“ปชน.” ตั้ง 6 ทีมภารกิจย่อยติดตามตรวจสอบแผ่นดินไหว

อาคารอนาคตใหม่ 1 เม.ย.- “พรรคประชาชน” ตั้ง 6 ทีมภารกิจย่อยติดตาม-ตรวจสอบเหตุแผ่นดินไหว สร้างความเชื่อมั่นผู้ประสบภัย “เท้ง” มองรัฐบาลเปิดให้ตรวจสอบเหตุอาคาร สตง. ถล่ม เป็นก้าวแรกที่ดี ควรต้องตอบสนองเร็ว-โปร่งใส วางตัว “สุรเชษฐ์” สอบละเอียด ตั้งแต่ TOR ถึงการก่อสร้าง ขณะ “สิทธิพล” ลุยสางทุนจีนเอาเปรียบผู้ประกอบการ


นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในกรณีเหตุแผ่นดินไหว โดยระบุว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อทุกความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวในครั้งนี้ รวมถึงส่งกำลังใจไปยังเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้างาน และครอบครัวญาติพี่น้องทุกคนที่กำลังติดตามฟังข่าวอย่างใกล้ชิดในเรื่องการกู้ชีพและค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มที่เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ภารกิจหนึ่งเดียวของพรรคประชาชนในช่วงเกิดเหตุภัยพิบัติ 2-3 วันมานี้ เป็นไปเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วย ให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด


นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ทันทีที่ทราบเหตุเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากตนเองจะได้ลงพื้นที่ไปยังจุดที่อาคาร สตง. ถล่มแล้ว ยังได้สั่งการไปยังเครือข่ายทีมงานจังหวัดของพรรคประชาชนทั่วประเทศ รวมถึง สส. ในเขตต่างๆ หลายจังหวัด ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อนำมาประสานงานต่อและให้ความช่วยเหลือ นำมาสู่การเปิดเว็บไซต์ earthquake.peoplesparty.or.th เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (29 มีนาคม) เพื่อแสดงผลให้เห็นว่ามีประชาชนในพื้นที่ใดบ้างได้รับผลกระทบในขณะนี้

นายณัฐพงษ์ระบุว่า เราเร่งดำเนินการเพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น ที่จะเข้าพักอาศัยในอาคารสูงต่อไปได้ ตนเองได้ลงพื้นที่ไปกับ สส. และสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย เพื่อเข้าตรวจอาคารเบื้องต้น ซึ่งไม่ใช่การตรวจแบบทางการที่ผู้ตรวจต้องได้รับอนุญาตจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ภารกิจนี้ทำไปเพื่อช่วยเติมเต็มพื้นที่ในปริมณฑล เช่น นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เพื่อให้ประชาชนอย่างน้อยมีความเชื่อมั่นว่าอาคารมีความปลอดภัยเพียงพอที่จะดำเนินชีวิตต่อไปได้

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือต้องทำงานอย่างเป็นระบบ โดย นายวิโรจน์ ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าคณะช่วยเหลือเหตุภัยพิบัติน้ำท่วมในภาคเหนือมาแล้ว ครั้งนี้ได้รับมอบหมายจากตนในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ในการเตรียมคณะทำงานแล้วบางส่วน ทั้งเรื่องการเยียวยาเฉพาะหน้า เช่น เตรียมข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน และมาตรการระยะยาวได้เตรียมข้อมูลมาสื่อสารให้เกิดความชัดเจน ว่าพรรคประชาชนในฐานะตัวแทนประชาชนในเหตุวิกฤตขณะนี้ เราตั้งใจทำงานเพื่อสนับสนุนทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนโดยเร็วที่สุด


