“วิโรจน์” อภิปรายคุณสมบัตินายกฯ ฝ่ายรัฐบาลลุกประท้วงวุ่น ขอให้ถอนคำพูด

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

รัฐสภา24 มี.ค.- “วิโรจน์” ลุกอภิปรายคุณสมบัตินายกฯ บรรยากาศดุเดือด ฝ่ายรัฐบาลประท้วงวุ่น ชี้อภิปรายเสียดสี ขอให้ถอนคำพูด


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ลุกอภิปรายว่าคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ หน้าที่ของปวงชนชาวไทย ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า บุคคลมีหน้าที่เสียภาษีอากรตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้รับการยกเว้น โดยสำนึกแล้วคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องการเสียภาษีด้วยซ้ำ ถ้าตัวนายกรัฐมนตรียังทำตัวหนีภาษี ความเป็นธรรมในเรื่องภาษีจะเกิดขึ้นกับประชาชนได้อย่างไร

นายวิโรจน์ กล่าวว่า การที่คนรวยบางกลุ่มบางก้อนใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการหลบเลี่ยงภาษี ซ้ำร้ายในหลายกรณีเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการหลีกเลี่ยง หรือการหนีภาษีด้วยซ้ำ จึงทำให้ภาระทางภาษีตกอยู่กับมนุษย์เงินเดือน คนชั้นกลางประชาชนชาวรากหญ้า
ดังนั้น พฤติกรรมการใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการหลีกเลี่ยง หรือเรียกง่ายๆ ว่าหนีภาษี จึงเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ เป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน ตนนึกไม่ถึงว่าพฤติกรรมที่น่าอดสูแบบนี้ จะเกิดขึ้นกับคนที่ชื่อว่าแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี


นายวิโรจน์ ย้ำว่า การอภิปรายในวันนี้ จึงไม่ใช่แค่ไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีที่ชื่อแพทองธาร แต่เป็นการอภิปรายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ผู้เป็นเจ้าของเงินแผ่นดิน ว่านายกรัฐมนตรีใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ทำนิติกรรมอำพราง หนีภาษี หนึ่งในคนที่อยู่บนห่วงโซ่อาหารก็คือแพทองธาร ชินวัตร

นายวิโรจน์ เล่าว่า หลังจากที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีโอนหุ้นบริษัท 19 บริษัท มูลค่า 9,330.5 ล้านบาท แต่มี 2 บริษัท มูลค่า 393.5 ล้านบาท โอนไปให้แม่และพี่สาว ตนจึงถามว่าเป็นการโอนไปด้วยวิธีการใด เป็นการให้ หรือเป็นการขายหุ้น หุ้นตัวแรก คือ บริษัทอัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ 224.1 ล้านบาท โอนไปให้คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ผู้เป็นแม่ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2567 และหุ้นตัวที่สอง บริษัทประไหมสุหรี พรอพเพอร์ตี้จำกัด จำนวน 169.4 ล้านบาท โอนให้ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2567 ถ้าการโอนหุ้นของนายกรัฐมนตรีไปให้แม่และพี่สาว ก็ต้องมีภาระในการจ่ายภาษี กรณีของแม่ต้องเสียภาษีรับให้ 10.2 ล้านบาท ในขณะที่พี่สาว 8 ล้านบาท รวมแล้วรัฐต้องได้ 18.2 ล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีทำนิติกรรมอำพรางในการหนีภาษีรับให้มาตั้งแต่ปี 2559 อ้างว่าให้โดยเสน่หา ภาษีซักสลึงก็ไม่ต้องเสีย

จังหวะนี้ นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วง ว่านายวิโรจน์ไม่รู้สี่รู้แปด ทำให้ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่ประธานในการประชุมตักเตือนว่า อย่าใช้คำพูดประเด็นนี้ เขายังพูดอยู่ในประเด็น


นายวิโรจน์ จึงถามว่า นางนุชนาถประท้วงตามสัญญาว่าจ้างข้อไหน ทำให้นางนุชนาถ ไม่พอใจ ขอให้ถอนคำพูด นายวิโรจน์ จึงยอมถอน ก่อนกล่าวว่า “ก่อนจะประท้วง ขอให้ท่านผู้ประท้วงร้อง กี้ๆ” (แปลว่าลิ่วล้อ) จึงยิ่งทำให้นางนุชนาถไม่พอใจ ขอให้ถอนคำพูดคำว่ากี้ๆ ด้วยนายวิโรจน์ จึงยอมถอน ก่อนจะอภิปรายต่อ

นายวิโรจน์ กล่าวว่า มนุษย์ที่ร่ำรวย ถ้าเขาไม่อยากจ่ายภาษีรับให้ พ่อแม่ส่วนใหญ่จะทยอยให้ปีละไม่เกิน 20 ล้านบาท เพื่อไม่ต้องเข้าเกณฑ์เสียภาษี แทนที่นายกรัฐมนตรีจะทำเหมือนกับมนุษย์ทั่วไปที่เขาทำกัน กลับมีพฤติกรรมใช้ช่องว่างทางกฎหมายหลีกเลี่ยงภาษีรับให้มาตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา

นายวิโรจน์ ชี้เป้าว่า เมื่อไปดูบัญชีทรัพย์สิน พบว่านายกรัฐมนตรีมีหนี้ 9 รายการ เป็นเอกสาร 9 แผ่นกระดาษ วิธีการที่นายกรัฐมนตรีใช้ แวดวงธุรกิจเรียกกันว่า ตั๋ว PN ซึ่งเป็นหนี้สินเชื่อ โดยนายกรัฐมนตรีซื้อหุ้นกับพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ เป็นการซื้อเชื่อ แล้วออกตั๋ว PN เพียงเท่านั้น ไม่ได้ซื้อขายจริง

“ซื้อหุ้นกันภาษาอะไร ไม่มีกำหนดว่าจะจ่ายเงินค่าซื้อหุ้นกันเมื่อไหร่ ถ้าชาตินี้ไม่มีใครทวง แพทองธารก็ไม่ต้องจ่าย ลืมไปได้เลยว่าเคยเป็นหนี้ เพราะดอกเบี้ยก็ไม่มีใครคิด แพทองธารไม่ต้องกังวลเลยว่าจะต้องมีภาระในการจ่าย พี่ชาย พี่สาว ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ เป็นเจ้าหนี้ที่แสนดี มีความกรุณามากๆ นอนกอดกระดาษ 9 ใบ โดยที่ไม่รู้ว่าเงิน 4,434.5 ล้านบาท จะได้เมื่อไหร่ โอ้โฮ ถ้าตั๋ว PN ทั้ง 9 ใบนี้ เป็นจริงตามที่ผมว่า ก็แสดงว่าการซื้อหุ้นของแพทองธาร ทำนิติกรรมบังหน้า เอาเปรียบประชาชน เป็นการบ่อนทำลายประเทศ”
ทำให้ ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วงว่า ประธานต้องควบคุมเตือนและตักเตือนนายวิโรจน์ เรื่องมาตรฐานจริยธรรม นายวิโรจน์ต้องรับผิดชอบในการเอาเอกสารต่างๆ ที่นำมาบรรยาย ถ้าไม่ใช่ความจริง ทำให้นายวิโรจน์ ตอบโต้ว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารในการชี้แจง ฝ่ายบริวารอย่ามายุ่ง

แต่ ทพญ.ศรีญาดา ไม่ยอม ระบุว่า ช่วยกรุณาถอนคำพูดด้วย การส่อเสียดกันมันไม่ควรเกิดขึ้น แต่นายวิโรจน์ไม่จบ กล่าวเล่นมุกต่อว่า ถ้าเป็นหมอฟัน ก็ถอนอยู่แล้ว จากนั้น นายวิโรจน์ ลงรายะเอียดการออกตั๋ว PN เป็นการซื้อเชื่อรายคนให้กับญาติ โดยตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการซื้อปลอม ทำให้คนในครอบครัว คนในกงสี ไม่ต้องเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดาเลยแม้แต่บาทเดียว นายกรัฐมนตรีและญาติติโกโหติกาก็ไม่ต้องจ่ายภาษีอะไร แม้แต่เศษเนื้อเศษกระดูกก็ไม่ให้ตกถึงท้องสรรพากร

