“กัณวีร์” รับไม่ได้ กห. พาสื่อบินดูความเป็นอยู่ชาวอุยกูร์

รัฐสภา 20 มี.ค.- “กัณวีร์” รับไม่ได้ ก.กลาโหม พาสื่อบินดูความเป็นอยู่ชาวอุยกูร์ ถามได้ข้อมูลจริงหรือไม่ เผย เตรียมอภิปรายปมอุยกูร์ 40 นาที งง ภาพหญิงมุสลิมกอด “ภูมิธรรม” ได้อย่างไร


นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีรัฐบาลไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ พาสื่อมวลชน เดินทางไปยังเมืองซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อดูชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ ว่า จริง ๆ แล้ว ไม่อยากจะมีความเห็นกับการที่รัฐบาลไทยได้มีการเดินทางกลับไปเยี่ยมเยียน เพราะตนเองไม่เห็นชอบตั้งแต่แรกในการผลักดันกลับ ถามเสมอมาว่าความสมัครใจของผู้ลี้ภัย 40 ชีวิตที่เป็นชาวอุยกูที่อยู่ในห้องกักของ สตม. มา 11 ปี เขามี ความสมัครใจขนาดไหน มีหลักฐานอะไรมายืนยันบ้าง ให้กับประชาคมระหว่างประเทศเห็นถึงความสมัครใจ ซึ่งหนึ่งในการแก้ไขปัญหาของผู้ลี้ภัยคือการสมัครใจเดินทางกลับประเทศ แต่ว่ารัฐบาลไทยไม่สามารถชี้แจงในเรื่องหลักฐานต่าง ๆ ได้

“สุดท้ายเป็นเหมือนการตบหัวแล้วไปลูบหลัง ที่บอกว่าเราจะไปเยียวยาเขา จะส่งผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เดินทางไปเยี่ยมเยียน เราเห็นเมื่อวานนี้ว่ามี 4 คนที่ทางรองนายกฯ ไปพบ 2 คน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไปพบอีก 2 คน ส่วนอีกหนึ่งคนเป็นการพูดคุยผ่านระบบซูม” นายกัณวีร์ กล่าว


นายกัณวีร์ ระบุว่า การกลับไปเยี่ยมเยียนแบบนี้ ทุกคนดีว่าเป็นรูปแบบอย่างไร ซึ่งพี่น้องชาวอุยกูร์เป็นชาวมุสลิม ซึ่งเมื่อวานนี้ ภาพที่ออกมาน่าตกใจพอสมควร ที่มีการกอดแขนท่านรองนายกฯ โดยผู้หญิงชาวอุยกูร์ที่บอกว่าเป็นคุณแม่ และน้องสาว หรือพี่สาว ตอนที่ตนเองไปเจอผู้หญิงมุสลิม ต้องใส่ฮิญาบ จึงมองว่าไม่สามารถเป็นขนาดนั้นได้ เพราะฉะนั้น มันเป็นภาพที่ย้อนแย้งกับความเป็นจริง ถ้าบอกว่าความพัฒนาเกิดขึ้นแล้ว ตนเองว่าพี่น้องมุสลิมทั่วโลก คงบอกว่าอันนี้ไม่ใช่การพัฒนาในเชิงศาสนา แต่เป็นการสร้างภาพหรือไม่ ดังนั้น จึงมีอะไรหลายอย่าง และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่แสดงให้เห็นว่ามันไม่จริง ความเป็นจริงในการเดินทางกลับไปดูแล้วต้องแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นใครอยู่ที่ไหน โดยจากการเช็คข้อมูลของตนเองสามารถบอกได้ว่าเป็น 2 ใน 40 คนที่เดินทางกลับไป แต่กลับแล้วเป็นอย่างไร ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ย้อนแย้งต่อสายตาประชาคมโลก

เมื่อถามว่าภาพที่ออกมาจะสามารถยืนยันได้ชัดเจนหรือไม่ว่าพวกเขาปลอดภัย นายกัณวีร์ กล่าวว่า ข้อกังขาในเวทีระหว่างประเทศ ไม่ใช่ว่าเขากลับไปแล้วอยู่ดีมีสุขหรือไม่ แต่คือความสมัครใจของพวกเขา รัฐบาลหากจะทำขนาดนี้ในการเดินทางกลับไป ควรเอาหลักฐานออกมาดีกว่า ว่าเขาสมัครใจ กลไกที่มามีกระบวนการการพูดคุยระหว่าง สถานทูตจีนในประเทศไทย และ สตม. มีหลักฐาน รูป วิดีโอหรือไม่ โดยคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ และคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้ถามขอภาพ CCTV แต่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง บอกว่าไม่มีอัดไว้ มีแต่เรียลไทม์ ดังนั้น ทุกอย่างไม่มีหลักฐานซึ่งมองว่าเป็นข้อกังขาใหญ่

