เพื่อไทยผุด 20 ขุนพล พิทักษ์ข้อบังคับประชุมสภาฯ

รัฐสภา 20 มี.ค.-“เพื่อไทย” ผุด 20 ขุนพล พิทักษ์ข้อบังคับประชุมสภาฯ​ “ประยุทธ์-หมอชลน่าน-สุทิน” นำทีม ย้ำ ไม่มีองครักษ์ “นายกฯ แพทองธาร” เหน็บ เพื่อนฝ่ายค้านบางคนกินยาผิดซอง ส่งสัญญาณสร้างความวุ่นวาย ยันไม่ผิดข้อบังคับไม่ประท้วง


สส.พรรคเพื่อไทย นำโดยนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ แถลงว่า จากที่มีการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ในสัปดาห์หน้า หนึ่งในประเด็นที่อยู่ในความสนใจคือเรื่ององค์รักษ์พิทักษ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ เราสบายๆไม่มีการตื่นตระหนก และเราทำหน้าที่ของทุกฝ่าย รวมถึงเคารพในการทำหน้าที่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน และเราจะไม่มีองครักษ์ แต่ทีมของเราชื่อว่าเป็นทีมพิทักษ์ข้อบังคับการประชุม ซึ่งไม่ได้เกิดมาเพราะจะไปประท้วงอะไร หากฝ่ายค้านอภิปรายตรงไปตรงมาทำงานด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน จะไม่มีใครลุกประท้วงและท่านจะได้อภิปรายอย่างสบายๆแน่นอน เพราะหากมีการประท้วงก็จะตัดเวลาของฝ่ายรัฐบาลออกไป เราเห็นว่าเวทีนี้เป็นเวทีแถลงผลงานของรัฐบาลเช่นกัน

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับทีมพิทักษ์ข้อบังคับการประชุมดังกล่าวจะมีที่ปรึกษาพิเศษนำโดย นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ ตนได้ตั้งข้อสังเกตว่า จนถึงวันนี้เราไม่มั่นใจว่าฝ่ายค้านอยากอภิปรายจริงหรือไม่ เพราะมีพฤติกรรมที่นำไปสู่การตั้งคำถาม เพราะหากคนที่อยากอภิปรายอะไรที่เป็นปัญหาเขาจะไม่ทำ แต่นี่เขาเลือกจะทำ เช่น การเอ่ยชื่อบุคคลภายนอก ทั้งที่ประธานสภาบอกว่าใส่ไม่ได้ และบอกให้แก้ก็ไม่แก้ มาแก้จนวินาทีสุดท้าย จึงตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้วฝ่ายค้านไม่ได้อยากอภิปราย เพียงแค่อยากสร้างคอนเทนต์และโปรโมทโฆษณาพรรคตนเอง เพื่อหวังผลไปสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่


“นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการพยายามทำผิดข้อบังคับ เพราะหลังๆ เพื่อนสมาชิกฝ่ายค้านบางคนซึ่งเป็นบุคคลที่ประชาชนเคยชื่นชม และเคยเห็นการทำงานของเขาอยากสร้างสรรค์ เหมือนเป็นการกินยาผิดซอง ตาขวางๆ ปูดๆ โปนๆ บางคนบอกว่าเป็นพฤติกรรมเถื่อน ถ่อย หยาบคายหรือไม่ ผิดไปจากท้วงทำนองแบบเดิม ที่เคยทำงานอย่างสร้างสรรค์ ดังนั้น เราจึงเฝ้าระวังและตั้งคำถามต่อด้วยว่าหรือไม่ต้องการอภิปราย แต่หวังมาสร้างความวุ่นวาย ซึ่งหากฝ่ายรัฐบาลเราประท้วงก็จะถูกตัดเวลาไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะไปสมวัตถุประสงค์ของเขาคือจากอภิปรายวันที่ 24-25 มี.ค. ก็จะไปอภิปรายต่อในวันที่ 26 มี.ค. วัตถุประสงค์คือสร้างคอนเทนต์หวังคะแนนหรือไม่ ดังนั้น หากพูดเป็นภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่าสิ่งที่ท่านคิด สิ่งที่ท่านหวัง ไม่ได้กินพวกเราหรอก เรารู้ได้ เราคิดทันท่าน ดังนั้น จึงเปิดตัวทีมพิทักษ์ข้อบังคับการประชุมพรรคเพื่อไทย โดยจะไม่มีการแบ่งเป็นชุดใดๆ ทุกคนพร้อมทำงานตลอด 24 ชม.” นายอนุสรณ์ กล่าว

