ขอตุลาการฯ ชุดใหม่ตัดประกาศคณะปฏิวัติออกจากกฎหมาย

โรงแรมอัศวิน 10 เม.ย.- อดีตตุลาการ ศาลรธน. ขอตุลาการฯ ชุดใหม่ตัดประกาศคณะปฏิวัติออกจากกฎหมาย พร้อมบอกฝ่ายการเมือง ถ้าไม่อยากให้ศาลรธน.ยุบพรรค ก็ควรแก้กฎหมาย ด้านนักวิชาการให้คะแนนเต็ม100 กับความอดทนต่อแรงเสียดทาน แต่ลดคะแนนการสื่อสารกับปชช. ขณะ “วรเจตน์” มองอนาคตสร้างความเชื่อมั่นเป็นองค์กรที่เป็นกลาง


สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จัดงานสัมมนาอภิปรายร่วมกัน หัวข้อ “ศาลรัฐธรรมนูญกับการก้าวสู่ทศวรษที่ 4 บทบาทและความคาดหวัง”
ประกอบด้วย ศาสตราจารย์ ดร.อุดม รัฐอมฤต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, ศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐรรมนูญ , ศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์, ศาสตราจารย์ ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมีนายบากบั่น บุญเลิศ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (เทอแลนต์) จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมกรรมการ บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งในช่วงแรกได้ให้วิทยากรแต่ละคนให้คะแนนการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ

โดยศาสตราจารย์พิเศษจรัญ กล่าวว่า ตนอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญมา 12 ปีเต็ม ทำงานเต็มที่ และพยายามศึกษาความเป็นมา เริ่มตั้งแต่คดีซุกหุ้น ศาลรัฐธรรมนูญถูกมองว่าไม่ใช่ศาลแต่เป็นองค์กรอิสระ และถูกตั้งฉายาว่าเป็นศาลการเมือง จึงต้องทำให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีสถานะเป็นศาลเป็นฝ่ายตุลาการของประเทศไม่ใช่เป็นเพียงการตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่ของรัฐ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ มีสถานะเป็นเพียงองค์กรอิสระ จะไม่มีความมั่นคงเข้มแข็งพอที่จะถ่วงดุลทางการใช้อำนาจอธิปไตย คือฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร ซึ่งป.ป.ช. ก็ตรวจสอบเฉพาะด้าน ทุจริตและประพฤติมิชอบ กกต. ก็รับหน้าที่ดูแลด้านการจัดการเลือกตั้ง ดังนั้นถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีสถานะเป็นฝ่ายตุลาการ เหมือนศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ จะไม่สามารถคานอำนาจหน้าที่ฝ่ายบริหารและฝ่าย นิติบัญญัติได้ และเห็นว่านับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ถือว่าศาลรัฐธรรมนูญทำภารกิจนี้สำเร็จ โดยถ้าจะให้คะแนน ก็จะให้80%


ศาสตราจารย์ ดร.ไชยันต์ กล่าวว่า สำหรับตนให้คะแนนดีมากสำหรับวิทยานิพนธ์ ที่ศึกษาบทบาท อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2541-57 ซึ่งที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญ มีคดีความจำนวนมาก ทั้งยุบพรรค ตัดสิทธิ์ทางการเมือง หากให้คะแนนความอึดอดทน อุตสาหะกับอ่านกฎหมายและกระแสโจมตี ให้ 100% และยังมีเรื่องของการคุกคามที่หนักมาก ซึ่งตนเห็นด้วยว่ถ้าไม่อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก็อย่าเขียนรัฐธรรมนูญให้มีบทบัญญัติ เรื่องการยุบพรรคแต่คะแนนการสื่อสาร ขอให้น้อย เพราะไม่ค่อยมีคำอธิบาย และสื่อสารกับประชาชน

ศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ กล่าวว่า การจัประเมินให้คะแนนศาลรัฐธรรมนูญค่อนข้างยาก เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันมาอย่างต่อเนื่อง จึงต้องประเมิน ในแต่ละช่วงเวลาจากรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับที่มีความแตกต่าง จะมีประเด็นหนึ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญ ทำได้ค่อนข้างทำได้ดีคือความอดทนต่อการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งที่ผ่านมาตนก็วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญเรื่อยมา และไม่เคยมีกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมาใช้อำนาจอะไรกับตนที่วิพากษ์วิจารณ์

