รัฐสภา 25 มี.ค.-“โรม” จัดหนักชั่วโมงกว่า พุ่งเป้า “นายใหญ่” สงสัย “นายกฯ แพทองธาร” ดีลปีศาจพาพ่อกลับบ้านหรือไม่ ท้าตอบคำถามเอง ในฐานะประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์มากที่สุด
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิเศษ ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ลุกอภิปรายในหัวข้อชั้น 14 ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงว่า ตนมีพยานหลักฐานสำคัญที่สามารถยืนยันได้ว่ากรณีชั้น 14 มันหลวงโลกอย่างไร พยานหลักฐานไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับนายใหญ่มากที่สุดกว่าใครในห้องประชุมนี้ นายกรัฐมนตรีคือประจักษ์พยานที่ยืนยันความจริงทั้งหมด ตอนแรกเป็นแค่ประจักษ์พยาน แต่ต่อมานายกรัฐมนตรีกลายเป็นตัวการสำคัญในการกระทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง ที่มีโทษฐานที่รุนแรง ท้ายที่สุดคือขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอย้อนกลับไปก่อนวันที่ 22 ส.ค. 2566 วันที่นายใหญ่กลับบ้าน นายกรัฐมนตรีสามารถชี้แจงได้หรือไม่ว่าสุขภาพของนายใหญ่เป็นอย่างไร เพราะเราเองก็ต้องไม่ลืมว่าผู้ให้กำเนิดนายกรัฐมนตรี เขาอายุ 74 ปีแล้ว มีโอกาสที่จะเจ็บป่วย ไม่สบายได้ แต่เมื่อเปิดคลิปวิดีโอคำสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2566 ระบุว่า คุณพ่อตรวจสุขภาพปีละ 2 ครั้ง ก่อนกล่าวว่า คำพูดของนายกรัฐมนตรีเป็นสิ่งยืนยันว่าก่อนที่นายใหญ่จะกลับมา นายใหญ่คนนี้มีสุขภาพดีอย่างแน่นอน หากมีปัญหาสุขภาพ ตนมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีคงจะใช้โอกาสนี้สื่อสารกับสังคม
นายรังสิมันต์ ตั้งคำถามว่าอะไรทำให้นายใหญ่ต้องไปขึ้นเขียงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจถึง 180 วัน มันต้องมีปัจจัยอะไรบางอย่างที่จู่ๆ ทำให้คนสุขภาพดี ได้รับการดูแลรักษาที่ดูไบเป็นอย่างดี ราวกับสลุต่านถึงได้ล้มป่วยกะทันหันขนาดนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาการป่วยคงจะอยู่ในช่วงเวลาที่นายใหญ่เดินทาง
นายรังสิมันต์ ระบุว่า จุดเดียวที่น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด คือจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในเรือนจำ เรื่องนี้ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ เราต้องไม่ลืมว่าวันนั้นที่นายใหญ่กลับสู่ประเทศไทย คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร และนายเศรษฐา ทวีสิน ยังไม่ได้เข้าทำหน้าที่
“พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามายึดอำนาจจากน้องสาวนายทักษิณ เคยว่ากล่าวเสียหายหลายอย่าง บางครั้งได้ยินชื่อทักษิณ ก็ปรี๊ดควันออกหู เดินทิ้งโพเดียม นอกจากนั้น ที่ทุกวันนี้เราเรียก พ.ต.ท.เป็นคำนำหน้านายทักษิณไม่ได้อีกแล้ว ก็เป็นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เราต้องไม่ลืมว่าวันนั้น คนที่ดูกระทรวงยุติธรรมไม่ได้ชื่อสมศักดิ์ เทพสุทิน เพราะได้ลาออกเพื่อย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยแล้ว ทำให้ผู้ที่รักษาการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้นมีชื่อว่าวิษณุ เครืองาม ซึ่งเป็นเนติบริกรให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ มาโดยตลอด” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ไม่คิดว่ามันแปลกหรือ ขนาดวันที่น้องสาวของตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรียังกลับมาไม่ได้ มันเป็นเพราะดีลที่ น.ส.แพทองธาร ไปทำมาหรือไม่ เพราะดีลลังกาวีหรือไม่ มีบิ๊กสีอะไรหรือไม่เป็นผู้เกี่ยวข้อง จึงทำให้นายใหญ่มั่นใจว่าครั้งนี้กลับมาประเทศไทยได้ นอกจากนี้ บทบาทของ น.ส.แพทองธาร แม้วันนั้นจะไม่ใช่หัวหน้าพรรค แต่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการหาเสียงให้กับพรรคตัวเอง การที่ท่านได้ออกมาขานรับสนับสนุนแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคการเมืองที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ในวันที่กลับมา นายใหญ่ยังมีคนไปรอต้อนรับราวกับว่านี่คือนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งทำภารกิจต่างประเทศเสร็จ กลับมาแล้วก็ไม่มีการควบคุมตัว ตำรวจไปต้อนรับ ช่วยจัดระเบียบให้ทุกอย่างสมูทด้วยซ้ำไป
ทำให้นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติ ลุกประท้วง ขออย่าพาดพิงบุคคลภายนอก เดี๋ยวการประชุมจะไม่ราบรื่น นายรังสิมันต์ จึงแย้งว่า เรื่องชื่อเป็นเรื่องจำเป็น ตนไม่ได้มีการปิดกั้นข้อมูลแต่อย่างใด ยืนยันว่าทุกอย่างจะอยู่บนข้อมูล ไม่ได้เสริมเติมแต่ง
นายพิเชษฐ์จึงวินิจฉัยว่า ขอให้พยายามหลีกเลี่ยง นายรังสิมันต์ ถึงใช้คำว่า “ไอ้โม่ง” จังหวะนี้ ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก็ร่วมประท้วงด้วยว่า อย่าเสียดสี อย่าทำให้คนรู้สึกว่าด้อยค่าความเป็นมนุษย์
นายรังสิมันต์อภิปรายต่อว่า ไอ้โม่ง 2 ตัว ใจดี ลด แลก แจก แถมด้วยการให้บิดาของ น.ส.แพองธาร ออกจากเรือนจำ เพื่อรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจได้ ทุกอย่างที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนเป็นคำโกหก ไม่มีความหมายอีกแล้ว เพราะวันนี้พ่อได้กลับบ้านแล้ว นี่คือดีลแลกประเทศ ที่นายกรัฐมนตรีสมคบให้เกิดขึ้น เพื่อช่วยเหลือพ่อตัวเองไม่ให้นอนคุกแม้แต่วันเดียว จุดเริ่มต้นของชั้น 14 มันจึงเป็น ดีลปีศาจ เพื่อพาพ่อกลับบ้าน
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แผนที่เตรียมไว้ คือแผนที่อดีตนายกฯ จะต้องไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ตนแอบไปทราบมาว่า น.ส.แพทองธารรู้ว่านายใหญ่จะเหลือโทษจำคุกอีก 1 ปี ในคืนหลังกลับถึงประเทศไทยแล้ว ถ้ารู้ล่วงหน้านานกว่านี้ การเตรียมการทั้งหลายมันจะดีกว่านี้ การเล่นละครถึงจะสมจริงกว่านี้ ไม่ต้องมาขายผ้าเอาหน้ารอดกันแบบนี้ หลังจากนั้นกรมราชทัณฑ์ได้แถลงใหญ่โต ว่านายทักษิณตรวจพบ 4 โรค คือหัวใจขาดเลือด ปอดผิดปกติ ความดันสูง และกระดูกสันหลังเสื่อม จัดอยู่ในกลุ่มเปราะบาง จากการแถลงตรงนี้มันส่อพิรุธ เพราะจากที่ น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ ทำไมมาถึงได้สวนทางกันขนาดนี้ทั้งที่ห่างกันแค่เพียง 2 วัน