จากนั้น นายวิโรจน์ ได้แถลงรายละเอียดของคณะทำงานภารกิจย่อยทุกชุด โดยภารกิจตรวจสอบอาคาร มอบหมาย พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ติดตามความคืบหน้าต่อไป อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่ อาคารที่เป็นที่ชุมนุมคน อาคารอยู่อาศัยรวม โรงแรม โรงงาน สถานบริการ ป้าย บิลบอร์ดต่างๆ จำเป็นต้องให้วิศวกรเจ้าของโครงการ ตรวจรับอย่างเป็นทางการอีกครั้ง การตรวจอาคารเหล่านี้จำเป็นต้องเร่งรัดและจัดลำดับความสำคัญอย่างถูกต้อง และได้แบ่งหัวหน้าคณะทำงานภารกิจย่อย 6 ภารกิจ แบ่งเป็น

  1. ภารกิจช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้เข้าถึงการเยียวยาจากภาครัฐ ตามมาตรา 30 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ตลอดจนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในกรณีเหตุแผ่นดินไหว พรรคได้มอบหมายให้ นายศุภณัฐ มีนชัยอนันต์ สส.กทม. พรรคประชาชน รับผิดชอบ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์เริ่มคลี่คลาย และหลังภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยอาคาร สตง. ถล่มผ่านพ้นไปแล้ว นายศุภณัฐ จะประสานกับกับ กทม. ถึงหลักเกณฑ์แบบฟอร์มในการเข้ารับการเยียวยา ให้ผู้รับผลกระทบที่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับการเยียวยาอย่างรวดเร็วที่สุด และยังต้องเร่งประสานกับ คปภ. ให้ประชาชนได้รับการชดเชยจากบริษัทประกันภัยอย่างเป็นธรรม
  2. กรณีพบว่าไซต์ก่อสร้างอาคาร สตง. มีการจ้างงานในรูปแบบเหมาช่วงเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องมีการสำรวจโดยละเอียดว่า มีคนงานในพื้นที่จริงกี่คน สูญหายกี่คน ซึ่งพรรคพบเพิ่มเติมว่า มีลูกจ้างจำนวนไม่น้อยที่นายจ้างไม่ได้ลงทะเบียนในระบบประกันสังคม ต้องดูว่ารัฐบาลจะเยียวยาได้หรือไม่ ซึ่งมอบหมายให้ นายเซีย จำปาทอง สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ดูแลในภารกิจนี้
  3. ภารกิจการตรวจสอบอาคาร สตง. ถล่ม พรรคมอบหมายให้ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบประเด็นข้อสงสัยต่างๆ อย่างละเอียด ตั้งแต่ TOR การประมูลจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารสัญญา การออกแบบอาคาร การควบคุมการก่อสร้าง และการใช้วัสดุต่างๆ ซึ่งต้องดำเนินการอย่างรัดกุมรอบคอบ ต้องไม่ด่วนสรุปหรือทิ้งประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เนื่องจากอาจทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ในการเรียกร้องจากบริษัทประกันภัยได้
  4. การตรวจสอบทุนต่างชาติเข้ามากินรวบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าวไทย พรรคได้มอบหมายให้ นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.แบบบัญชีรายชือ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ติดตามตรวจสอบว่ามีการใช้นอมินีคนไทยมาถือหุ้นแทนบริษัทจีนหรือบริษัทต่างชาติใดหรือไม่ และเข้ามาทำธุรกิจที่ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการชาวไทยหรือไม่
  5. กรณี Cell Broadcast พรรคมอบหมาย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ติดตามให้มั่นใจว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีระบบ Cell Broadcast เพื่อแจ้งเตือนสาธารณภัยได้อย่างทันท่วงที แต่ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดการ ต้องติดตามว่ารัฐบาลจะใช้ระบบหรือช่องทางใดในการเตือนภัยพิบัติไปพลางก่อน