ศาสตราจารย์ ดร.อุดม กล่าวว่า การจะบอก ว่าใครบวกใครลบ เกิดจากอคติหรือทัศนคติที่เรามี ซึ่งตนมีความคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญเกิดจากความคิด ที่จะพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ทำให้บ้านเมืองอยู่ภายใต้ระเบียบเหตุผลของกฎหมาย ไม่ใช่ต่างคนต่างว่ากันไปคนละทิศคนละทาง อยากมองว่าในบริบทของเรา เราเคยตั้งคำถามว่า มีศาลรัฐธรรมนูญไว้ทำไม ซึ่งตนคิดว่าคำถามนี้ไม่น่าจะมีอีกต่อไป เมื่อเรามีรัฐธรรมนูญก็จะมีคดีรัฐธรรมนูญขึ้นมา จึงจำเป็นต้องมีคนตัดสิน และถึงตอนนี้บ้านเมืองถึงจุดที่ ว่าควรต้องมีองค์กรขึ้นมาพิพากษา ข้อพิพาทในรัฐธรรมนูญ ทั้งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ใครควรถูกตัดสิทธิ ใครควรถูกยุบพรรค ซึ่งหลายเรื่อง มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ดังนั้นยากที่จะตอบ แต่สุดท้ายตนเชื่อในความสุจริตใจของตุลาการแต่ละท่าน แต่ละคนมีอุดมคติและความเข้าใจในแต่ละบริบท เมื่อตัดสินไม่ถูกใจ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งตนยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ท้ายสุดเราต้องยืนยันว่าสิ่งที่เราทำ ทำในฐานะคนที่ได้รับมอบหมาย ตนจึงมองว่าถ้าวันนี้ รัฐธรรมนูญกำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องทำหน้าที่ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาในเชิงกฎหมาย ก็คิดว่าเรามีองค์ความรู้ที่จะตอบโจทย์ตรงนี้ได้ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ ไม่ควรถามว่าสอบผ่านหรือไม่ แต่ควรถามว่าเราจะเดินหน้าไปอย่างไร


สำหรับแง่คิดมุมมองบทบาทและความคาดหวังของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ก้าวสู่ศตวรรษที่ 4 นั้น ศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ กล่าวว่า บทบาทของศาลรัฐธรรมนูญในช่วงท้ายเริ่มต้นขึ้น จากการทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะก่อนที่จะมีการรัฐประหารในปี 57 เป็นคำวินิจฉัยที่เปิดทางให้เกิดรัฐประหาร ซึ่งการตัดสินวินิจฉัยคดีส่งผลสะท้อนทางการเมือง และตั้งแต่ปี 50 ศาลรัฐธรรมนูญ กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีบทบาทและส่งผลต่อทิศทางทางการเมือง และในรัฐธรรมนูญปี 60 ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจมากขึ้น เช่นเพิ่มอำนาจในการตีความมาตราฐานจริยธรรมส่วนบุคคล ทำให้กลายเป็นบุคคลที่คิดเป็นชี้ตายทางการเมืองมากขึ้น ดังนั้นศาลต้องมองว่าการตีความจะส่งผลกระทบอะไรต่อไปในอนาคตข้างหน้า และการเป็นคนกลางในบริบทของชีวิตทางการเมืองหรือของรัฐธรรมนูญ คนจะมองว่าศาลยืนอยู่ตรงกลางจริงๆหรือไม่ แต่ในอนาคตควรจะปรับเปลี่ยนสถานะองค์กร ที่มาของตุลาการ อำนาจหน้าที่ รวมทั้งตัวบทกฎหมายวิธีพิจารณาความ และในระยะยาวควรมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ

ศาสตราจารย์ ดร.ไชยันต์ กล่าวว่า เป็นองค์กรที่จะช่วยทำให้ไม่เกิดปัญหาในสงคราม ความขัดแย้งที่จะชี้ว่าฝ่ายไหนผิดหรือถูก แต่ถ้าหากไม่มีใครฟังและสมมุติเกิดรัฐประหารขึ้น ไม่ได้ยุบศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีรัฐธรรมนูญให้ดูแลตุลาการจะอยู่ต่อไป ตามที่คณะรัฐประหารต่อเวลาให้หรือไม่ หรือตุลาการจะทำอย่างไร หากไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ ใครจะมาดูแลรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎร, วุฒิสภาหรือรัฐสภาจะดูแลได้หรือไม่ หรือให้องค์กรไหนดูแล

ศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ กล่าวว่า ประกาศของคณะปฏิวัติมีสถานะเป็นกฎหมายยั่งยืนยาวนาน แม้พ้นภารกิจไปแล้ว ดังนั้นประกาศของคณะปฏิวัติไม่น่าจะเป็นกฎหมายได้อีกต่อไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาที่แก้ไม่จบ เพราะเขียนไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ จึงอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญชุดปัญจจุบัน แก้ให้ได้ เพียงแค่วินิจฉัยว่าคณะปฏิวัติที่พ้นจากอำนาจไปแล้วบรรดาคำสั่งประกาศที่เคยเป็นกฎหมาย พ้นสภาพความเป็นกฎหมายต่อไป ถ้าตุลาการใช้อำนาจที่มีสามารถกำหนดเงื่อนไขเงื่อนเวลาสภาพบังคับคำวินิจฉัยได้ ส่วนประกาศใดของคณะรัฐประหารที่ต้องการให้เป็นกฎหมายต่อก็ให้ออกเป็นพ.ร.บ.ผ่านสภาฯ แต่ก็ไม่ทำ นี่คือสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญยุคใหม่และสิ่งที่ประชาชนคนไทยอยากเห็นอยากได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้อย่างไรถ้าเอาประกาศคณะปฏิวัติมาเป็นกฎหมาย และขอร้องฝ่ายการเมือง ฝ่ายนิติบัญญัติอย่า เขียนกฎหมายให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลใด ต้องสั่งให้ยุบพรรคการเมือง มันไม่มีประโยชน์อะไร เพราะการยุบพรรคการเมืองทำให้ประชาชน ที่สามัคคีกันกลายเป็นเผชิญหน้า

ส่วนการดำเนินงานของศาลธรรมนูญขอ 3 ข้อ คือ 1.ไม่เปิดช่องให้อำนาจรัฐ อำนาจทุน อำนาจเถื่อน เข้ามาแทรกแซงชี้นำครอบงำ การทำงานของเหล่าตุลาการ 2.ต้องสำรวจมาตราฐานของศาลรัฐธรรมนูญของนานาประเทศ ว่าเราชอบธรรมหรือไม่ ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานสากล แต่ต้องปรับให้พร้อมกับอารยธรรมชีวิตและระบบกฎหมายของไทย เช่น ประเทศอื่นมีกาสิโนมีเงินเข้าประเทศ 2-3หมื่นล้านบาท แต่อารยธรรมของไทยไม่ใช่ 3.เราต้องทำภารกิจที่สำคัญอีกอย่างคือใช้นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่กอบโกยกันตามกำลัง มือใครยาวสาวได้สาวเอา

ศาสตราจารย์ ดร.อุดม กล่าวว่า ถ้าเราวางศาลรัฐธรรมนูญให้ทำหน้าที่คุ้มคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ในขณะเดียวกัน ต้องรักษากติกาสร้างเสถียรภาพ การเมืองการปกครองให้บ้านเมืองสามารถดำรงอยู่ได้มั่นคงนั้น ทั้ง 2 สิ่ง บางเรื่องเหมือนจะไปด้วยกัน แต่บางเรื่องเหมือนจะไม่ไปด้วยกัน เพราะมุมมองทัศนคติของแต่ละคนแตกต่างกัน จึงอาจจะจำเป็นต้องสร้างมาตรฐานในการทำความเข้าใจกัน โดยใช้เหตุผล และจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าปัญหาบ้านเมืองของเราเป็นอย่างไร ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะเราต่างคนต่างโทษกันไป จึงจำเป็นต้องพยายามหาเกณฑ์ตรงกลาง และหาสมดุล แต่ในหลายเรื่องที่คณะตุลาการพิจารณามีความปรารถนาดีอยากเห็น ทางออกที่เหมาะสม.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]

เพื่อไทยโพสต์พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

กรุงเทพฯ 5 ก.ย.- พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขอบคุณทุกแรงใจ ระบุ นโยบายหลายเรื่องค้างไว้ รอวันกลับมาสานต่อ ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติ 311 เสียง เห็นชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า “พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน…ตลอดไป” .-316 -สำนักข่าวไทย