“กัณวีร์” รับไม่ได้ กห. พาสื่อบินดูความเป็นอยู่ชาวอุยกูร์

รัฐสภา 20 มี.ค.- “กัณวีร์” รับไม่ได้ ก.กลาโหม พาสื่อบินดูความเป็นอยู่ชาวอุยกูร์ ถามได้ข้อมูลจริงหรือไม่ เผย เตรียมอภิปรายปมอุยกูร์ 40 นาที งง ภาพหญิงมุสลิมกอด “ภูมิธรรม” ได้อย่างไร


นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีรัฐบาลไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ พาสื่อมวลชน เดินทางไปยังเมืองซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อดูชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ ว่า จริง ๆ แล้ว ไม่อยากจะมีความเห็นกับการที่รัฐบาลไทยได้มีการเดินทางกลับไปเยี่ยมเยียน เพราะตนเองไม่เห็นชอบตั้งแต่แรกในการผลักดันกลับ ถามเสมอมาว่าความสมัครใจของผู้ลี้ภัย 40 ชีวิตที่เป็นชาวอุยกูที่อยู่ในห้องกักของ สตม. มา 11 ปี เขามี ความสมัครใจขนาดไหน มีหลักฐานอะไรมายืนยันบ้าง ให้กับประชาคมระหว่างประเทศเห็นถึงความสมัครใจ ซึ่งหนึ่งในการแก้ไขปัญหาของผู้ลี้ภัยคือการสมัครใจเดินทางกลับประเทศ แต่ว่ารัฐบาลไทยไม่สามารถชี้แจงในเรื่องหลักฐานต่าง ๆ ได้

“สุดท้ายเป็นเหมือนการตบหัวแล้วไปลูบหลัง ที่บอกว่าเราจะไปเยียวยาเขา จะส่งผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เดินทางไปเยี่ยมเยียน เราเห็นเมื่อวานนี้ว่ามี 4 คนที่ทางรองนายกฯ ไปพบ 2 คน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไปพบอีก 2 คน ส่วนอีกหนึ่งคนเป็นการพูดคุยผ่านระบบซูม” นายกัณวีร์ กล่าว


นายกัณวีร์ ระบุว่า การกลับไปเยี่ยมเยียนแบบนี้ ทุกคนดีว่าเป็นรูปแบบอย่างไร ซึ่งพี่น้องชาวอุยกูร์เป็นชาวมุสลิม ซึ่งเมื่อวานนี้ ภาพที่ออกมาน่าตกใจพอสมควร ที่มีการกอดแขนท่านรองนายกฯ โดยผู้หญิงชาวอุยกูร์ที่บอกว่าเป็นคุณแม่ และน้องสาว หรือพี่สาว ตอนที่ตนเองไปเจอผู้หญิงมุสลิม ต้องใส่ฮิญาบ จึงมองว่าไม่สามารถเป็นขนาดนั้นได้ เพราะฉะนั้น มันเป็นภาพที่ย้อนแย้งกับความเป็นจริง ถ้าบอกว่าความพัฒนาเกิดขึ้นแล้ว ตนเองว่าพี่น้องมุสลิมทั่วโลก คงบอกว่าอันนี้ไม่ใช่การพัฒนาในเชิงศาสนา แต่เป็นการสร้างภาพหรือไม่ ดังนั้น จึงมีอะไรหลายอย่าง และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่แสดงให้เห็นว่ามันไม่จริง ความเป็นจริงในการเดินทางกลับไปดูแล้วต้องแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นใครอยู่ที่ไหน โดยจากการเช็คข้อมูลของตนเองสามารถบอกได้ว่าเป็น 2 ใน 40 คนที่เดินทางกลับไป แต่กลับแล้วเป็นอย่างไร ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ย้อนแย้งต่อสายตาประชาคมโลก