เมื่อถามถึงคำสัมภาษณ์ของชาวอุยกูร์ ที่บอกว่าเต็มใจกลับจีน และเมื่อ 10 ปีที่แล้วมีการถูกชักจูงจากกลุ่มหัวรุนแรง รวมถึงไม่มีจดหมายที่เขียนออกมา นายกัณวีร์ กล่าวว่า “ผมเสียดายนะ เสียดายในเรื่องภาษีพี่น้องประชาชนที่เอาบินไปประเทศจีน แล้วก็เอาไปหาข้อมูลจดหมายของผม 3 ฉบับ ว่าเป็นจดหมายฉบับจริงหรือไม่ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมว่ามันไม่ควร“นายกัณวีร์ กล่าว


นายกัณวีร์ ระบุว่า จริง ๆ แล้วการเดินทางกลับไป ถ้าใช้มาตรฐานสากลจริง ๆ คือ individual choice การตัดสินใจรายบุคคล การที่จะบอกว่าคน 2 คน แล้วเป็นของบุคคลทั้งหมด 40 คนนั้นไม่จริง 40 คนตอนนี้อยู่ที่ไหน เราเห็นแค่ 4 คนเท่านั้น เห็นแค่จากรูปถ่าย และวิดีโอ เราไม่สามารถบอกได้ว่าอีก 30 คนไปไหน และยังมีข้อมูลอันนึงที่บอกว่า มีคนนึงอยู่กับพี่สาว ทำงานอยู่ และอยู่คนละเมืองกับภรรยา และลูก ตนเองจึงตั้งคำถามว่า เมืองไหน เพราะฉะนั้น เมืองที่เขาพูดอยู่ตรงไหน คือหลักฐานข้อมูลต่าง ๆ ต้องแสดงข้อเท็จจริง แต่ตอนนี้เป็นกระแสในเรื่องข้อมูลข่าวสารที่ออกมาจากฝั่งเดียว คำครหาคือการผลักดันกลับในตอนแรก คือความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลจีน การเดินทางกลับไปเยี่ยมคนที่กลับไป ก็เป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับรัฐบาลจีน เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า คุณจะมีข้อพิสูจน์อะไรมีองค์กรกลางใดๆ สามารถไปเยี่ยมชมได้เช่นกันในการที่บอกว่าใช่ ไม่ใช่

“ผมว่าพี่น้องสื่อมวลชนเองก็เหมือนกัน ก็โดนเลือกไปเหมือนกันว่าจะมีใครไปได้บ้าง และหลายคนไม่สามารถเดินทางไปได้ เพราะฉะนั้น อันนี้เป็นสิ่งที่ผมมองว่าไม่ตอบโจทย์ จึงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรต่อ” นายกัณวีร์ กล่าว

ส่วนการเดินทางไปในครั้งนี้เพื่อแก้ต่างให้จีนหรือไม่ นายกัณวีร์ กล่าวว่า เป็นการแก้เกม ตนเองเคยอยู่ในแวดวงของความมั่นคงก็รู้ว่า คิดอะไรทำอะไร และจะทำอะไรต่อไป การโชว์มามันไม่ตอบโจทย์ความเป็นจริง

“ผมพยามจะมองข้ามในเรื่องเกี่ยวกับการกลับไปเยี่ยมเยียนครั้งนี้ เพราะว่ารับไม่ได้ตั้งแต่ต้น แต่พอยิ่งกลับไปดูว่าเขาทำอะไรออกมา สร้างภาพอะไรออกมา ผมยิ่งรับไม่ได้ และในเวทีระหว่างประเทศยิ่งรับไม่ได้” นายกัณวีร์ กล่าว

ส่วนแสดงว่าสื่อที่ถูกเลือกไปก็ถูกปิดปากนั้น ตนเองไม่ทราบว่าถูกปิดปากหรือไม่ แต่ว่าเราเห็นข้อมูลต่างๆ ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง รูปต่างๆที่เราเห็นก็เห็นว่ามีการเบลอหน้าทุกคน ทั้งเจ้าหน้าที่จีน มีเพียงเจ้าหน้าที่ไทยที่ไม่ต้องเบลอหน้า แล้วทำไมเราถึงไม่สามารถมองเห็นได้ ถ้าบอกว่าการเดินทางกลับไปในครั้งนี้ เป็นการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนในเรื่องผู้ลี้ภัย ทุกคน ณ ปัจจุบันนี้ จะไม่ใช่เหยื่ออีกต่อไป ทุกคนต้องกลับไปคืนสู่สังคมได้แล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปนี่เป็นสิ่งที่ยังค้างคาใจตนเองเช่นกัน

นายกัณวีร์ กล่าวอีกว่า ตอนแรกเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจเตรียมไว้ 3 เรื่อง คือ เรื่องชายแดนใต้ชายแดนไทยเมียนมา และเรื่องอุยกูร์ แต่ตอนนี้เห็นว่าเป็นประเด็นที่มีรายละเอียดเยอะ จึงจะมุ่งเน้นอภิปรายเรื่องอุยกูร์อย่างเดียวทั้งหมด 40 นาที นำหลักฐานทั้งหมดมาแสดงให้เห็น หลักฐานต่าง ๆ ที่บอกว่าเป็นจดหมายผิดซอง คลิปเสียง ภาพ ไทม์ไลน์ต่าง ๆ ออกมาว่ามันมีข้อกังขาอะไรบ้าง ที่ทำให้ไม่สามารถตอบอย่างชัดเจนได้