“ติ่งต่างทำเป็นซื้อ ซึ่งได้มาจากการให้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีรับให้ วันนี้หมดเวลาที่แพทองธารจะทำกงสี เตรียมกระดาษเงินกระดาษทองทำกงเต็กได้เลย…ผมไม่ได้รังเกียจคนรวย เพราะคนรวยคนอื่น เวลาที่เขาจะให้หุ้นลูก ให้เงินหลาน เขาก็เสียภาษีอย่างถูกต้อง แพทองธาร เขาเป็นคนแบบไหน เสียภาษีแบบมนุษย์มนาตรงไปตรงมาไม่ได้หรืออย่างไร คนหนีภาษีแบบนี้เรายังสมควรให้ลอยหน้าลอยตาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ต่อไปได้อย่างไร หน้าที่ของคนทั่วไปยังทำไม่ได้แล้วยังลอยหน้าลอยตาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำของคนไทยทั้งประเทศได้อย่างไร” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีใช้ตั๋ว PN สร้างหนี้ปลอม หลีกเลี่ยงภาษีจำนวนสูงถึง 218.7ล้านบาท ตนอยากรู้จริงๆ ว่าชีวิตที่เป็นปลวกเป็นเพลี้ย คอยเอาเปรียบประชาชน ฉ้อฉลประเทศแบบนี้ เวลาที่คนอย่างแพทองธาร ชินวัตร เดินเฉิดฉายอยู่กลางแจ้ง เขาไม่เคยรู้สึกสำนึกสำเหนียกอายฟ้าอายดินบ้างหรือ

จังหวะนี้ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เตือนว่า ให้ระวังฉันการใช้คำส่อเสียด แต่นายวิโรจน์แย้งว่า เวลาพูดถึงคนหนีภาษีมันเดือด
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีหนีภาษีถึงเกือบ 15% ของภาษีมรดกที่จัดเก็บได้ในปี 2567 ซึ่งถ้าพิจารณาถึงกระบวนท่ากันจริงๆ ถือเป็นกระบวนท่าที่ใช้ภายในจักรวาลชินวัตร ถ้าติดตามนวนิยายจีน จะทราบดีว่าเป็นเทคนิคการเคลื่อนย้ายจักรวาลที่เคยสั่นสะเทือนมาแล้วเมื่อปี 2544 หรือเมื่อ 20 ปีก่อน ตอนนั้นเจ้าสำนักไม่ใช่ใครยักย้ายถ่ายเท หรือซุกหุ้นกันในเฉพาะเครือญาติ แต่ถึงกับเอาไปซุกไว้กับคนรับใช้ เอาไปให้คนขับรถ ล้ำลึกมากๆ ตนประเด็นที่อภิปรายในวันนี้ไปยื่นให้อธิบดีกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบต่อ


ช่วงที่นายวันมูหะมัดนอร์ทำหน้าที่ประธาน มีผู้ประท้วงจำนวนหนึ่ง โดยนายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า ออกทะเล ขณะที่นางนุชนาถ ลุกประท้วงอีกรอบ ว่านายวิโรจน์จินตนาการกว้างไกลมาก ติดหนังจีนมากเกินไปหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวันมูหะมัดนอร์ได้ตักเตือนนายวิโรจน์หลายครั้ง ว่าอย่าใช้คำเสียดสี ใส่ร้าย แต่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ท้วง ขอให้ประธานวางตัวเป็นกลาง ขนาดองครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับเขายังไม่ประท้วงเลย

ทั้งนี้ บรรยากาศการเป็นห่วงกลับมาดุเดือดอีกครั้งในช่วงที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่หนึ่ง ขึ้นทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดยนายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนทนฟัง มีแต่เสียดสี ฝ่ายค้านตระบัดสัตย์หรือไม่เพราะมีลุงไม่มีเรา และตอนนี้อยู่บำรุงแล้ว ทำให้นายวิโรจน์ สวนว่า อยู่ดีๆ ก็ด่าตัวเอง ร้องกี้ๆ สัก 2-3 ครั้งได้หรือไม่

แต่นายไชวัฒนา ยังตอบโต้ด้วยว่าตนคงไม่ไปต่อล้อต่อเถียง ทำให้นายพิเชษฐ์ ตัดบทว่า ไม่เป็นไรครับ และถามนายวิโรจน์ว่า กี้ๆ แปลว่าอะไร

“ท่านวิโรจน์ลองแปลซิ บางทีก็เป็นคำที่ไม่ควรใช้ในสภา แปลว่าอะไรครับ” นายพิเชษฐ์ กล่าว

