนาการสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี

3) ภาคตะวันตก ได้แก่ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการจังหวัดราชบุรี (อำเภอเมือง) และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดราชบุรี


4) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ บ้านทองพูนเผ่าพนัส อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี, ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย, บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม บึงกาฬ มุกดาหาร ยโสธร เลย ศรีสะเกษ สกลนคร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี อุดรธานี และนครราชสีมา, สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กขอนแก่น, สถานสงเคราะห์เด็กบ้านแคนทอง, สถานพัฒนาและฟื้นฟูเด็กจังหวัดหนองคาย, สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านหนองคาย, ศูนย์พัฒนาการสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดนครพนม ขอนแก่น และบุรีรัมย์, ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น และศรีสะเกษ, สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์ จังหวัดนครราชสีมา, ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสุรินทร์ กาฬสินธุ์ นครพนม บึงกาฬ ร้อยเอ็ด อุดรธานี และอุบลราชธานี, สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งปรือใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ, สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งบ้านเมตตาจังหวัดนครราชสีมา, นิคมสร้างตนเองปราสาท จังหวัดสุรินทร์, นิคมสร้างตนเองโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย, นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อยจังหวัดอุบลราชธานี, นิคมสร้างตนเองลำโดมใหญ่จังหวัดอุบลราชธานี และนิคมสร้างตนเองลำปาวจังหวัดกาฬสินธุ์

5) ภาคใต้ ได้แก่ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราช และสงขลา, สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราช, นิคมสร้างตนเองรัตภูมิ จังหวัดสงขลา, นิคมสร้างตนเองขุนทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี, ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้ จังหวัดสงขลา, สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี, ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช, บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา และสตูล, สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านศรีธรรมราช, สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา, สถานสงเคราะห์เด็กชายจังหวัดยะลา, สถานพัฒนาและฟื้นฟูเด็กจังหวัดสุราษฎร์ธานี, ศูนย์พัฒนาการสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดภูเก็ต และสงขลา และศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านทักษิณ จังหวัดยะลา

6) ภาคตะวันออก ได้แก่ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการการุณยเวศม์ จังหวัดชลบุรี (ถนนสุขุมวิท), บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด ระยอง และปราจีนบุรี, สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านบางละมุง, สถานสงเคราะห์พัฒนาและฟื้นฟูเด็ก จังหวัดชลบุรี, สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กจังหวัดระยอง, ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางละมุง จังหวัดชลบุรี และศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี

กระทรวง พม. พร้อมเคียงข้างพี่น้องประชาชน หากต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ขอให้ติดต่อที่ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ผ่านสายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง .-314-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]