และ ภารกิจสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด แผนการรับมือกับภัยพิบัติระยะยาว ซึ่งจำเป็นต้องบูรณาการทั้งระบบราชการและระบบงบประมาณ ให้ประชาชนมั่นใจต่อการรับมือภัยพิบัติ ซึ่ง นายณัฐพงษ์ กล่าวสรุปว่า ความเชื่อมั่นของประชาชนจะเกิดขึ้นได้ ต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและชัดเจนมากเพียงพอ การตั้งระบบบริหารจัดการภัยพิบัติรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง เพื่อให้รัฐบาลเห็นในภาพรวม พร้อมขอชื่นชมการทำงานหลายภาคส่วนทั้งรัฐบาลและ กทม. ในการบริหารจัดการสถานการณ์ เช่น ระบบ Traffy Fondue ที่มองว่ามีความพร้อม และรัฐบาลสามารถนำมาปรับใช้ได้ในทุกจังหวัด เพราะในบางจังหวัดมีหลายช่องทางร้องเรียน อาจทำให้ประชาชนสับสน จึงคิดว่า Traffy Fondue เป็นตัวอย่างที่ดีของ กทม. ที่รัฐบาลสามารถนำไปปรับใช้ในจังหวัดอื่นๆ ได้ทันที

นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงข้อเสนอในระยะยาว เหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่เพิ่งเกิดขึ้น ต้องยอมรับว่ายังมีอาคารอีกหลายแห่งที่สร้างก่อนกฎกระทรวง พ.ศ. 2550 ว่าด้วยการก่อสร้างอาคารเพื่อรองรับผลสะเทือนจากแผ่นดินไหว อย่างน้อยการวางแผนในระยะยาวหากมีแผ่นดินไหวครั้งต่อไป รัฐบาลจะมีตัวเลขที่ชัดเจนแถลงให้ประชาชนรับทราบว่าอาคารใดบ้างจำเป็นต้องมีการเสริมความแข็งแรงตามหลักวิศวกรรมให้พร้อมรองรับเหตุแผ่นดินไหวที่อาจจะรุนแรงมากขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ เรื่องระบบ Cell Broadcast นายกรัฐมนตรีให้ความชัดเจนแล้วว่าจะพร้อมใช้ในช่วงเดือนกรกฎาคม ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนในการติดตั้งระบบ และเราจะทำหน้าที่ในฐานะพรรคการเมืองและ สส. ในการช่วยติดตามต่อไป ช่วงเวลา 3-4 นาทีก็มีความหมาย ในการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติ

จากนั้น เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม เมื่อถามว่ามีกรอบระยะเวลาในการทำงานหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตราบใดที่ยังมีความเดือดร้อนอยู่ ผู้ที่ได้รับผลกระทบยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ คณะทำงานชุดนี้ก็จะทำงานต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการตรวจสอบ ส่วนรูปแบบที่จะเสนอไปยังรัฐบาล คิดว่าคงใช้หลายๆกลไกเช่นกลไกในกรรมาธิการ ที่สามารถทำรายงานส่งข้อเสนอแนะและข้อสังเกตไปยังรัฐบาลได้รวมถึงการแถลงข่าวซึ่งจะใช้ทุกช่องทางที่มีอยู่

เมื่อถามว่าขณะนี้ประชาชนยังวิตกกังวลอยู่ รัฐบาลควรมีการรวมศูนย์ข้อมูลเพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่น ทันทีที่เกิดเหตุภัยพิบัติ อย่างน้อยการออกมาสื่อสารให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน ว่ารัฐบาลดูแลอยู่และมีช่องทางใดให้ประชาชนติดต่อขอความช่วยเหลือ ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

นอกจากระบบการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์การจัดการที่มีประสิทธิภาพ อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องความโปร่งใส ต้องยอมรับตามข้อเท็จจริงว่าขณะนี้ มีข้อสงสัยจากหลายภาคส่วนในสังคม ต่อเหตุการณ์ที่ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ถล่ม ตนเองคิดว่า ในส่วนที่มีการเปิดให้เข้าตรวจสอบต่าง ๆ ถือเป็นก้าวแรกที่ดีแต่ขั้นตอนต่อจากนี้จนถึงได้ข้อสรุป ว่าเหตุที่ตึกถล่มเกิดจาก แบบที่ไม่รองรับไม่ดี หรือเกิดจากการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานกระบวนการทั้งหมดต้องมีความโปร่งใสสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้

ส่วนจำเป็นหรือไม่ที่ดีเอสไอต้องรับเป็นคดีพิเศษนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน เพราะ จากการตรวจสอบของคุณภาพเหล็ก พบว่ามีบางส่วนที่อาจไม่ได้มาตรฐาน แต่ส่วนใหญ่ก็อาจผ่านเกณฑ์อยู่ เพราะฉะนั้นตอนนี้อาจจะเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าเกิดจากแบบการก่อสร้าง หรือว่าเกิดจากที่วัสดุไม่ดีหรือการควบคุมการก่อสร้างไม่ดี จึงคิดว่าควรรอให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อน ถึงจะตอบได้ว่าควรดำเนินการต่อไปอย่างไร

เมื่อถามว่าขณะนี้มีการล็อบบี้ว่าให้ตรวจสอบตึกสตงอย่างโปร่งใสมองอย่างไรนั้น นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า สิ่งสำคัญในช่วงเหตุวิกฤตคือการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน นอกจากการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ก็คือเรื่องของความโปร่งใสด้วย ถ้ากระบวนการตรวจสอบ หากรัฐบาลดำเนินการโปร่งใสไม่มากเพียงพออาจทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นได้ เพราะฉะนั้นหลังจากนี้เป็นต้นไป เพื่อทำให้ประชาชนทุกคนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐมากขึ้น และคลายข้อกังวลใจต่อเหตุภัยพิบัติมากขึ้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐควรดำเนินการ ด้วยความโปร่งใสอย่างตรงไปตรงมา.-312- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

โรงงานพลุระเบิด เสียชีวิต 9 ราย เจ็บสาหัสอีกจำนวนหนึ่ง

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุโรงงานพลุระเบิด ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนหนึ่ง ความคืบหน้าเหตุโรงงานพลุระเบิด ที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่บ้านโพธิ์ทราย ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 9 ราย และผู้บาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนหนึ่ง บ้านเรือนเสียหาย 2 หลัง รถยนต์ 1 คัน เบื้องต้นไม่พบใบอนุญาตทำพลุ เจ้าหน้าที่ EOD และพิสูจน์หลักฐานเร่งดำเนินการตรวจสอบ ขณะที่ดินปืนยังปะทุไม่หยุด ลูกสาวของคนงานรายหนึ่งที่เข้าไปทำงานในบ้านหลังดังกล่าว เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า แม่ของตนปกติทำงานที่ไร่แตงโม เพิ่งมารับจ้างทำพลุลูกนกได้ประมาณ 2 วัน ตอนนี้พยายามโทรติดต่อแม่ แต่ติดต่อไม่ได้ ภาวนาขอให้แม่ปลอดภัย สำหรับเหตุการณ์พลุระเบิดในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่เฉพาะที่ ต.บ้านโพธิ์ เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ปี 2549 ปี 2558 รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ […]