นายวิโรจน์ จึงชี้แจงว่าเป็นคำปกติ ไม่ได้หยาบคายอะไร แต่เดี๋ยวเล่าแล้วยาว ทำให้นายพิเชษฐ์กล่าวว่า ถ้าไม่มีความหมายก็ไม่ควรนำมาใช้

นายวิโรจน์ กล่าวหาว่า คนอย่างนายกรัฐมนตรี มีความทุจริตเป็นที่ประจักษ์ ประชาชนเขาหวังฝากความหวังไว้กับผู้นำ แต่สุดท้ายเรากลับได้โจรใส่อาภรณ์ ขุนนางสวมรองเท้าไข่มุก แล้วพูดว่ามีกินมีใช้ ไปพร้อมพร้อมกัน ทำให้ ทพญ. ศรีญาดา ลุกขึ้นมาอีกรอบ ประท้วงว่า อย่าเสียดสี โดยเฉพาะเมื่อพูดกับผู้หญิง

จากนั้น นายพิเชษฐ์ ได้กล่าวตักเตือน นายวิโรจน์จึงโต้แย้งว่าคำว่าทุจริต ถ้าพูดไม่ได้ก็อภิปรายไม่ได้แล้ว ก่อนกล่าวต่อว่า “คำว่ามีกินมีใช้ไปพร้อมพร้อมกัน แท้ที่จริงแล้วคือการหาช่องว่างทางกฎหมาย เพื่อให้มีกินกันเฉพาะกงสี ให้ได้อิ่มหมีเฉพาะตระกูลของตัวเอง แพทองธาร ชินวัตร นายกฯหนีภาษี ไม่มีศักดิ์ศรีที่จะดำรงตำแหน่งอีกต่อไปแล้ว ได้เวลาออกไปจากตึกไทยคู่ฟ้า กลับกรงสีที่บ้านจันทร์ส่องหล้าไปได้แล้ว จบนะครับ กี้”

จากนั้นนางนุชนาถ ประท้วงทันทีว่า นายวิโรจน์พูดเสียดสี เหมือนคนที่จะไม่ได้อยู่ในสภาอีกแล้ว แต่นายวิโรจน์ ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ถ้าอยู่ในสภา แล้วต้องอยู่ในฐานะเป็นลิ่วล้อ เป็นบริวารที่ไม่มีศักดิ์ศรี แต่ยังพูดไม่ทันจบ นายพิเชษฐ์ปิดไมค์ แล้วกล่าวว่า จบแล้ว

ต่อมา นายครูมานิตย์ ลุกกล่าวว่า ตั้งแต่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ อภิปรายตนก็บอกกับทีมว่าอย่าประท้วงนะ ให้เกียรติหัวหน้าพรรคเขา แต่นายวิโรจน์อภิปรายด้วยความทุจริต มีการข่มขู่ว่าถ้าโหวตให้นายกรัฐมนตรีจะผิดข้อบังคับ ถือเป็นการกรรโชก

“วันนี้ขอให้พี่วิโรจน์ใจเย็นลงนิดหนึ่งน้อง หรือคุณพี่ที่เคารพครับ ใจเย็นนิดหนึ่ง เพราะเหมือนกับคนสติแตก” นายครูมานิตย์ กล่าว

นายพิเชษฐ์ จึงวินิจฉัยว่า การอยู่ในสภาเป็นตัวตนของแต่ละบุคคล ท่านจะสุภาพหรือไม่เป็นเรื่องของท่าน แต่ถ้าเกินไปก็ต้องประท้วง ประชาชนเขาตัดสิน

จากนั้น นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วงนายวิโรจน์ว่า อภิปรายเสียดสีมาโดยตลอด ต่อไปถ้าจะพูดจาอะไร ขอให้พยายามใช้สมอง แต่นี่เขาใช้สมองแค่ 2 ซีกเท่านั้น ได้แก่ 1.ยกตนข่มท่าน ด้อยค่าคนอื่น เสียดสีคนอื่น 2.ยกย่องพวกตัวเองเท่านั้น คนแบบนี้เหมาะสมเป็นหัวหน้าม็อบ ดังนั้น ประธานต้องวินิจฉัยอย่างเอาจริงเอาจัง เดี๋ยวมันจะได้ใจ ไอ้เหลือก!

