นายกฯ นัดพรรคร่วมรัฐบาลแสดงพลังเอกภาพก่อนโหวต

รัฐสภา 26 มี.ค.- นายกฯ นัดพรรคร่วมรัฐบาลแสดงพลังเอกภาพก่อนลงมติโหวต ขอบคุณทุกคนสนับสนุนเต็มที่ ลั่นจะเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งจับมือกันจนจบสมัยแน่นอน ด้านหัวหน้าพรรคร่วมประสานเสียง นายกฯ มีวุฒิภาวะเป็นผู้นำ พร้อมกดไว้วางใจ ขณะที่ “เดชอิศม์” ออกตัว ปชป. 21 เสียงหนุน “แพทองธาร” ยันไม่มีโหวตสวนไม่ไว้วางใจ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะมีการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในเวลา 10:00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุม สส. และบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ห้องประชุม สส. พรรคเพื่อไทยในเวลา 09:00 น.

ซึ่งนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงสภาผู้แทนราษฎร ในเวลา 09:09 น. ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โบกมือทักทายสื่อมวลชน และบอกว่าสดชื่น สดชื่นดี ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าเห็นว่าจะมีงูเห่ามาโหวตให้ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบว่า ไม่น่ามีนะ


จากนั้นนายกรัฐมนตรี เข้าห้องประชุมพรรคเพื่อไทย โดยมีอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ยืนรอต้อนรับอยู่ที่หน้าห้องพรรคเพื่อไทย ทำให้นายกฯเดินเข้าไปทักทาย พร้อมแซวนายไชยชนก บอกว่าเห็นแล้วในการประชุมวันแรก แอบส่งสายตาให้ไกลๆ

จากนั้นได้เข้าห้องประชุม ซึ่งมีหัวหน้าเลขาธิการพรรค และตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลรออยู่ในห้องประชุม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ได้รับคำแนะนำจากหลายคน 2 วันที่ผ่านมาเข้าใจว่าหลายคนอดหลับอดนอน ทำหน้าที่ของตนเองอย่างหนัก ต้องขอบคุณทุกคน ทั้งสส.จากพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการชี้แจงหรือการควบคุมให้อยู่ในประเด็นเป็นไปด้วยความเรียบร้อยของสภา และการอภิปรายครั้งนี้ตนพูดจากใจได้เลยว่าต้องขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาล ขอบคุณคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างมากทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงใดทุกคนก็ขึ้นมาชี้แจงและตอบเอง ขณะเดียวกันก็มีในส่วนของหน่วยงานราชการมาช่วยชี้แจงในรายละเอียด โดยไม่ต้องขอร้องอะไรใดๆทั้งสิ้น แต่ก็ได้มีการสื่อสารไปว่า ชี้แจงถ้าต้องการข้อมูลใดๆขอให้รัฐมนตรีกระทรวงนั้นช่วยชี้แจง ซึ่งทุกคนก็ทำแบบนั้นจริงๆจึงต้องขอบคุณทุกคนมากเพราะชี้แจงในสิ่งสำคัญทำให้ประชาชนเข้าใจ


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ต้องฝากหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคไป ว่าสส. ในพรรคร่วมรัฐบาลหลายคนอาจจะยังไม่ได้ใกล้ชิดกัน ไม่ค่อยได้รู้จักกันมาก แต่ตอนนี้มีความตั้งใจที่อยากจะรู้จักและคุยกับทุกคน อาจจะมีการพูดนัดพูดคุยกันทีละพรรคแยกไป เพราะส่วนใหญ่ก็ได้เจอแต่สส.พรรคเพื่อไทย