เมื่อถามว่า หากการอภิปรายมีการพาดพิงชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะมีการประท้วงหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า “ชัดเจนครับ ทุกครั้งที่มีการประท้วงเราจะชี้ข้อบังคับชัดเจนว่าผิดข้อบังคับข้อใดและผิดอย่างไร อำนาจในการวินิจฉัยไม่ใช่อำนาจของพวกเรา เพียงแค่เราทำหน้าที่สื่อสารไปยังประธาน ทั้งนี้ ความรับผิดชอบทางการเมืองนั้นอยู่สูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมายคือทางการเมืองประชาชนดูอยู่แต่ทางกฎหมายอย่างที่ประธานบอกให้เปลี่ยนชื่อ เขาก็บอกว่าไม่เปลี่ยนหากจะมีการฟ้องก็ฟ้องเลย แต่ประเด็นคือเขาจะฟ้องประธานด้วย ดังนั้น ขอให้ใช้ความชอบธรรมทางด้านกฎหมายและความชอบธรรมทางการเมืองประกอบกัน ซึ่งนี่ไม่ได้ขู่ แต่เส้นแบ่งของการประพฤติผิดต่อการฝ่าฝืนจริยธรรม ฝ่าฝืนคุณธรรมทางการเมือง เราไม่ได้ทำหน้าที่ในการวินิจฉัย แต่เราทำหน้าที่ชี้ว่าการกระทำดังว่านั้น ขัดต่อการไม่เคารพหรือประมวลจริยธรรมของสส.หรือไม่ ”

ถามย้ำว่า หากผิดข้อบังคับจะประท้วงทันทีหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่เช่นนั้น แต่เราต้องดูว่าเนื้อหาที่เขาอภิปรายนั้นผิดข้อบังคับหรือไม่


เมื่อถามว่าอาจจะมีการตั้งข้อสังเกตว่าทีมพิทักษ์ข้อบังคับการประชุมนั้น เป็นการแสดงผลงานให้นายใหญ่เห็นหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจและไม่แน่ใจว่านายใหญ่หมายถึงใคร คนที่มาทั้งหมดเป็นสส. ซึ่งหากจะอภิปรายนายกรัฐมนตรีก็ต้องชี้ให้ชัดว่านายกรัฐมนตรีทำงานผิดพลาดเรื่องอะไร บริหารราชการแผ่นดิน นโยบายผิดพลาดอย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีคงลุกขึ้นชี้แจง ไม่มีความจำเป็นที่ชุดพิทักษ์ข้อบังคับจะลุกขึ้นมา ทั้งนี้ ท่านมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามแต่ไม่มีสิทธิ์ตัดสิน คนตัดสินคือประชาชน ส่วนจะผิดข้อบังคับหรือไม่คนตัดสินคือประธาน ย้ำว่าหากฝ่ายค้านไม่ฝ่าฝืนข้อบังคับจะไม่มีการประท้วง และทุกครั้งที่ลุดขึ้นประท้วงฝ่ายค้านต้องผิดข้อบังคับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทีมพิทักษ์ข้อบังคับการประชุมสภานั้นประกอบด้วย นายประยุทธ์ นพ.ชลน่าน นายสุทิน นายอนุสรณ์ ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม นายเทอดชาติ ชัยพงษ์ สส.เชียงราย น.ส.ชนก จันทาทอง สส.หนองคาย น.ส.นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีสะเกษ น.ส.สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส.อุบลราชธานี นายวรวงศ์ วรปัญญา สส.ลพบุรี นายรวี เล็กอุทัย สส.อุตรดิตถ์ นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี นายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ สส.ปทุมธานี นายวิรัช พิมมะนิตย์ สส.กาฬสินธ์ุ นายพลากร พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ นายพชร จันทรรวงทอง สส.นครราชสีมา และนายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]