กทม.23 มี.ค.-นักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นประเทศไทยลงทุน 2 เดือนแรก เงินสะพัด 3.5 หมื่นล้าน โต 33% ญี่ปุ่นครองแชมป์ลงทุนอันดับหนึ่ง
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากรายงานตัวเลขการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มีจำนวน 181 ราย เพิ่มขึ้น 68% ในช่วง 2 เดือน ปี 2568 (มกราคม – กุมภาพันธ์) เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 41 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 140 ราย เงินลงทุนรวม 35,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% และจ้างงานคนไทย 1,344 คน เพิ่มขึ้น 140%
โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ญี่ปุ่น 38 ราย คิดเป็นร้อยละ 21 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 13,676 ล้านบาท 2. จีน 23 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 5,113 ล้านบาท 3. สิงคโปร์ 23 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 4,490 ล้านบาท 4. สหรัฐอเมริกา 19 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,372 ล้านบาท และ 5. ฮ่องกง 16 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย มีเงินลงทุน 1,587 ล้านบาท
นอกจากนี้ การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วง 2 เดือน มีจำนวน 57 ราย คิดเป็นร้อยละ 31 ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้น 63% มีมูลค่าการลงทุน 17,546 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50 ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจาก ญี่ปุ่น 19 ราย ลงทุน 8,096 ล้านบาท จีน 14 ราย ลงทุน 2,751 ล้านบาท สิงคโปร์ 8 ราย ลงทุน 2,191 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ อีก 16 ราย ลงทุน 4,508 ล้านบาท
“การเข้ามาประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมข้างต้น มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งมั่นส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาค โดยเน้นการดึงดูดการลงทุนที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลก ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้กับแรงงานไทย เพื่อเสริมสร้างโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน” นางสาวศศิกานต์ กล่าว.-319.-สำนักข่าวไทย