กทม. 25 มี.ค.- กรมที่ดินชี้แจงรอบ 3 ของศึกซักฟอกวันแรก เกี่ยวกับการออกโฉนดที่ดินโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ และโครงการแรนโช ชาญวีร์
กรมที่ดินออกเอกสารชี้แจงเป็นครั้งที่3 ในวันแรกของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรือระบุ ตามที่มีการประเด็นในอภิปราย ที่ตั้งของโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตนิคมสร้างตนเอง ซึ่งได้กำหนดให้เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารหรือ WATERSHED AREA ซึ่งมีเนื้อที่รวมกันประมาณ 107,000 ไร่ คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติได้มีมติให้นิคมสร้างตนเองลำตะคองนำพื้นที่ต้นน้ำลำธารไปจัดที่ดินให้กับราษฎรที่ครอบครองทำประโยชน์ได้มีการออก น.ค. 3 ในพื้นที่ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย และกันพื้นที่ไว้เพื่อเป็นพื้นที่ปลูกป่าทดแทนและอนุรักษ์ดินและน้ำ ประมาณ 33,000 ไร่ ดังนั้น เมื่อราษฎรที่เป็นสมาชิกนิคมได้รับ น.ค. 3 จึงสามารถขอออกโฉนดที่ดินหรือ น.ส. 3 ก. ได้โดยในกระบวนการออกโฉนดที่ดินหรือ น.ส. 3 ก. ผู้ปกครองนิคมฯ จะต้องร่วมรังวัดและยืนยันความถูกต้องของ น.ค. 3 ด้วย และโฉนดที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ได้ออกมาจาก น.ส. 3 ก. ซึ่งออกจากหลักฐาน น.ค. 3 เมื่อปี พ.ศ. 2528 และขายเปลี่ยนมือมาหลายทอดจนเปลี่ยนมือมาถึงบริษัท พีดี เขาใหญ่ จำกัด ในปี พ.ศ. 2560 ในพื้นที่นี้ไม่ได้มีการออกเฉพาะโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ จำกัด เท่านั้น แต่มีการออกโฉนดที่ดินและ น.ส. 3 ก. จำนวนถึง 10,165 แปลง
สำหรับกรณีโครงการแรนโช ชาญวีร์ พื้นที่ตั้งอยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบแนวเขตที่ดินนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ได้ตรวจสอบและรับรองแนวเขตแล้ว นิคมสร้างตนเองลำตะคองจึงได้ออก น.ค. 3 ให้สมาชิก พื้นที่ส่วนนี้จึงเป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างนิคมสร้างตนเองลำตะคองกับ ส.ป.ก. คณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นเรื่องเสร็จที่ 128/2548 กรณีนิคมสหกรณ์จัดที่ดินล้ำเข้าไปในเขตปฏิรูปที่ดินในอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ให้ ส.ป.ก. ส่งมอบพื้นที่คืนให้แก่คณะกรรมการจัดที่ดินเพื่อส่งมอบให้นิคมสหกรณ์ต่อไป ซึ่งกรมที่ดิน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ แก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินทับซ้อนตามแนวทางดังกล่าวแล้ว.-319 -สำนักข่าวไทย