เมื่อถามว่าภาพที่ออกมาจะสามารถยืนยันได้ชัดเจนหรือไม่ว่าพวกเขาปลอดภัย นายกัณวีร์ กล่าวว่า ข้อกังขาในเวทีระหว่างประเทศ ไม่ใช่ว่าเขากลับไปแล้วอยู่ดีมีสุขหรือไม่ แต่คือความสมัครใจของพวกเขา รัฐบาลหากจะทำขนาดนี้ในการเดินทางกลับไป ควรเอาหลักฐานออกมาดีกว่า ว่าเขาสมัครใจ กลไกที่มามีกระบวนการการพูดคุยระหว่าง สถานทูตจีนในประเทศไทย และ สตม. มีหลักฐาน รูป วิดีโอหรือไม่ โดยคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ และคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้ถามขอภาพ CCTV แต่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง บอกว่าไม่มีอัดไว้ มีแต่เรียลไทม์ ดังนั้น ทุกอย่างไม่มีหลักฐานซึ่งมองว่าเป็นข้อกังขาใหญ่

เมื่อถามถึงคำสัมภาษณ์ของชาวอุยกูร์ ที่บอกว่าเต็มใจกลับจีน และเมื่อ 10 ปีที่แล้วมีการถูกชักจูงจากกลุ่มหัวรุนแรง รวมถึงไม่มีจดหมายที่เขียนออกมา นายกัณวีร์ กล่าวว่า “ผมเสียดายนะ เสียดายในเรื่องภาษีพี่น้องประชาชนที่เอาบินไปประเทศจีน แล้วก็เอาไปหาข้อมูลจดหมายของผม 3 ฉบับ ว่าเป็นจดหมายฉบับจริงหรือไม่ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมว่ามันไม่ควร“นายกัณวีร์ กล่าว


นายกัณวีร์ ระบุว่า จริง ๆ แล้วการเดินทางกลับไป ถ้าใช้มาตรฐานสากลจริง ๆ คือ individual choice การตัดสินใจรายบุคคล การที่จะบอกว่าคน 2 คน แล้วเป็นของบุคคลทั้งหมด 40 คนนั้นไม่จริง 40 คนตอนนี้อยู่ที่ไหน เราเห็นแค่ 4 คนเท่านั้น เห็นแค่จากรูปถ่าย และวิดีโอ เราไม่สามารถบอกได้ว่าอีก 30 คนไปไหน และยังมีข้อมูลอันนึงที่บอกว่า มีคนนึงอยู่กับพี่สาว ทำงานอยู่ และอยู่คนละเมืองกับภรรยา และลูก ตนเองจึงตั้งคำถามว่า เมืองไหน เพราะฉะนั้น เมืองที่เขาพูดอยู่ตรงไหน คือหลักฐานข้อมูลต่าง ๆ ต้องแสดงข้อเท็จจริง แต่ตอนนี้เป็นกระแสในเรื่องข้อมูลข่าวสารที่ออกมาจากฝั่งเดียว คำครหาคือการผลักดันกลับในตอนแรก คือความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลจีน การเดินทางกลับไปเยี่ยมคนที่กลับไป ก็เป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับรัฐบาลจีน เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า คุณจะมีข้อพิสูจน์อะไรมีองค์กรกลางใดๆ สามารถไปเยี่ยมชมได้เช่นกันในการที่บอกว่าใช่ ไม่ใช่

“ผมว่าพี่น้องสื่อมวลชนเองก็เหมือนกัน ก็โดนเลือกไปเหมือนกันว่าจะมีใครไปได้บ้าง และหลายคนไม่สามารถเดินทางไปได้ เพราะฉะนั้น อันนี้เป็นสิ่งที่ผมมองว่าไม่ตอบโจทย์ จึงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรต่อ” นายกัณวีร์ กล่าว

ส่วนการเดินทางไปในครั้งนี้เพื่อแก้ต่างให้จีนหรือไม่ นายกัณวีร์ กล่าวว่า เป็นการแก้เกม ตนเองเคยอยู่ในแวดวงของความมั่นคงก็รู้ว่า คิดอะไรทำอะไร และจะทำอะไรต่อไป การโชว์มามันไม่ตอบโจทย์ความเป็นจริง

“ผมพยามจะมองข้ามในเรื่องเกี่ยวกับการกลับไปเยี่ยมเยียนครั้งนี้ เพราะว่ารับไม่ได้ตั้งแต่ต้น แต่พอยิ่งกลับไปดูว่าเขาทำอะไรออกมา สร้างภาพอะไรออกมา ผมยิ่งรับไม่ได้ และในเวทีระหว่างประเทศยิ่งรับไม่ได้” นายกัณวีร์ กล่าว

ส่วนแสดงว่าสื่อที่ถูกเลือกไปก็ถูกปิดปากนั้น ตนเองไม่ทราบว่าถูกปิดปากหรือไม่ แต่ว่าเราเห็นข้อมูลต่างๆ ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง รูปต่างๆที่เราเห็นก็เห็นว่ามีการเบลอหน้าทุกคน ทั้งเจ้าหน้าที่จีน มีเพียงเจ้าหน้าที่ไทยที่ไม่ต้องเบลอหน้า แล้วทำไมเราถึงไม่สามารถมองเห็นได้ ถ้าบอกว่าการเดินทางกลับไปในครั้งนี้ เป็นการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนในเรื่องผู้ลี้ภัย ทุกคน ณ ปัจจุบันนี้ จะไม่ใช่เหยื่ออีกต่อไป ทุกคนต้องกลับไปคืนสู่สังคมได้แล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปนี่เป็นสิ่งที่ยังค้างคาใจตนเองเช่นกัน

นายกัณวีร์ กล่าวอีกว่า ตอนแรกเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจเตรียมไว้ 3 เรื่อง คือ เรื่องชายแดนใต้ชายแดนไทยเมียนมา และเรื่องอุยกูร์ แต่ตอนนี้เห็นว่าเป็นประเด็นที่มีรายละเอียดเยอะ จึงจะมุ่งเน้นอภิปรายเรื่องอุยกูร์อย่างเดียวทั้งหมด 40 นาที นำหลักฐานทั้งหมดมาแสดงให้เห็น หลักฐานต่าง ๆ ที่บอกว่าเป็นจดหมายผิดซอง คลิปเสียง ภาพ ไทม์ไลน์ต่าง ๆ ออกมาว่ามันมีข้อกังขาอะไรบ้าง ที่ทำให้ไม่สามารถตอบอย่างชัดเจนได้

นายกัณวีร์ กล่าวถึงกรณีการโต้ว่าจดหมายที่ออกมาเปิดเผยนั้นไม่มีอยู่จริง ว่า ก็ไปถามคนเดียวสองคน ถ้าจะให้ 40 คนเขียน ก็ต้องเขียนคนละตัว เวลาไปถามคน ก็ไปถามคนที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ คนที่เขียนจดหมายก็ต้องเป็นคนที่รู้ภาษาอังกฤษดังนั้นคงจะถามผิดคนเช่นเดียวกัน

”ถ้าบอกผมจดหมายผิดซอง เขาก็ถามผิดคน“ นายกัณวีร์ กล่าว

นายกัณวีร์ ยืนยันในหลักฐานที่มีอยู่ และในอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีหลักฐานมากกว่านั้นอาจจะเป็นซีรี่ส์เลยเพื่อให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วเราต้องเปิดเผยตั้งแต่แรกว่าเกิดอะไรขึ้น

นายกัณวีร์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้นำศาสนาบอกว่ารัฐบาลจีนดูแลเป็นอย่างดี ว่า อันนั้นก็เป็นข้อมูลจากฝั่งของเขา ตอนนี้ตนเองยังไม่ได้รับทราบ “แต่ว่าลองดูดีๆ นะ ว่า 4 คนที่เห็น เวลากลับไปแปลกเนาะ เวลาเราไปเจอผู้หญิงพี่น้องมุสลิม เขาต้องมีการคลุมฮิญาบ เขาไม่สามารถที่จะไปแตะเนื้อต้องตัวผู้ชายได้ แต่ผมเห็นอยู่ดี ๆ จะมากอดพี่อ้วนผมได้ไง ในมุมของศาสนาก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องตั้งข้อสังเกต”