ขณะเดียวกันต้องขอบคุณ สส.พรรคเพื่อไทยที่ให้ให้กำลังใจไม่ว่าจะเป็นสายตาที่ส่งให้หรือเป็นข้อความ หรือเป็นคำแนะนำต่างๆ รู้สึกถึงความอบอุ่นมากๆ เราทำงานร่วมกันมารู้สึกว่าครั้งนี้ทุกคนช่วยกันจริงๆ เมื่อคืนได้มีโอกาสย้อนกลับไปดูการอภิปราย เพราะไปถึงบ้านก็ยังนอนไม่หลับ อยากรู้สึกว่าวันนี้เราจะต้องทำอะไรต่อ มีความไม่ค่อยแน่ใจจึงได้ไปดูคลิปที่รัฐมนตรีหลายคนลุกขึ้นชี้แจง ก็คิดว่าประเด็นทุกอย่างที่อภิปรายไปครบแล้ว และตนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลของเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของประชาชนได้จริงๆ เป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วมหลายพรรค แต่จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทยและพี่น้องคนไทยจริงๆ การร่วมมือที่ผ่านมาตนพูดเลยว่าเป็นธรรมดามากที่มนุษย์จะคิดไม่เหมือนกันอยู่แล้วแต่ทุกคนสามารถเข้าใจและตกลงกันได้ในที่สุดนี่คือสิ่งสำคัญตนจึงต้องขอขอบคุณมากๆที่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมีการตัดสินใจมีการเปิดใจซึ่งเป็นเรื่องที่น่านับถือและทำให้ตนทำงานได้ง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นพวกพรรคเราจึงพร้อมใจกันเพื่อให้รัฐบาลของเราทำให้คนไทยมีกินมีใช้จริงๆ แล้วตอนนี้เศรษฐกิจก็เริ่มดีขึ้นแล้ว ตนเป็นอย่างยิ่งว่าจะดีขึ้นต่อไปจากนี้ทุกๆเดือนทุกๆปีที่รัฐบาลของเราทำงานเพื่อประชาชน

สำหรับการอภิปรายที่ผ่านมา ขอบคุณทุกพรรคทุกคนอีกครั้ง ตนก็จะทำหน้าที่ให้เต็มที่ความเดือดร้อนของประชาชนมีตรงไหนอย่างไรขอให้ได้พูดคุยกันเราจะช่วยกันทั้งหมดเพราะเป็นทีมของเราทีมรัฐบาลของเราก็จะเข้มแข็งแบบนี้จนจบสมัยแน่นอน

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขอพูดจากใจ เพราะถ้าพูดโดยหน้าที่ ก็ต้องบอกว่าทุกอย่างดีมาก ดีหมด ท่านนายกรัฐมนตรีเก่งมาก และถ้าพูดจากใจก็คือ ท่านนายกรัฐมนตรีเก่งมาก ทำให้ที่ประชุมมีเสียงหัวเราะชอบใจ และปรบมือ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้ยกมือไหว้ขอบคุณนายอนุทิน

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีมีวุฒิภาวะ มีการพัฒนาความเป็นผู้นำมากขึ้นทุกวัน จากการทำงานร่วมกันก็ได้เห็นวุฒิภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี ทำให้ทำการทำงานของตนเอง และรัฐมนตรีในพรรคภูมิใจไทยเป็นไปด้วยความสะดวก สามารถพูดคุย หารือ และหาข้อยุติ ข้อสรุปได้ พวกเราพรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลมีความมั่นใจในการนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยได้ประชุมสมาชิกพรรคทั้งหมด 69 คน สส. ทุกคนยืนยันว่า จะให้ความไว้วางใจให้กับนายกรัฐมนตรี แม้การลงมติจะมีเอกสิทธิ์ แต่ก็ให้ความมั่นใจต่อนายกรัฐมนตรี ว่าจะกดไว้วางใจอย่างพร้อมเพรียงกันทุกคน

