สว.สำรอง บุก กกต. ร้องให้ชี้แจง “เลขาฯ แสวง” ละเว้นหน้าที่

กกต. 2 เม.ย.- สว.สำรอง บุก กกต. ยื่นจดหมายฉบับที่ 7-8 เรียกร้องให้ชี้แจง “เลขาฯ แสวง” ละเว้นหน้าที่ เปิดหีบบัตรเลือก สว.


กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกฉบับที่ 7 และ 8 ถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. และ กกต. เพื่อขอทราบผลการดำเนินการกับนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และขอให้มีการเปิดหีบบัตรลงคะแนนเพื่อตรวจสอบความสุจริต

โดยตามหนังสือเปิดผนึกฉบับที่ 7 ได้อ้างถึง สว.สำรอง นำเรียนหารือและขอทราบผลการดำเนินงานจาก กกต. จำนวน 4 ประเด็นดังนี้ 1.การดำเนินการพิจารณาข้อบกพร่องที่เป็นความผิดทางวินัยของนายแสวง จะดำเนินการอย่างไร และจะมีผลประการใด 2.การพิจารณาดำเนินการทางวินัยของคณะกรรมการไต่สวนคณะที่ 19 ได้ดำเนินการแล้วหรือไม่ อยู่ในขั้นตอนใด และมีผลเป็นอย่างไร 3.ตามที่มีการขอทราบผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของนายนายแสวง ในรอบการประเมินที่ผ่านมาล่าสุดผลเป็นอย่างไร เพราะยังไม่มีคำตอบจากทาง กกต. และ 4.เพื่อให้การสืบสวนไต่สวนเกี่ยวกับการร้องคัดค้านการเลือก สว.2567


ที่ผ่านมา มีความ ชัดเจนแล้วว่ามีการใช้โพย (ใบสั่ง) ประกอบในการลงคะแนนในวันเลือกรอบประเทศ ดังนั้นการที่จะทำให้การสืบสวนไต่สวนเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม รวมทั้งดำเนินการไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จึงขอยืนยันให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ของนายแสวง ในฐานะเลขาธิการ กกต.ไว้เป็นการชั่วคราว

อีกทั้งตามหนังสือเปิดผนึกฉบับที่ 8 ได้อ้างถึง สว.สำรอง นำเรียนหารือและขอทราบผลการดำเนินงานจาก กกต. จำนวน 3 ประเด็นดังนี้ 1.ขอให้นำสำนวนการสืบสวนไต่สวนที่เป็นเครือข่ายเกี่ยวกับการจัดทำโพยการเลือก สว.รวมเป็นสำนวนเดียวกัน รวมทั้งขอเสนอให้นำสำนวนการร้องคัดค้านที่ พล.ต.ท.คำรบ กับคณะ รวม 112 คน ได้ร้องเรียนไว้ที่คณะสืบสวนไต่สวนที่ 18 ซึ่งมีการสืบสวนสอบสวนผู้เกี่ยวข้องไว้ส่วนหนึ่งแล้ว เป็นสำนวนหลักในการที่จะพิจารณาดำเนินการ แล้วสืบสวนสอบสวนพยานอื่นที่เกี่ยวข้องประกอบเพิ่มเติม โดยเฉพาะข้อมูลที่มีสาระสำคัญจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

2.ขอให้มีการเปิดหีบบัตรลงคะแนนที่มีการเก็บไว้ที่ กกต. จำนวน 40 หีบ ที่ใช้ในวันเลือกรอบประเทศ พร้อมทั้งเปิดภาพที่บันทึกในกล้องซีซีทีวี ให้สาธารณะชน สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไปได้ตรวจพิสูจน์และนำผลข้อมูลการเลือก พร้อมทั้งบัตรลงคะแนนมาเปรียบเทียบกับโพยจัดตั้ง ที่ได้มีการยึดมาได้ทั้งหมด ว่ามีหมายเลขตรงกันอย่างชัดเจน เพื่อแสดงให้เห็นว่าหมายเลขในโพยจัดตั้งทั้งหมดได้คะแนนมาโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม 3.คณะสว.สำรอง ยังคงยืนยันขอให้ทางสำนักงาน กกต. และกกต.ปรับปรุงฝ่ายประชาสัมพันธ์ และฝ่ายสื่อสารองค์กร เพื่อให้มีการสื่อสารกับผู้ที่มาติดต่อและสังคมภายนอกและประชาชนทั่วไปให้กว้างขวางมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน


ด้าน พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า วันนี้เราจะมาทวงถามการดำเนินการการยื่นจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 1 -6 มีความคืบหน้าอย่างไร รวมถึงการให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายแสวง ผลการดำเนินงานพิจารณาตรงนี้อยู่ในขั้นใด รวมถึงขอทราบผลการประเมินว่าการทำงานที่ผ่านมาของนายแสวงเป็นอย่างไร อีกทั้งยังไม่ได้รับคำตอบใดจากทาง กกต. รวมถึงการสืบสวนถึงแม้ว่าจะมีทางดีเอสไอมาร่วมสืบสวนด้วยแต่ทิศทางในการดำเนินการในเรื่องของสำนวนต่าง ๆ นั้นยังไม่มีความชัดเจนที่จะเป็นการเปิดเผยจากทาง กกต.

