กกต.จัด kick off ชวนปชช. ใช้สิทธิเลือกตั้งเทศบาล

10 เม.ย.- กกต.จัด kick off ชวนประชาชนออกมา เลือกตั้งเทศบาล ยืนยันความพร้อมอำนวยความสะดวก ตั้งเป้าคนลงคะแนนร้อยละ 70 เน้นย้ำผู้สมัครตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม รับรองตัวเอง ไม่มีสิทธิโดนโทษหนัก


สำนักงานคณะกรรมการจัดกิจกรรม kick off การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี “สร้างสรรค์ประเทศไทยพร้อมใจไปเลือกตั้ง” ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 กรณีครบวาระจำนวน 76 จังหวัด 2,469 แห่ง โดยเป็นการเลือกตั้งทั้งสมาชิกและนายกเทศมนตรี จำนวน 2,121 แห่ง เป็นการเลือกตั้งเฉพาะสมาชิกสภาเทศบาล จำนวน 348 แห่ง เนื่องจากมีการเลือกกรณีพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุอื่นนอกจากครบวาระไปก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเสวนา เพื่อรณรงค์และสร้างสรรค์การรับรู้ถึงความสำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี และกระตุ้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง และออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยมีนางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และนายสุทธิพงษ์ เชาวน์แล่น ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และยังมีหน่วยงานผู้แทนภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมกิจกรรม


นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานเปิดกิจกรรม kick off เลือกตั้งเทศบาล กล่าวว่ากิจกรรมครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญช่วยส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีที่จะมีขึ้น เป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นกระบวนการที่สำคัญในการเสริมสร้างการปกครองท้องถิ่นให้เข้มแข็ง ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง เพื่อพัฒนาท้องถิ่นของตนเองให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน พร้อมขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนมั่นใจว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงาน กกต.และภาคีเครือข่ายจัดการเลือกตั้งทุกภาคส่วนมีความพร้อมที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย และพร้อมอำนวยความสะดวกในการออกไปใช้สิทธิของประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม พร้อมขอเชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ซึ่งกกต.ได้มีการจัดทำ application smart vote ให้ทุกคนศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งได้อย่างครบถ้วน สะดวกและรวดเร็วเพื่อสร้างความพร้อมให้แก่ตนเองในการออกไปใช้สิทธิอย่างมีคุณภาพ และเพื่อให้ทุกเสียงมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศให้รุ่งเรืองสมกับชื่อกิจกรรม “สร้างสรรค์ประเทศไทย พร้อมใจไปเลือกตั้ง”

นายอิทธิพร ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมของ กกต.ในการจัดการเลือกตั้ง โดยยืนยันว่ามีความพร้อมทุกด้านทั้งบุคลากร การประชาสัมพันธ์ รวมถึงภาคีเครือข่ายที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการเลือกตั้งก็มีความพร้อมไม่ว่าจะเป็นกรมการปกครอง กรมประชาสัมพันธ์ โดยจะพยายามประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงความสัมพันธ์ของการเลือกตั้งท้องถิ่นในรูปแบบเทศบาล รวมถึงบัตรเลือกตั้งก็จัดพิมพ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว มีบัตร 2 ใบ โดยสีเหลืองทองจะเป็นบัตรเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและบัตรเลือกตั้งสีเขียวสำหรับเลือกสมาชิกสภาเทศบาล ทั้งนี้ขั้นตอนการรับสมัครเสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ประกาศรายชื่อ โดยวันที่ 11 เมษายนจะมีการประกาศรายชื่อผู้สมัครหลังผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม

ส่วนจะมีการจับตาพื้นที่ไหนเป็นพิเศษในการส่งชุดเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่ไปตรวจสอบ นายอิทธิพรกล่าวว่า กกต.มีชุดเคลื่อนที่เร็วทุกจังหวัด โดยประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่พบยังมีความเรียบร้อย และก็หวังว่าทุกฝ่ายจะปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะแนวโน้มการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่ผ่านมาลดลงเรื่อยๆ โดยดูจากคำร้อง ซึ่งในการเลือกตั้งระดับ อบจ.ปี 2563 มีคำร้อง 600 กว่าเรื่อง และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2568 มีคำร้อง 500 กว่าเรื่อง เชื่อว่าแนวโน้มน่าจะดีขึ้นเรื่องการแข่งขัน เรื่องการร้องเรียนการทำผิดกฎหมายก็จะน้อยลง และกกต. ได้เตรียมความพร้อม ยืนยันว่า กกต.ได้เตรียมความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งแล้วพร้อมจะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมและชอบด้วย โดยครั้งนี้ตั้งเป้าว่าจะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 70 เนื่องจากครั้ง ที่ผ่านมามีประชาชน ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 66 แม้ว่ายอดเฉลี่ยจะดูน้อย แต่มีบางจังหวัดที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก เช่นจังหวัดพัทลุง ร้อยละ 83 ดังนั้น จึงต้องเพิ่มความพยายามในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการเลือกตั้ง


ส่วนการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครบางรายที่อาจมีลักษณะต้องห้ามในการลงรับสมัครเลือกตั้ง นายอิทธิพร กล่าวว่า โดยปกติ กกต.ก็จะมีหนังสือไปสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้สมัครทุกคนก็ควรต้องตระหนัก ว่าตัวเองมีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอย่างไรหรือไม่ ซึ่งมีข้อห้ามบัญญัติไว้ชัดเจนตามกฎหมายดังนั้นเป็นหน้าที่ของผู้สมัคร ที่ต้องรับรองตัวเองด้วยหากมาสมัครโดยไม่มีสิทธิ์ก็จะโดนดำเนินคดี ตามมาตรา 120

นายอิทธิพรยังกล่าวถึงช่องทางในการตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกตั้งระดับเทศบาล โดยสามารถตรวจสอบ 3 ช่องทาง คือเอกสารแจ้งเจ้าบ้าน ซึ่งจะแจกให้กับทุกบ้านอย่างน้อย 15 วันก่อนการเลือกตั้ง เว็บไซต์กกต. และ แอปพลิเคชั่นสมาร์ท โหวต หลังจากนี้ก็จะมีการนำข้อมูลของผู้สมัครทุกรายประชาชนได้ศึกษา สำหรับมีผู้มาสมัครการเลือกตั้งในระดับเทศบาลมีผู้มาสมัคร 65,000 คนโดยสมัครนายกเทศมนตรี ประมาณ4,500 คน ส่วนที่เหลือเป็นการสมัครสมาชิกสภาเทศบาล รวมถึงยังสามารถใช้แอปพลิเคชัาน ดังกล่าวตรวจสอบที่ตั้งของหน่วยเลือกตั้งและแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิได้

นายอิทธิพร ยืนยืนยันว่าการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย กกต.พยายามรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งและผู้สมัครที่ได้รับเลือกก็จะมีความภาคภูมิใจ จึงขอเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ในวันดังกล่าวและ กกต.ก็พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้สะดวกให้ประชาชนได้มาใช้สิทธิในการเลือกตั้ง .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]