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ได้ทำงานร่วมกันมา ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องมาถึงมารัฐบาลนี้ ได้รับการสนับสนุนตลอดมา ทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น รวดเร็วหลายเรื่อง จึงขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 ท่าน และพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรค ที่ให้การสนับสนุนการทำงาน และเช่นเดียวกับนายอนุทิน ที่มองเห็นภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่มทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตัดสินใจ การสร้างความร่วมมือปรองดองในพรรคร่วมรัฐบาล เชื่อมั่นว่า รัฐบาล ภายใต้การนำของนางสาวแพรทองธาร จะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ปัญหาบ้านเมืองต่าง ๆ จะได้รับการแก้ไขในทุกด้าน

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า คำว่าทีมไม่มีปัจเจกบุคคล และจากที่พวกเราได้ทำงานร่วมกันมาหกเดือนภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร รัฐนาวาลำนี้เชื่อว่าทุกคนคงเห็นแล้วว่าใครจะเก่งแค่ไหนก็แล้วแต่ จะเป็นรัฐมนตรีหรือใครก็แล้วแต่ ถ้าหัวไม่รอดเรือก็ไม่รอด และในทางกลับกัน ถ้าใครจะมีข้อบกพร่องบ้าง มีอะไรที่ไม่สมบูรณ์บ้าง แต่ถ้านายใหญ่รอด นายกฯรอดพวกเราก็รอด ดังนั้นจึงอยากให้ความมั่นใจต่อนายกรัฐมนตรีว่าพวกเราต้องทำทุกอย่างให้รอดได้ ก่อนที่จะย้ำว่าถ้านายกฯไม่รอดพวกก็คงไม่มีใครรอด ฉะนั้นพวกเราพรรคร่วมรัฐบาลเราต้องทำให้นายกฯรอด เราก็จะได้รอด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับหัวเราะและยกมือไหว้ขอบคุณ

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม ถือเป็นหนึ่งกระทรวงที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งรัฐบาลทำงานมายังไม่ถึงปี ก็ถูกอภิปราย ซึ่งคิดว่าคำอภิปรายส่วนใหญ่เป็นเรื่องในอดีต จึงเก็บเรื่องราวในอดีตที่พรรคฝ่ายค้านยังค้างคาใจมาตอบชี้แจง และในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ขอขอบคุณ และให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในหลายเรื่อง และอยากเข้าไปตอบ แต่เวลาของรัฐบาลมีน้อย ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีที่สุด ทำให้ทุกคนมีขวัญกำลังใจ และที่สำคัญ ขอทุกคนอย่ากดลงมติผิด อย่างที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยพูดว่า ไม่เช่นนั้นชีวิตจะเปลี่ยน ทำให้นายกรัฐมนตรีได้หัวเราะ และ สส. ที่อยู่ในห้องประชุมต่างพากันหัวเราะ พร้อมย้ำว่า ทุกพรรคมีความพร้อม และวันนี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีการโหวตสวนมติพรรคแม้แต่คนเดียวแน่นอน ส่วนคะแนนที่สนับสนุนได้พูดคุยกับเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ว่า ขอนับ 21 คนไว้ก่อน เพราะเป็นเอกสิทธิ์ แต่รับรองว่า ไม่มีที่ไม่สนับสนุน

นายไผ่ ลิกค์ ในฐานะเลขาธิการกล้าธรรม กล่าวว่า ตลอดเวลาในการฟังอภิปรายเห็นว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำจริง ๆ และเห็นด้วยว่าฝ่ายค้านพูดมาส่วนใหญ่เป็นวาทกรรม เนื่องจากการทำงานของนายกรัฐมนตรีเพิ่งจะทำได้แค่ 6 เดือน และตลอดเวลาที่นำความเดือดร้อนของประชาชนมาเสนอให้กับนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับการตอบรับ และให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมให้ความมั่นใจว่า พรรคกล้าธรรมจะลงมติไว้วางใจทุกคน

จากนั้นพรรคร่วมรัฐบาลได้ถ่ายภาพร่วมกัน เพื่อแสดงถึงความเป็นปึกแผ่น พร้อมส่งเสียงตะโกน ว่า “ไชโย” .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]