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวอีกว่า ข้อสำคัญคือเรื่องการเปิดหีบบัตรลงคะแนนที่มีการเก็บไว้จำนวน 40 หีบ ให้มีการตรวจสอบแต่ผ่านมาระยะเวลา 9 เดือนแล้วยังมีการดำเนินการแต่อย่างใด เราจะมีการออกมาเรียกร้องเช่นนี้อยู่อีกเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีการเปิดหีบตรวจสอบ อีกทั้งที่ผ่านมาเราได้ใช้วิธีส่งจดหมายเปิดผนึกและบางครั้งก็เป็นการส่งจดหมายปิดผนึก ถึงคณะกรรมการ กกต. เพราะยังไม่มีการติดต่อหรือพูดคุยจากทาง กกต.เลย ย้ำว่าหากจะมีการตอบรับ ครั้งหน้าเราจะมาเรียกร้องอีก

เมื่อถามว่าหลังจากนี้หากยังไม่มีความคืบหน้า จะมีการฟ้องร้องการทำงานของกกต.โดยตรงหรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เราได้มีการฟ้องร้องแล้ว เมื่อช่วงที่ผ่านมาคณะ สว.สำรอง ก็ได้ไปฟ้องร้องที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) โดยได้ฟ้องนายแสวงโดยตรง เพราะทำหน้าที่หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติหน้าที่ที่ควรจะต้องปฏิบัติตามมาตรา 32 และพ่วงด้วยมาตรา 157 อีกทั้งคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ มีการนำเรื่องที่ตนได้ร้องเรียนไปสืบสวนและไต่สวนเพิ่มเติม และคงจะมีการเรียกตนเข้าไปชี้แจง

เมื่อถามถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ รับคำร้องของ สว. ที่ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานกรรมการคดีพิเศษ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองประธานกรรมการคดีพิเศษ สิ้นสุดลงหรือไม่พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบคำร้องของ สว.แล้ว จึงได้เกิดข้อสงสัยว่า สว.ใช้สถานะอะไรในการยื่นร้อง แต่มาตรา 185 ของรัฐธรรมนูญ กำหนดไว้ชัดเจนว่า สส. และ สว. ต้องไม่ใช้สถานะของตนเอง แทรกแซงฝ่ายบริหารหรือฝ่ายราชการ เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือผู้อื่นดังนั้น การยื่นร้องครั้งนี้ อาจเข้าข่ายการกระทำผิดตามมาตรา 111 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจนำไปสู่ การขาดคุณสมบัติการเป็น สว.ทันที

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวอีกว่า กรณีการเปิดหีบบัตรลงคะแนน เราได้มีการเน้นย้ำมาตลอด แต่ยังไม่เคยมีคำตอบใด ไม่ว่าจะหีบบัตรลงคะแนนหรือกล้องซีซีทีวี ทางนายแสวงจะต้องเก็บหลักฐานไว้ เพราะเป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการเลือก สว.ซึ่งต้องดำเนินการตามมาตรา 30 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา และการที่เราได้ขอให้เรียกร้องเปิดเผยข้อมูลบัตรลงคะแนนนั้น ไม่ใช่การกระทำเกินหน้าที่ของนายแสวง รวมถึงตนได้ทราบอีกว่าทางคณะกรรมการเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ร่วมกับ กกต.ก็มีแนวคิดที่จะให้ทาง กกต.เปิดหีบตรวจสอบเช่นกัน หลังจากได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นพยานบุคคลไว้แล้ว เชื่อว่าสุดท้ายจะมีการเปิดหีบบัตรลงคะแนนเพื่อตรวจสอบ โดยใช้เวลาหนึ่งวันก็เพียงพอที่จะตรวจสอบและเรียนเชิญสื่อมวลชนมาตรวจสอบด้วยเช่นกัน

เมื่อถามอีกว่าได้มีการยื่นคำร้องมา 9 เดือนแล้วที่จะขอเข้าพบ กกต.มีจุดประสงค์ได้หรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เราอยากจะสอบถามความจริง จากทางเราเองและสื่อมวลชน แต่ไม่เคยได้รับคำตอบกลับมา มีเพียงคำแค่อยู่ในการดำเนินการ นับถอยหลังไม่นานก็ได้รับจดหมายตอบกลับว่าเรื่องของเราได้รับการยกคำร้อง ซึ่งตรงนี้เราอยากได้คำอธิบาย

เมื่อถามอีกว่ากรณีประธาน กกต.ชี้แจ้งว่าจะให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ของนายแสวงไม่ได้ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า มีกรณีของ พ.ต.อ.มนัส นครศรี ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดสมุทรปราการ ได้ขอให้พิจารณาตั้งคณะกรรมการคดีวินัยนายแสวง ซึ่งการที่จะกล่าวหาได้ต้องมีมูลและหลักฐาน หลังจากนั้นตามมาตรา 53 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่มีการระบุไว้ว่าหากพนักงานผู้ใดมีความไม่สุจริตและเที่ยงธรรม และหากมีข้อสงสัยใดให้สามารถตั้งกรรมการคดีวินัยทันที เพราะฉะนั้น กกต.จะต้องมีการดำเนินการตามข้อกล่าวหา และมีการระบุไว้ว่าหากมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ก็ต้องมีการพักงานบุคคลที่โดนกล่าวหานั้นด้วย ส่วนจะมีความผิดหรือไม่ก็อยู่ที่คณะกรรมการไต่สวน .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]