ส่วนที่ทางการจีนบอกว่าไม่ได้ปิดกั้นอะไรนั้นก็เป็นเรื่องภายในประเทศเขาซึ่งเราคงไม่ก้าวล่วงแต่สิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยซึ่งไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเช่นการส่งกลับเราต้องตอบคำถามให้ได้ทั้งเรื่องการต่างๆก็เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนอีกเรื่องหนึ่งแต่ที่เรากำลังพูดอยู่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับ การผลักดันกลับไปประเทศที่อาจเกิดการประหัตประหารได้เป็นสิ่งที่เราเกี่ยวข้องโดยตรงเพราะเรามีกฎหมายภายในประเทศและมีกฎหมายระหว่างประเทศที่เราให้สัตยาบันแต่เราไม่ปฏิบัติตามทางกฎหมายภายในและภายนอกประเทศจึงเป็นเรื่องผลกระทบพร้อมย้ำว่าเรื่องภายในประเทศของจีนก็เป็นเรื่องขององค์การระหว่างประเทศที่ต้องไปตรวจสอบอีกครั้งนึง

นายกัณวีร์ กล่าวถึงกรณีที่แฟนคลับพรรคการเมืองหนึ่ง ยื่นสอบจริยธรรมของตนเอง ว่า ตนเองพร้อม เพราะตอนนี้เป็นผู้แทนประชาชน เรามีกลไกตรวจสอบเรื่องจริยธรรม ให้เป็นไปตามกระบวนการ อยากให้ สส. พร้อมรับการตรวจสอบ เพราะเราก็ตรวจสอบคนอื่นเช่นเดียวกัน อย่างตนเองก็ตรวจสอบรัฐบาล ฝ่ายบริหาร เพราะฉะนั้น ใครอยากตรวจสอบสิ่งที่ตนเองทำก็เชิญ และยืนยันว่าจะแสดงความชัดเจน และความโปร่งใส และตนเองอยากเห็นกลไกการตอบสนองด้วยเช่นกัน สมมุติว่าการร้องต่าง ๆ เป็นเท็จ จะมีกลไกตรวจสอบกลับไปหรือไม่อย่างไร.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ชะตากรรมชาวตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านคลองลึก

สระแก้ว 25 มิ.ย. – เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านพรมแดนคลองลึก จากที่ต้องดิ้นรนค้าขายในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

EOD ทำลายระเบิดซุก จยย.จอดทิ้งหน้าอาคารสนามบินภูเก็ต

ภูเก็ต 25 มิ.ย. – ตำรวจชุด EOD ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยซุกระเบิด จอดทิ้งหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินภูเก็ต ล่าสุดยิงทำลายวัตถุระเบิดได้แล้ว อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ ยืนยันมีลูกเดียว ไม่มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต .-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือคนไทยออกจากอิสราเอล-อิหร่าน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือ-อำนวยความสะดวกคนไทยต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่าน เผยล่าสุดมี 73 คน ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน และ 18 คนจากอิสราเอลต้องการกลับไทย ขอคนที่อยู่ต่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุรัฐบาลได้เตรียมการดูแลพี่น้องคนไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่าน ในกรณีที่ต้องการเดินทางกลับไทย เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่านโดยรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ ในอิหร่าน มีคนไทยรวมประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานและนักศึกษา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ช่วยเหลือให้ไปพำนักชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Amol ในอิหร่านแล้ว 35 คน และอีก 4 คนไปที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Van ในตุรกี นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งประสานงานให้คนไทย 73 คนที่ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับฝ่ายอิหร่าน เพื่อให้เร่งออก exit visa ให้ ในส่วนของอิสราเอล มีคนไทยอยู่ประมาณ 40,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดตามสอบถามความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไปเยี่ยมเยียนด้วย ซึ่งในชั้นนี้ […]

นายกฯ เปิดประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ไร้ตัวแทนกัมพูชาร่วม

พัทยา 25 มิ.ย.-ไร้เงาตัวแทนกัมพูชา นายกฯ เปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ชมสาธิตวิธีการช่วยอากาศยานประสบภัยในทะเล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเชียน (ASEAN Coast Guard Forum 2025: ACF 2025) และการฝึกค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยในทะเล และการแพทย์ฉุกเฉินในทะเล ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2568 เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง มั่งคั่ง ในอาเซียน ณ โรงแรมฮิลตัน พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้สู่เมืองพัทยา และแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในพิธีเปิดเวทีความร่วมมืออันสำคัญของภูมิภาค ซึ่งเป็นเวทีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนมุมมอง และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความสำคัญของความมั่นคง และความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาค เนื่องจากท้องทะเลไม่เพียงเป็นเส้นทางการค้าสำคัญ […]