ทำให้นายพิเชษฐ์วินิจฉัยว่า ตั้งแต่นายวันมูหะมัดนอร์มาถึง ตนพยายามตักเตือนนายวิโรจน์ว่าสุภาพหน่อย และให้เกียรตินายกรัฐมนตรีด้วย เพราะออกไปข้างนอก ประชาชนจะมองนายกรัฐมนตรีอย่างไร

นายวิโรจน์ จึงลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิงว่าไปถึงนายครูมานิตย์ ว่าตนคิดว่าการพูดถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ สส.ทุกคนเข้าใจถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ส่วน สส.อีกคน ตนไม่อยากเอ่ยชื่อ มาบอกว่าใช้สมองซีกซ้ายซีกขวา 2 ซีกอะไร ตนก็ยังดีใจที่ใช้สมอง แต่เมื่อกี้คำพูดของท่านชัดเจนว่าไม่มีสมอง

ทำให้นายธีระชัย ลุกขึ้นโต้ว่า “ถ้าจะต่อล้อต่อเถียง เขาประสบความสำเร็จอะไรบ้าง ผมอยากรู้ นอกจากใช้ปากเป็นอาวุธ ระวังปากด้วยครับ เดี๋ยวนี้ผมแก่แล้ว ไม่กลัวด้วยไอ้พวกปาก…” ซึ่งนายธีระชัยยังไม่ทันพูดจบ นายพิเชษฐ์ปิดไมค์ จนทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายโต้กันอย่างดุเดือดนอกไมค์

ทั้งนี้ในช่วงท้าย นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ลุกหารือว่า ในการอภิปรายของนายวิโรจน์มีการอภิปรายพาดพิงถึงบุคคลภายนอก ดังนั้นในรายงานหรือบันทึกการประชุมช่วยว่านำชื่อคนนอกออก เพื่อความถูกต้องของการอภิปราย ตามข้อบังคับด้วย

นายพิเชษฐ์ ชี้แจงว่า การเอ่ยชื่อคนนอกต้องรับผิดชอบเอง จากนั้นได้ให้ผู้จะอภิปรายในลำดับถัดไปได้อภิปรายต่อไป.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่น้ำท่วมหลายชุมชน ปิดน้ำตก 3 แห่ง

เชียงใหม่ 26 พ.ค.-เชียงใหม่ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง เกรงจะเกิดอันตราย ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ น้ำท่วมหลายชุมชน ระบายน้ำไม่ทัน บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ฝนตกหนัก ทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงลำห้วย ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ เชียงใหม่ สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง ทั้งน้ำตกแม่สา น้ำตกตาดหมอก อำเภอแม่ริม และน้ำตกหมอกฟ้า อำเภอแม่แตง เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและมีสีแดงขุ่น กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ ทำให้น้ำป่าบนดอยสุเทพ ไหลหลากลงลำห้วยมาตามทางระบายน้ำและไหลลงลำคลองคูไหว ทำให้เอ่อล้น จนระบายน้ำไม่ทัน เข้าท่วมขังในชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนฟ้าใหม่ ชุมชนกาดก้อม ระดับน้ำท่วมขังสูง 30-50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ประชาชนและร้านค้าได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับนักเรียนกำลังเดินทางไปเรียน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเทสบาลนครเชียงใหม่ กำลังเร่งสูบระบายน้ำอย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 25 พ.ค.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย

กว่า 130 ชม. ภารกิจสำเร็จ! กู้ร่างคนงานตกหลุมเสาเข็ม

กทม. 25 พ.ค.- ภารกิจสำเร็จ! ทีมกู้ภัยนำร่าง “นายดาว” คนงานพลัดตกหลุมเสาเข็ม ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขึ้นมาด้านบนสำเร็จ หลังใช้เวลาปฏิบัติการกว่า 130 ชั่วโมง ความคืบหน้ากรณีนายศราวุฒิ หรือ นายดาว อายุ 33 ปี ชาวศรีสะเกษ คนงานที่พลัดตกลงไปในหลุมเสาเข็มความลึก 19 เมตร บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 6 และ 8 แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้คาดพิกัดที่อาจพบร่างผู้เสียชีวิตที่ระดับความลึก 11.5 เมตร ล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 24 พ.ค. บริเวณซอยหลานหลวง 8 เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย USAR และมูลนิธิร่วมกตัญญู ยังคงพยายามเร่งค้นหาเพื่อกู้ร่างนายศราวุฒิ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี […]

“บังยา บองหลาคิงส์” รุดจับแม่งูจงอาง ไล่ฉกชาวบ้านวิ่งป่าราบ

สงขลา 25 พ.ค.- ชาวสวนยางสงขลา ผวา! แม่งูจงอางหวงไข่ดุมาก ไล่ฉกเจ้าของสวนวิ่งป่าราบ ต้องหยุดกรีดยาง ร้อนถึง “บังยาบองหลาคิงส์” ราชางูจงอางภาคใต้ ต้องมาช่วยจับ บังยา บองหลาคิงส์ ราชางูจงอางของภาคใต้ ตีรถด่วนจาก จ.กระบี่ มาช่วยจับงูจงอางนอนฟักไข่เฝ้ารังอยู่ในป่าสวนยาง พื้นที่บ้านควนยาง หมู่ 9 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสวนยางของนายปรีชา อายุ 46 ปี ซึ่งตอนนี้เดือดร้อนมาก ไม่กล้าไปกรีดยางเพราะมีแม่งูจงอางมานอนฟักไข่เฝ้ารังติดกับต้นยาง ครั้งแรกที่ไปเจอตอนไปกรีดยางเมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เกือบโดนฉกมาแล้วเพราะเข้าไปใกล้รัง จนต้องวิ่งหนีสุดชีวิต หลังจากนั้นก็ไม่กล้าขึ้นไปกรีดยางอีกเลย จนต้องแจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง บังยา บองหลาคิงส์ ให้มาช่วยจับ เมื่อทีมงานบังยา บองหลาคิงส์ มาถึงก็ต้องเดินเท้าขึ้นไปที่ป่าสวนยาง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร เมื่อไปถึงก็พบแม่งูจงอางตัวนี้นอนอยู่บนรังไม่ไปไหน และดุมากชูคอฉกตลอดเวลาหากเข้าใกล้ บังยาต้องหลอกล่ออยู่สักพักก็อาศัยจังหวะความนิ่งใช้มือเปล่าล็อกคอเอาไว้ได้ เป็นแม่งูสาวน่าจะท้องแรกหรือท้องสอง ยาวเกือบ 3 เมตร และเมื่อรื้อรังดูก็มีไข่อยู่ในรัง 28 ฟองและอีกไม่เกิน 10 […]

ข่าวแนะนำ

รวบเจ้าของหอพักโหดย่านรังสิต ข้อหากรรโชกทรัพย์

ปทุมธานี 28 พ.ค. – ตำรวจปทุมธานี บุกรวบเจ้าของหอพักย่านรังสิต พร้อมครอบครัว ข้อหากรรโชกทรัพย์ หลังมีนักศึกษาแจ้งความร้องทุกข์ว่า เจ้าของหอพักแห่งนี้ทำร้ายร่างกาย ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เช่าโดยไม่ยอมคืน พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจปทุมธานี นำหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ลงวันที่ 27 พ.ค. ในข้อหากรรโชกทรัพย์ เข้าจับกุม พ.ต.อ.พูลศักดิ์ อายุ 64 ปี นางพัชรียา อายุ 56 ปี และนางสาวพูลชนก อายุ 28 ปี ที่หอพักใน 7 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี จากกรณีมีนักศึกษากว่า 20 ราย เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต และเจ้าหน้าที่ สคบ. ว่าเจ้าของหอพักแห่งนี้ทำร้ายร่างกายนักศึกษา ยึดเอกสารหลักฐานทางราชการ ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เช่าโดยไม่ยอมคืน บางจังหวะการจับกุมจะเห็นได้ว่ามีการโต้เถียงกันและมีการขัดขืน แต่สุดท้ายต้องยอมจำนนต่อหมายจับ พล.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า ตำรวจขอหมายจับจากศาลไป 3 […]