นายกัณวีร์ กล่าวถึงกรณีการโต้ว่าจดหมายที่ออกมาเปิดเผยนั้นไม่มีอยู่จริง ว่า ก็ไปถามคนเดียวสองคน ถ้าจะให้ 40 คนเขียน ก็ต้องเขียนคนละตัว เวลาไปถามคน ก็ไปถามคนที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ คนที่เขียนจดหมายก็ต้องเป็นคนที่รู้ภาษาอังกฤษดังนั้นคงจะถามผิดคนเช่นเดียวกัน

”ถ้าบอกผมจดหมายผิดซอง เขาก็ถามผิดคน“ นายกัณวีร์ กล่าว

นายกัณวีร์ ยืนยันในหลักฐานที่มีอยู่ และในอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีหลักฐานมากกว่านั้นอาจจะเป็นซีรี่ส์เลยเพื่อให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วเราต้องเปิดเผยตั้งแต่แรกว่าเกิดอะไรขึ้น

นายกัณวีร์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้นำศาสนาบอกว่ารัฐบาลจีนดูแลเป็นอย่างดี ว่า อันนั้นก็เป็นข้อมูลจากฝั่งของเขา ตอนนี้ตนเองยังไม่ได้รับทราบ “แต่ว่าลองดูดีๆ นะ ว่า 4 คนที่เห็น เวลากลับไปแปลกเนาะ เวลาเราไปเจอผู้หญิงพี่น้องมุสลิม เขาต้องมีการคลุมฮิญาบ เขาไม่สามารถที่จะไปแตะเนื้อต้องตัวผู้ชายได้ แต่ผมเห็นอยู่ดี ๆ จะมากอดพี่อ้วนผมได้ไง ในมุมของศาสนาก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องตั้งข้อสังเกต”

ส่วนที่ทางการจีนบอกว่าไม่ได้ปิดกั้นอะไรนั้นก็เป็นเรื่องภายในประเทศเขาซึ่งเราคงไม่ก้าวล่วงแต่สิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยซึ่งไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเช่นการส่งกลับเราต้องตอบคำถามให้ได้ทั้งเรื่องการต่างๆก็เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนอีกเรื่องหนึ่งแต่ที่เรากำลังพูดอยู่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับ การผลักดันกลับไปประเทศที่อาจเกิดการประหัตประหารได้เป็นสิ่งที่เราเกี่ยวข้องโดยตรงเพราะเรามีกฎหมายภายในประเทศและมีกฎหมายระหว่างประเทศที่เราให้สัตยาบันแต่เราไม่ปฏิบัติตามทางกฎหมายภายในและภายนอกประเทศจึงเป็นเรื่องผลกระทบพร้อมย้ำว่าเรื่องภายในประเทศของจีนก็เป็นเรื่องขององค์การระหว่างประเทศที่ต้องไปตรวจสอบอีกครั้งนึง

นายกัณวีร์ กล่าวถึงกรณีที่แฟนคลับพรรคการเมืองหนึ่ง ยื่นสอบจริยธรรมของตนเอง ว่า ตนเองพร้อม เพราะตอนนี้เป็นผู้แทนประชาชน เรามีกลไกตรวจสอบเรื่องจริยธรรม ให้เป็นไปตามกระบวนการ อยากให้ สส. พร้อมรับการตรวจสอบ เพราะเราก็ตรวจสอบคนอื่นเช่นเดียวกัน อย่างตนเองก็ตรวจสอบรัฐบาล ฝ่ายบริหาร เพราะฉะนั้น ใครอยากตรวจสอบสิ่งที่ตนเองทำก็เชิญ และยืนยันว่าจะแสดงความชัดเจน และความโปร่งใส และตนเองอยากเห็นกลไกการตอบสนองด้วยเช่นกัน สมมุติว่าการร้องต่าง ๆ เป็นเท็จ จะมีกลไกตรวจสอบกลับไปหรือไม่อย่างไร.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย

รวมพลังหยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตคนลุ่มน้ำชายแดน

5 มิ.ย. – วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งขณะนี้ผู้คนตามลุ่มน้ำชายแดนไทย-เมียนมา ทางภาคเหนือของไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อม หลัง 2 เดือนมานี้พบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในลำน้ำกกและน้ำสาย รวมถึงแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง เชื่อว่าเป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่หลายแห่งบริเวณต้นน้ำในเมียนมา วันนี้ชาวเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการเจรจาให้หยุดเหมืองพิษและคืนชีวิตให้กับลุ่มน้ำต่างๆ .-สำนักข่าวไทย

แฉชนวนเหตุ ไรเดอร์บุกยิงดับ 2 ศพคา รพ.

ปทุมธานี 5 มิ.ย. – จากเหตุระทึกขวัญที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา ไรเดอร์บุกยิงคนถึงในบ้าน แล้วยังขับรถตามไปยิงซ้ำที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิต วันนี้ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ชนวนเหตุมาจากอะไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย