พม.เปิดหน่วยงานทั่วประเทศเป็นจุดพักรถ-พักคน ช่วงหยุดยาวสงกรานต์

กรุงเทพฯ 12 เม.ย. – “วราวุธ” เผย พม. เปิดหน่วยงานทั่วประเทศเป็นจุดพักรถ-พักคน ช่วงหยุดยาวสงกรานต์ รองรับพี่น้องประชาชน-กลุ่มเปราะบาง


นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ไทย 2568 นี้ มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน มีวันสำคัญคือ วันผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 13 เมษายน และวันแห่งครอบครัว ซึ่งตรงกับวันที่ 14 เมษายน ในนามของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ขออวยพรให้พี่น้องประชาชนทุกคนได้ใช้เวลาอย่างมีความสุขอยู่ด้วยกันกับครอบครัว ญาติพี่น้อง ปู่ย่า ตายาย และลูกหลาน เพื่อสร้างสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็งให้กับสังคมไทย

สำหรับพี่น้องประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวันนั้น ขอให้ทุกๆ คนเดินทางโดยสวัสดิภาพ ขับรถด้วยความระมัดระวัง ปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น และขอให้งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างเดินทาง เมาไม่ขับ และง่วงไม่ขับ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและดูแลพี่น้องกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. ได้แก่ เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และคนพิการ ประชาชนทั่วไป ให้มีความรู้สึกผ่อนคลาย เพื่อความปลอดภัยระหว่างการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวต่างจังหวัด ทางกระทรวง พม. โดยทีม พม. หนึ่งเดียวจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมถนนสายหลักและถนนสายรอง จึงได้เปิดพื้นที่หน่วยงานเป็นจุดพักรถบริการประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ตั้งแต่วันนี้-17 เมษายน 2568 โดยให้บริการที่จอดรถ ห้องน้ำคนพิการและผู้สูงอายุ มุมพักผ่อนสำหรับน้ำดื่ม กาแฟ อาหารว่าง พร้อมให้คำแนะนำปรึกษาด้านสิทธิสวัสดิการสังคมต่างๆ ของกระทรวง พม.


หน่วยงานทีม พม.หนึ่งเดียว จังหวัดทั่วประเทศ ที่เปิดจุดบริการประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 มีดังนี้
1) ภาคเหนือ ได้แก่ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดแพร่ พะเยา และตาก, สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งสันมหาพน จังหวัดเชียงใหม่, ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดน่านและแม่ฮ่องสอน, นิคมสร้างตนเองเขื่อนภูมิพล จังหวัดเชียงใหม่, ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการหยาดฝน จังหวัดเชียงใหม่ (ถนนสายเขื่อนแม่งัด), บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงราย น่าน แพร่แม่ฮ่องสอน ลำปาง สุโขทัย และอุตรดิตถ์, สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านเชียงใหม่, ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวจังหวัดเชียงราย ลำพูน และลำปาง, ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านธรรมปกรณ์ จังหวัดเชียงใหม่, ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดลำปาง

2) ภาคกลาง ได้แก่ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านกึ่งวิถี (ชาย) จังหวัดปทุมธานี (ถนนรังสิต-นครนายก), ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการบ้านโมกุล เฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ จังหวัดลพบุรี (อำเภอชัยบาดาล), บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครนายก นนทบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ และสุพรรณบุรี, สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนรังสิตและพญาไท, สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านมหาเมฆ, สถานแรกรับเด็กชายบ้านปากเกร็ด, สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านปากเกร็ด, สถานสงเคราะห์เด็กหญิงสระบุรี, สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ กทม., ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี, สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านสองแคว จังหวัดพิษณุโลก, ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครปฐม สุโขทัย และกำแพงเพชร, สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งวังทอง จังหวัดพิษณุโลก, นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์, นิคมสร้างตนเองทุ่งโพธิ์ทะเล จังหวัดกำแพงเพชร, นิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และนิคมสร้างตนเองประจวบคีรีขันธ์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค กทม., ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนเวศม์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และศูนย์พัฒนาการสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี

3) ภาคตะวันตก ได้แก่ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการจังหวัดราชบุรี (อำเภอเมือง) และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดราชบุรี


4) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ บ้านทองพูนเผ่าพนัส อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี, ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย, บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม บึงกาฬ มุกดาหาร ยโสธร เลย ศรีสะเกษ สกลนคร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี อุดรธานี และนครราชสีมา, สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กขอนแก่น, สถานสงเคราะห์เด็กบ้านแคนทอง, สถานพัฒนาและฟื้นฟูเด็กจังหวัดหนองคาย, สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านหนองคาย, ศูนย์พัฒนาการสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดนครพนม ขอนแก่น และบุรีรัมย์, ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น และศรีสะเกษ, สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์ จังหวัดนครราชสีมา, ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสุรินทร์ กาฬสินธุ์ นครพนม บึงกาฬ ร้อยเอ็ด อุดรธานี และอุบลราชธานี, สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งปรือใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ, สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งบ้านเมตตาจังหวัดนครราชสีมา, นิคมสร้างตนเองปราสาท จังหวัดสุรินทร์, นิคมสร้างตนเองโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย, นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อยจังหวัดอุบลราชธานี, นิคมสร้างตนเองลำโดมใหญ่จังหวัดอุบลราชธานี และนิคมสร้างตนเองลำปาวจังหวัดกาฬสินธุ์

5) ภาคใต้ ได้แก่ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราช และสงขลา, สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราช, นิคมสร้างตนเองรัตภูมิ จังหวัดสงขลา, นิคมสร้างตนเองขุนทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี, ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้ จังหวัดสงขลา, สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี, ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช, บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา และสตูล, สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านศรีธรรมราช, สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา, สถานสงเคราะห์เด็กชายจังหวัดยะลา, สถานพัฒนาและฟื้นฟูเด็กจังหวัดสุราษฎร์ธานี, ศูนย์พัฒนาการสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดภูเก็ต และสงขลา และศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านทักษิณ จังหวัดยะลา

6) ภาคตะวันออก ได้แก่ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการการุณยเวศม์ จังหวัดชลบุรี (ถนนสุขุมวิท), บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด ระยอง และปราจีนบุรี, สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านบางละมุง, สถานสงเคราะห์พัฒนาและฟื้นฟูเด็ก จังหวัดชลบุรี, สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กจังหวัดระยอง, ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางละมุง จังหวัดชลบุรี และศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี

กระทรวง พม. พร้อมเคียงข้างพี่น้องประชาชน หากต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ขอให้ติดต่อที่ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ผ่านสายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง .-314-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย