รัฐสภา 24 มี.ค.-นายกฯ ยันไม่เคยหนีภาษี มั่นใจเสียภาษีมากกว่าคนอภิปราย ย้ำทรัพย์สินของตนเองและครอบครัว ถูกตรวจสอบเข้มข้นตั้งแต่สมัยหลังปฏิวัติ 19 ก.ย.49 ส่วนที่ดินอัลไพน์ ซื้อขายถูกกฎหมาย ตั้งแต่ตอนที่ตนอายุ 11 ขวบ บอกไม่แทรกแซงปมเขากระโดง ให้ความเป็นธรรม
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงการอภิปรายว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีสมาชิกอภิปรายที่เข้าใจว่า ตนเป็นจอมยุทธ กำลังสำคัญผิดในข้อเท็จจริง การใช้สำนวนโวหารต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และนำเรื่องภาษีที่เป็นคนละหมวด มาอธิบายให้คนสับสน
นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ทั้งการปฏิบัติ และเจตนาว่าทุกอย่างดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ถูกต้องตามกฎหมาย
“การกล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้หนีภาษี ไม่เป็นความจริงเลย จริงๆ แล้วเป็นเรื่องตรงกันข้าม ถึงแม้ดิฉันจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่ดิฉันมั่นใจว่า ดิฉันเสียภาษีให้รัฐมามากกว่าท่านแน่นอน” นางสาวแพทองธาร กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน ต่อป.ป.ช. เมื่อเข้ารับดำรงตำแหน่ง ยืนยันว่า ได้ยื่นภาษีครบถ้วนตามขั้นตอน และขณะนี้มีผู้ยื่นคำร้องตรวจสอบความถูกต้อง ถือว่าเรื่องอยู่ในกระบวนการของ ป.ป.ช. และตนยินดีและเต็มใจที่จะแสดงข้อมูล หลักฐาน และให้ความร่วมมือทุกประการ จนกว่าจะมีข้อสรุปจากป.ป.ช.
ส่วนเรื่องธุรกรรมก่อนการดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พูดกันชัดๆ ว่าทรัพย์สินและหนี้สินของครอบครัว และกิจการในครอบครัวของตน มีการถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น ตั้งแต่หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่เคยมีตอนไหนไม่เข้มข้น ทุกบัญชี ทุกธุรกรรมอยู่ในสายตา อยู่ในที่เปิดเผยและโปร่งใสมานานมากแล้ว และยืนยันว่า ทรัพย์สินที่โดนตรวจสอบทั้งหมด ที่ดินทุกแปลง ทุกตารางวาที่ครอบครัวมี ออกฉโนดโดยรัฐทั้งหมด ไม่มีการซื้อที่ดินไม่มีฉโนด
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า การทำธุรกรรมเรื่องหุ้นที่ท่านสมาชิกพูดถึง เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ก่อนการเข้าสู่การเมืองหลายปี โดยเป็นความตั้งใจในการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท โดยการซื้อขายผ่านตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า PN (Promissory Note) เป็นหนังสือที่ให้คำมั่นสัญญาว่า จะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้กับอีกบุคคลหนึ่ง ตามระยะเวลาที่ได้ตกลงกัน โดยหนังสือดังกล่าวตนได้ติดอากรสแตมป์ตามกฎหมาย ซึ่งการซื้อขายแบบนี้บางรายการไม่มีการเสียภาษี เนื่องจากยังไม่มีการชำระเงิน ก็เลยไม่ทราบจำนวนและเสียภาษีไม่ได้ ซึ่งการเสียภาษีแบบนี้จึงเป็นภาระหนี้สินระหว่างตนซึ่งเป็นผู้ซื้อ และครอบครัวที่เป็นผู้ขาย และยืนยันว่า ไม่มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ เพราะยอดหนี้ก้อนนี้แสดงอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของตนอยู่แล้ว และได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.ไปหมดแล้ว สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิธีการนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นสิ่งที่มีทำกันเป็นปกติ หรือลองถามเพื่อนสมาชิกพรรคฝ่ายค้านดูก็ได้ว่า มีใครทำธุรกิจอะไรประมาณนี้หรือไม่ หรือมีการทำตั๋วสัญญาใช้หนี้แบบนี้บ้างหรือไม่ ซึ่งถ้ามีก็เป็นเรื่องปกติ
ส่วนที่อ้างว่า เรื่องนี้จะเป็นแหล่งทุจริต ข้าราชการผู้ใหญ่จะออกตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นกระบวนค้ายาเสพติดจะออกตั๋วให้กัน ตนมองว่า เป็นเรื่องจินตนาการไปเยอะเหมือนกัน พร้อมกับย้ำว่า การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะทำกับธุรกรรมที่ถูกกฏหมาย ดำเนินการโดยเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อ ฝ่ายผู้ขาย รับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฏหมายใดๆ
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า การเลือกใช้วิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงินแทนการรับให้ เพราะถือเป็นการดำเนินการทางธุรกิจอย่างเปิดเผย สิ่งทีทำไม่สามารถแอบทำได้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องล้วนเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ และการปรับโครงสร้างหุ้นจำเป็นต้องใช้การซื้อขาย แต่ ณ เวลานั้นตนไม่มีความพร้อมที่จะชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำตั๋วสัญญาใช้หนี้ไว้ ซึ่งได้แสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.แล้ว และที่พูดคุยกันในครอบครัว ว่า ตนมีแผนการชำระเงินอยู่แล้ว ซึ่งรอบแรกจะเกิดขึ้นภายในปีหน้า เป็นสิ่งที่ตนและครอบครัวตกลงกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไร และแน่นอนเมื่อเกิดการซื้อขายเกิดขึ้น หลักฐานทั้งหมดจะปรากฏในบัญชีทรัพย์สินของตน ป.ป.ช.ก็สามารถตรวจสอบได้ และเมื่อมีการซื้อขาย มีการต้องจ่ายภาษี ไม่สามารหลบการจ่ายภาษีได้อยู่แล้ว
นางสาวแพทองธาร ชี้แจงกรณีที่ดินอัลไพน์ เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ตอนบริษัทครอบครัวซื้อที่ดินแปลงนี้ ตนอายุเพียง 11 ขวบและไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท และไม่แน่ใจว่า ท่านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ตอนนั้นหรือเปล่า และการซื้อที่ดินทุกแปลงครอบครัว ไม่เคยซื้อที่ดินที่ไม่ได้มีการออกโฉนดโดยหน่วยงานของรัฐ ทุกอย่างทำถูกต้องตามกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อว่า หลังจากนั้นเมื่อมีคดีความ แต่ละขั้นตอนก็ว่ากันไปตามกระบวนการ จนตนเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยไปก้าวก่ายแทรกแซงใดๆ ไม่สามารถทำได้ ซึ่งตนอาจจะต้องอธิบายในอนาคตเพิ่มขึ้น และหลังจากนี้ขอให้รมว.มหาดไทยชี้แจงในรายละเอียดเพิ่มเติมและทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ
ในส่วนกรณีเขากระโดงนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นกรณีพิพาทระหว่างกรมที่ดิน การรถไฟฯ และพี่น้องประชาชน ตนในฐานะนายกรัฐมนตรี จะกำชับเรื่องนี้อย่างดีให้ความเป็นธรรมกับประชาชน และทุกขั้นตอนจะเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย และขอให้มั่นใจว่า ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องผ่านกระบวนการไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวายต่างๆ ตามมา ไม่อยากให้ใช้เรื่องเซนซิทิฟทำให้เกิดความสับสน หรือเกิดความแตกแยกในสังคม เพราะว่าจริงๆ แล้วเราเป็นคนรุ่นใหม่ น่าจะพร้อมรับฟัง และหากมมีผลงานใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ก็ควรจะชื่มชมบ้างจะได้เป็นกำลังใจในการทำงาน เพราะอย่างๆ น้อยเราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน มั่นใจว่า ทุกคนก็หวังดีกับประเทศไทย แต่การพูดให้คนเกลียดชังหรือเกิดความแตกแยก เราผู้มีวุฒิภาวะไม่ควรทำ.-315.-สำนักข่าวไทย