คนร้ายบุกยิงในงานกีฬาสี อบต.เกาะสะท้อน อส.-ครู เจ็บ 4

นราธิวาส 28 พ.ค. – คนร้ายบุกยิงในงานกีฬาสีต้านยาเสพติด อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้อาสาสมัครรักษาดินแดนบาดเจ็บ 3 คน ครูบาดเจ็บ 1 คน ส่วนเหตุคนร้ายยิงใส่ป้อมหน้า สภ.จะแนะ ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย เจ็บ 1 นาย เจ้าหน้าที่เร่งไล่ล่าคนร้าย คนร้ายชุดสีดำเดินถือปืนเข้ามาในลานกีฬาเซปักตะกร้อ งานแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด อบต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จากนั้นรัวยิงชุดแรก 4 นัด คนที่ร่วมแข่งขันพากันวิ่งหลบหนี จากนั้นคนร้ายรัวยิงอีก 3 นัด ซึ่งภาพหลุดจากวิถีกล้องไปแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่และหน่วยงานความมั่นคงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ 4 คน ประกอบด้วย 1.นายสุกรี ครูโรงเรียนบ้านเกาะสะท้อน 2.อาสารักษาดินแดนฮัมดานุดดีน 3.อาสารักษาดินแดนมุสลิม และนายไซนุดดิน ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลตากใบ สอบสวนทราบว่าคนร้าย 6 คน ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ 3 คัน ขี่เข้ามาโดยปะปนกับประชาชน และก่อเหตุยิงผู้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดจนมีผู้บาดเจ็บ หลังเกิดเหตุนายอำเภอตากใบลงพื้นที่เยี่ยมผู้บาดเจ็บ […]

นายกฯ ยกหูคุย “ฮุน มาเนต” คลี่คลายเหตุปะทะชายแดน

รัฐสภา 28 พ.ค.- นายกฯ รับทราบเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เผยยกหูคุยตรง “นายกฯ ฮุน มาเนต” ให้สถานการณ์คลี่คลายเร็วที่สุด ปัดตอบกรณี “ทักษิณ” ประกาศสงครามกับว้าแดง-สถานการณ์ใต้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางออกจากอาคารรัฐสภา ในเวลา 17.40 น. ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยไทย-กัมพูชา บริเวณด่านช่องบก จ.อุบลราชธานี ว่า ได้รับรายงานแล้ว และจะมีการพูดคุยกันของผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ส่วนตนเองได้พูดคุยกับกระทรวงกลาโหมแล้ว ซึ่งเดี๋ยวก็คงมีข้อตกลงกันออกมา ขณะเดียวกัน ตนเองก็ได้มีการพูดคุยกับ พลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วย ไม่มีอะไร ซึ่งมีความเข้าใจตรงกันว่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงโดยเร็วที่สุด และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อีก ส่วนจะมีการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีสองประเทศหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ของตนเองกับนายกฯ กัมพูชา ก็เป็นไปได้ด้วยดี เมื่อถามว่า กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศสงครามกับว้าแดง เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด รัฐบาลมีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่ะ ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ในวันนี้ […]

ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคาม หลังพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดน

กองทัพอากาศ 28 พ.ค.- ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคามต่อประเทศ หลังตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.03 น. กองทัพอากาศได้สั่งการให้เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง จากหน่วยบิน กองบิน 4 ปฏิบัติภารกิจการบินป้องกันทางอากาศ วิ่งขึ้นจากสนามบินตาคลี หลังหน่วยควบคุมอากาศยานและแจ้งเตือน ตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เครื่องบินต้องสงสัยลำดังกล่าว เป็นอากาศยานสมรรถนะสูงแบบ YAK-130 มีทิศทางบินมุ่งเข้าสู่เขตแดนไทยในระยะใกล้ กองทัพอากาศ จึงสั่งการบินพิสูจน์ทราบและแสดงท่าทีป้องปราม ตามมาตรการปกติ เพื่อเฝ้าระวังและยืนยันสถานการณ์ จากการติดตามพบว่า เครื่องบินดังกล่าวได้เปลี่ยนทิศทางและออกจากเขตใกล้ชายแดนไทย ในเวลา 13.16 น. โดยไม่แสดงพฤติกรรมรุกราน หรือมีเจตนาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด “กองทัพอากาศ ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจปกติในการเฝ้าระวังป้องกันน่านฟ้า ซึ่งกองทัพอากาศดำเนินการอย่างเข้มแข็งและสม่ำเสมอ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ สร้างความปลอดภัย และความมั่นใจให้แก่ประชาชน” โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว ทั้งนี้ […]