จากนั้น ทพญ.ศรีญาดา ประท้วงว่าข้อมูลไม่ครบ นายรังสิมันต์ไม่ใช่แพทย์ ไม่สามารถวินิจฉัยโรคในสภาแห่งนี้ได้ และมี พ.ร.บ.คุ้มครอง ข้อมูลสุขภาพส่วนตัวอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น การที่จะเอาข้อมูลสุขภาพอภิปราย มีโอกาสที่จะไม่ครบถ้วน จึงอยากให้ประธานช่วยควบคุม
ทำให้นายพิเชษฐ์วินิจฉัยว่ามันเป็นข้อกล่าวหา ประชาชนฟังอยู่ แต่ ทพญ.ศรีญาดา กล่าวว่า เข้าใจแต่มันซ้ำซาก ไม่เข้าใจว่าไม่วัตถุประสงค์ในการเอาเข้ามา ผู้ป่วยที่พูดถึงก็หายแล้ว นายรังสิมันต์จึงถามว่าหายแล้วตอนไหน ก่อนที่นายพิเชษฐ์จะปิดไมค์ ทพญ.ศรีญาดาทันที และตัดบทว่า เป็นข้อกล่าวหา ประชาชนอยู่ที่บ้านพิจารณาอยู่
ต่อมานางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า นายรังสิมันต์ชอบเอ่ยชื่อโดยไม่จำเป็น “ท่านเอ่ยชื่อนายกฯ ทักษิณ ทำให้คนอีสานซาบซึ้งมากยิ่งกว่าเดิมค่ะ” ทำให้นายพิเชษฐ์ปิดไมค์นางนุชนาถ พร้อมวินิจฉัยว่ายังอยู่ในประเด็น ย้ำว่าวันนี้เรามีเวลาน้อยมากขอให้รักษาเวลาในแต่ละฝ่าย
แต่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ไม่ยอม ประท้วงบ้างว่า นายพิเชษฐ์ว่าพูดเรื่องเวลา มันไม่ถูก เมื่อคืนเหลืออยู่ 3 ชั่วโมง แต่นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เมื่อวานนี้ก็จบไป แต่วันนี้ต้องรักษาเวลาทุกฝ่าย
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ต่างอะไรกับนักโทษแหกคุก และดีลนี้ยังรวมไปถึงการที่คณะรัฐประหาร และ น.ส.แพทองธาร ได้ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะแต่รายคน ซึ่งตามระเบียบแล้วคนที่สามารถขออภัยโทษได้คือตัวนักโทษเองและคนในครอบครัว แต่ น.ส.แพทองธาร ได้กระทำการอกตัญญู โดยการปล่อยให้บิดาของตัวเองช่วยเหลือตัวเองในการร้องขออภัยโทษ
จังหวะนี้ ทพญ.ศรีญาดา ลุกขึ้นประท้วงทันที ว่านายรังสิมันต์เป็น สส.เคยอ่านข้อบังคับเรื่องจริยธรรมหรือไม่ “จะต้องมีความเมตตา เห็นใจว่าถ้าลูกสาวคนหนึ่งที่คุณพ่อป่วย ท่านมาอภิปรายเรื่องที่รถพยาบาลไปเร็วเกินไป มีที่ไหนคะ ทำอย่างนี้ประชาชนที่ฝั่งที่บ้านเขางงว่าตกลงแล้ว เราอยากให้คนป่วยหายหรือไม่ สิ่งนี้ท่านควรจะมีและการที่ใช้คำว่าอกตัญญู การใช้คำพูดของฝ่ายค้านบางครั้งรุนแรงเกินไปเขาเรียกว่าใส่ร้าย และที่สำคัญคืออาฆาตมาดร้าย ผิดจริยธรรมนะคะ อย่าใส่ความคิดส่วนตัวเกินไป ขอให้ช่วยถอนคำพูด”
แต่นายพิเชษฐ์ วินิจฉัยว่า ไม่มีปัญหา ยังอยู่ในประเด็น แต่ ทพญ.ศรีญาดา ไม่ยอม เพราะถือเป็นความผิดร้ายแรง นายพิเชษฐ์ จึงกล่าวว่าเขากล่าวหา มันใช้เวลาเยอะถ้าประท้วง
นายรังสิมันต์ จึงกล่าวว่า “ผมถอนให้ก็ได้ ท่านศรีญาดาใจเย็นๆ ขอถอนคำว่าอกตัญญู เปลี่ยนเป็น กตัญญูน้อยก็แล้วกัน” ก่อนจะอภิปรายต่อ โดยเปิดคลิปสัมภาษณ์ น.ส.แพทองธาร ที่ให้จัดการทำเรื่องอภัยโทษเอง ทั้งที่อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว 7 วัน
“ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านต้องรู้ทันต้องเห็น ท่านไม่เห็นเหรอครับ ว่าพ่อป่วยหนักขนาดไหน ผมมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพ่อของท่านอยู่นะ ในคลิปที่ท่านให้สัมภาษณ์ก็เพิ่งไปเยี่ยมพ่อมา ท่านไม่เห็นเหรอครับว่าพ่อของท่านป่วยจนรอเคาะโลงแล้ว ท่านจะมาให้พ่อของท่านเตรียมเอกสาร เพื่อขอยื่นฎีกาอภัยโทษด้วยตนเองจริงหรือ หากทำไปแล้วพ่อป่วยหนักมากยิ่งขึ้น จะให้ทำอย่างไรใครจะรับผิดชอบ” นายรังสิมันต์ กล่าว
จากนั้น ทพญ.ศรีญาดา ประท้วงอีกว่า ขอให้นายรังสิมันต์เอาสไลด์ที่เขียนข้อความรุนแรงลง โอ้โฮ ตนไม่อยากจะอ่านเลย แต่นายพิเชษฐ์ ถามกลับว่าผิดตรงไหน ทพญ.ศรีญาดา จึงกล่าวว่า มันมีคำพูดมากกว่าอกตัญญู
นายรังสิมันต์ จึงตอบโต้กลับว่า ทพญ.ศรีญาดา น่าจะมีปัญหาสุขภาพ ทพญ.ศรีญาดา ก็ต่อทันทีว่า ท่านจะอภิปรายต้องมีจริยธรรมด้วย ตนมองเห็นว่าถ้าไม่มีจริยธรรม ท่านเอาสิ่งที่เป็นความเห็นของท่านไปตัดสินคนอื่น ก่อนที่นายพิเชษฐ์จะปิดไมค์ ซึ่ง ทพญ.ศรีญาดา ก็ไม่ยอมหยุดพูด จนทำให้ น.ส.รภัสสรณ์ นิยโมสถ สส.ลำปาง พรรคประชาชน ลุกขอให้ประธานควบคุมการประชุม
นายรังสิมันต์ อภิปรายว่า วันนั้นนายใหญ่ป่วยปางตาย จะไปเฝ้ายมบาล ถึงขนาดโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีศักยภาพ นายกรัฐมนตรีไม่เห็นสภาพความเป็นจริงหรือว่าวิญญาณจะออกจากร่างแล้ว หรือความจริงเป็นการอุปโลกน์ขึ้นมา
นายรังสิมันต์ ยังยกรายงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าหากป่วยในระดับวิกฤตจริง ควรจะต้องอยู่ในห้องสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ใช่ห้องผู้ป่วยพิเศษ ก่อนจะเปรียบเทียบกับผู้ป่วยคนอื่น ทำให้ ทพญ.ศรีญาดา ลุกขึ้นประท้วงอีกรอบ ระบุว่าอภิปรายออกนอกญัตติแล้ว ประธานต้องควบคุมให้อยู่ในญัตติด้วย แต่นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า นายรังสิมันต์แค่เปรียบเทียบ และตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะมาตอบได้
จากนั้นนายรังสิมันต์ อภิปรายต่อไป นายกรัฐมนตรีไม่รู้สึกเลยหรือว่ามีส่วนสำคัญในการฆาตกรรมความยุติธรรม ท่านได้ทำให้ความยุติธรรม พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมช่วงที่นายใหญ่ป่วย นายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีอาการเครียด เป็นห่วงพ่อแม้แต่น้อย
ช่วงหนึ่ง น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่าญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ให้พูดถึงการบริหารงานของนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งที่นายรังสิมันต์กำลังพูดอยู่ขณะนี้ นอกจากเป็นการเสียดสีแล้ว ยังไม่ได้พูดถึงการทำงานในช่วงที่ น.ส.แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นเพียงบุตรสาวที่คุณพ่อป่วยอยู่ในโรงพยาบาล
ก่อนที่นายรังสิมันต์ จะย้ำว่า “ถ้าพ่อป่วยหนักปางตาย ลูกผีลูกคน จะตายแหล่ไม่ตายแหล่ มีหรือที่นายกรัฐมนตรีจะพูดแค่มีอาการเครียด อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ท่านนายกฯ คงจะพูดแช่งพ่อไม่ได้”
นายรังสิมันต์ ตั้งคำถามอีกว่า นายกรัฐมนตรีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอยู่ในตำแหน่ง หนีบเก้าอี้ต่อไปได้ ทั้งๆ ที่เรื่องราวมันเหม็นคลุ้งจนคนในสังคมวิจารณ์กันไม่จบไม่สิ้น นอกจากนี้แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจยังได้รับการอวยยศในหน้าที่การงาน พร้อมตั้งคำถามว่าเป็นบทละครบทใหม่หรือไม่
ทำให้นายครูมานิตย์ ลุกขึ้นประท้วงว่า นายรังสิมันต์ กล่าวว่าคิดบทละครบทใหม่ ตนคิดว่าไม่เหมาะสม ด้านนางนุชนาถ ประท้วงอีกรอบว่า นายรังสิมันต์มีกิริยาวาจามารยาทไม่เหมาะสม “ร้องกู๋ แบบนี้ค่ะ ทุบโต๊ะด้วย นี่ไม่ใช่กิริยาหรือตลาดนัดนะคะ”
ต่อมา ประธานได้สลับกันทำหน้าที่มาเป็นนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่สอง นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประท้วงบ้างว่า ให้ประธานควบคุมการประชุมและถามนายรังสิมันต์ว่าปีศาจคือใคร แต่นายภราดรวินิจฉัยว่าอภิปรายต่อได้
นายรังสิมันต์ อภิปรายว่าราชทัณฑ์เคยแถลงว่า นายใหญ่อยู่ในสภาวะอันตรายแก่ชีวิต ในเมื่อราชทัณฑ์ยืนยันว่าไม่พ้นขีดอันตราย ตนก็อยากจะรู้ว่านายกรัฐมนตรี ในฐานะลูก กังวลหรือไม่ เครียดหรือไม่ จิตตกหรือไม่ ปรากฏว่าสิ่งที่พบเห็นในการติดตาม คือพบแต่ความสบายใจ ตนนึกว่านายกรัฐมนตรีจะสแตนด์บายรอดูใจ แต่กลับไปเที่ยวต่างประเทศ 2 ครั้ง
“ไหนพ่อกำลังจะม่องเท่ง ช่วงนั้นพ่อของท่านป่วยพะงาบๆ อยู่โรงพยาบาลตำรวจไม่ใช่เหรอครับ ไม่คิดจะไปเยี่ยมพ่อเลยหรือ นอกจากนี้ยังพบว่าท่านนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ไอจี โดยระบุถึงการไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ราชทัณฑ์แถลงปาวๆ ว่าพ่อของท่านอยู่ในภาวะวิกฤต พร้อมวางดอกไม้จันทน์ จริงๆ ต้องมารอดูหน้าพ่อแล้วหรือไม่ เผลอๆ ต้องเตรียมจองวัดไว้ล่วงหน้าแล้ว” นายรังสิมันต์ กล่าว
ทำให้นางนุชนาถ ประท้วงทันทีด้วยอารมรณ์ว่า “จริงๆ ไม่อยากประท้วงเลย แต่ท่านพูดว่าวางดอกไม้จันทน์ จริงๆ วางให้ท่านก่อนนั่นแหละ ท่านโรม”
นายภราดร จึงวินิจฉัยว่า ลักษณะการเสียดสีแบบนี้ ขอให้ลดน้อยลง เพื่อรักษาบรรยากาศ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทพญ.ศรีญาดา ก็ประท้วงอีก 2 รอบ ระบุว่า วนเวียน ขอให้อยู่ในญัตติ นอกจากนี้ยังหมิ่นประมาทและใส่ร้าย การใช้จินตนาการที่มากเกินไป จับแพะชนแกะ ขอให้ประธานควบคุมการประชุมด้วย นอกจากนี้ยังมีนายก่อแก้ขึ้นประท้วงอีกรอบ ถามเหมือนเดิมว่าปีศาจที่ดีลด้วยคือปีศาจตัวไหน
จากนั้น นายรังสิมันต์ ได้อภิปรายยาวไปจนครบเวลา 100 นาที.-312 -สำนักข่าวไทย