“พล.อ.ณัฐพล” สั่ง ทบ.เชิญ ผช.ทูตทหารต่างชาติ ลงชายแดน

กลาโหม 30 ก.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” สั่ง ทบ.เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ลงพื้นที่ดูความเสียหายประชาชนจากการปฏิบัติของกัมพูชา พร้อมยืนยันประท้วงแน่ ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ต้องบอกนานาชาติ ชี้เป็นธรรมชาติ “กัมพูชา” บิดเบือน แต่ไทยมีหลักฐานหมด ทั้งภาพถ่ายทางอากาศ-เทคโนโลยี เข้าสู่กระบวนการเจรจา ยอมรับทำงานภายใต้แรงกดดัน วอนสื่อทำความเข้าใจ ชี้แจง ปชช. (30 ก.ค.68) เวลา 08.15 น. พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ถึงกรณีฝ่ายไทยเตรียมให้กองทัพบกประสานผู้ช่วยทูตทหารนานาประเทศ ประจำประเทศไทยลงพื้นที่ชายแดนว่า จะพาไปดูความสูญเสียของพลเรือนที่ได้รับการปฏิบัติจากฝ่ายทหารกัมพูชา ซึ่งเพิ่งได้สั่งการไปที่กองทัพบกเมื่อคืนนี้ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า จะมีประเทศใดบ้างเข้าร่วม ทั้งนี้พยายามประสานงานกับประเทศมาเลเซียให้มาดูเรื่องของสถานการณ์ในพื้นที่ด้วย ส่วนกรณีเรื่องการละเมิดข้อตกลงของกัมพูชาที่มีการยิงตามแนวชายแดน เรื่องนี้ต้องมีการประท้วง และสื่อสารให้นานาชาติรับทราบ โดยได้ย้ำกับกองทัพบกให้สื่อสารทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ซึ่งโฆษกทุกเหล่าทัพต้องช่วยกัน รวมทั้งของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา หรือ ศบ.ทก. พร้อมย้ำว่า หลักของการหยุดยิงตามข้อตกลงคือ ทุกหน่วยต้องหยุด อยู่กับที่ และรอจนกว่า จะมีผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี ส่วนที่ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธการละเมิดข้อตกลงการหยุดยิงนั้น […]

สภาฯ ยืนไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตจากเหตุสู้รบชายแดน

รัฐสภา 30 ก.ค.- “สภาฯ” ยืนไว้อาลัย ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน “ครูมานิตย์” ชื่นชมทหารกล้า ลั่นถ้าไม่มีอาวุธที่ทันสมัยคนสุรินทร์ตายเป็นเบือ ดีไม่ดีรวมตัวเอง เผย ไปนั่งเฝ้าที่ศูนย์อพยพ มีทั้งจิตตก ซึมเศร้า กินข้าวไม่ได้ ต้องกินกาแฟแทน เพราะคิดถึงบ้าน พร้อมเสนอลดค่าน้ำ ค่าไฟ บ้านที่ผู้อพยพไปอยู่ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม โดยในช่วงหารือ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย หารือถึงปัญหาการสู่รายแดนไทย กัมพูชา ว่า ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.จนถึงปัจจุบัน ที่เกิดเหตุรุนแรงการสู่รบในหลายจังหวัด ซึ่ง จังหวัดที่โดนรุนแรงมากที่สุดคือจ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายเพราะมีประสาทต่างๆแและอันดับสองคือจังหวัดศรีสะเกษซึ่งมีหลายมิติ แต่มิติแรกที่จบไปโดยตัวมันเองว่าทหารมีไว้ทำไม ถ้าไม่มีทหารไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยคนสุรินทร์ตายเป็นเบือ ดีไม่ดีรวมตนด้วย เพระายุทธวิธีในวันนั้นเห็นได้ชัด ก่อนที่จะชะลอการหยุดยิง เพราะตนยังไม่เชื่อว่าจะยุติโดยสิ้นเชิง เพราะตนอยู่ในพื้นที่ แต่ทหารเรามีความกล้าหาญและมียุทธวิธีที่ดีประคับประคองคิดพื้นที่ไม่ให้พี่น้องเราเดือดร้อนไปมากกว่านี้ “เสียใจกับ 15 วีรบุรุษ จึงขอฝากทางราชการว่าอะไรที่มอบให้เขาได้ใหญ่ก็มอบให้เถอะไม่ว่าจะเป็นการชดเชยให้กับครอบครัว หรือเพิ่มยศให้กับเขาให้โอกาสลูกของเขา ผมเกิดมาก็เพิ่งเห็นเที่ยวนี้ว่าเอฟ […]

ทบ.ออกแถลงการณ์กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

30 ก.ค.- กองทัพบกออกแถลงการณ์ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นครั้งที่สอง บ่อนทำลายการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบ ย้ำจะดำเนินการอย่างเหมาะสม เด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน -สำนักข่าวไทย