กำชับ พม.ทุกจว. เปิดเป็นศูนย์พักพิง รองรับกลุ่มเปราะบาง

29 มี.ค. – “วราวุธ” เผยหน่วยงานสังกัดทั่วประเทศ ได้รับความเสียหายน้อย กำชับ พม.ทุกจว. เปิดเป็นศูนย์พักพิง รองรับกลุ่มเปราะบาง เข้าหลบภัย เตรียมที่นอน อาหาร น้ำ ให้พร้อม เตรียมประชุมเชิงปฏิบัติการ วางแผนรับมือภัยพิบัติ 20 จังหวัดภาคอีสาน


นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบในวงกว้างนั้น ได้รับรายงานจากศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. ซึ่งมีหมายเลขโทรสายด่วน 1300 ว่า มีประชาชนติดต่อเข้ามาเพียงไม่กี่รายเท่านั้น โดยเป็นการเข้ามาสอบถามสถานการณ์โดยทั่วไปและเบอร์โทรติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงหากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวซ้ำขึ้นอีก

สำหรับหน่วยงานในส่วนของกระทรวงพม. ที่ตนได้มอบนโยบายให้ไปสำรวจความเสียหายนั้น ก็ได้รับรายงานว่าได้รับผลกระทบน้อย โครงสร้างที่ทำการของหน่วยงาน พม. ที่อยู่ทั่วประเทศก็มีเสียหายบ้างเล็กน้อย เช่น อาคารมีรอยร้าว ยังสามารถปฏิบัติการได้ตามปกติ แต่เพื่อความปลอดภัยก็ได้ให้ประสานฝ่ายโยธาในแต่ละจังหวัดให้มาช่วยตรวจสอบเพื่อความมั่นใจอีกครั้งหนึ่ง ในวันเดียวกันนี้ตนได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. ทั่วประเทศออกสำรวจกลุ่มเปราะบางว่าได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างโดยให้ติดต่อโดยตรงตามบ้านของกลุ่มเปราะบาง ที่เรามีข้อมูลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ คนพิการ สตรีแม่เลี้ยงเดี่ยวที่อยู่คนเดียว เด็กเล็ก พร้อมกับให้สอบถามด้วยว่าได้รับผลกระทบเรื่องที่พักอาศัย หรือได้รับบาดเจ็บ ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตอย่างไร มีความลำบากอย่างไรบ้าง


ในวันที่ 30 มีนาคมนี้ ตนและคณะผู้บริหารกระทรวง พม. จะเดินทางไปยังจังหวัดขอนแก่น เพื่อประชุมศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ (ศบปภ.) หรือ Disaster Care Center for the Vulnerable (DCCV) ซึ่งเตรียมการมานานหลายเดือนแล้ว เพื่อเป็นศูนย์กลางในการให้ความช่วยเหลือ ดูแล และเยียวยากลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติเชิงรุก ประกอบด้วย นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง พม.  คณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบาย รมว.พม. นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. และคณะผู้บริหารทุกหน่วยงานของกระทรวง พม.

โดยในพื้นที่ 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม เลย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร

การประชุมเชิงปฏิบัติการนั้น จะมีการประชุมการนำเสนอสถานการณ์ภัยพิบัติในพื้นที่ภาคอีสาน เช่น สถานการณ์ภัยพิบัติย้อนหลัง 4 ปี สรุปสถานการณ์ ผลกระทบ การดำเนินงานช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง การคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ภัยพิบัติในอนาคต ซึ่งตนจะได้มอบนโยบายการแก้ไขปัญหากลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ เนื่องจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานช่วยเหลือ ดูแล และเยียวยากลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ สำหรับหน่วยงาน ทีม พม.หนึ่งเดียวจังหวัด จะมีการนำเสนอแผนที่หน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ โดยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ศทส.) แนวทางการจัดโครงการฝึกอบรมส่งเสริมอาชีพระยะสั้นเพื่อให้กลุ่มเปราะบางมีรายได้ ผ่านพ้นวิกฤตอุทกภัย โดยนางสาวสุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ รองปลัดกระทรวง พม. การสร้างความเข้มแข็ง ความเท่าเทียม ลดความรุนแรง การสร้างงาน สร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตสตรีและสถาบันครอบครัว โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว สถานการณ์สตรีและครอบครัวไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และคณะอาจารย์ ภายหลังการประชุมจะได้มีการแถลงข่าวให้ทราบ


“จะได้ใช้โอกาสนี้ติดตามความคืบหน้าในการดูแลพี่น้องกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ภาคอีสาน รวมทั้งการรับมือกับเหตุภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะต้องยอมรับว่าเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมานั้น ถือเป็นสัญญาณเตือนให้กับทุกๆฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวง พม.เราเห็นว่าหากเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติขึ้นแล้วเกิดสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเราควรจะต้องทำอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการแล้วทั้งภาคใต้ ภาคเหนือ“ นายวราวุธกล่าว

สำหรับการเปิดหน่วยงานของกระทรวง พม.ในทุกจังหวัดให้เป็นศูนย์พักพิงเพื่อรองรับพี่น้องกลุ่มเปราะบาง และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ก็ได้ขอให้ทุกหน่วยงาน ทุกศูนย์ สถาน บ้าน นิคม ของกระทรวง พม. เมื่อสำรวจที่ทำการของตัวเองแล้วหากไม่มีผลกระทบหรือได้รับความเสียหายมากแต่อย่างใดก็ได้กำชับให้ทุกหน่วย จัดเตรียมพื้นที่รองรับ จัดหาน้ำดื่ม อาหาร เตรียมพร้อมรองรับพี่น้องกลุ่มเปราะบาง และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนที่จะเข้ามาใช้บริการหากเกิดเหตุจำเป็น และในส่วนของภาคเอกชน หากมีความต้องการให้ความสนับสนุนต่อศูนย์พักพิง หรือหน่วยงานกระทรวง พม. ก็สามารถติดต่อมาที่ ศรส. โทรสายด่วน 1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานผู้มีจิตศรัทธากับหน่วยงาน ซึ่งต้องขอขอบคุณล่วงหน้า

อย่างไรก็ตาม ในส่วนพัฒนาสังคมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับชายแดนมาก เพราะจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ เมียนมา อาจจะได้รับความเสียหายมากกว่าจังหวัดอื่น รวมไปถึงพัฒนาสังคมจังหวัดที่อยู่ชายแดนแนวฝั่งตะวันตกของประเทศไทยคงต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องขวัญกำลังใจ และสภาพจิตใจของพี่น้องกลุ่มเปราะบาง และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม.เองด้วยที่ต้องดูแลตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่ดูแลพี่น้องกลุ่มเปราะบาง และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจนตัวเองกลายมาเป็นผู้ประสบภัยเสียเอง ดังนั้นจะต้องดูแลตัวเองด้วยเช่นกัน ขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. ทุกคน.-314-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย