“ภูมิธรรม” สรุปภารกิจเยี่ยมชาวอุยกูร์วันแรก ได้ผลลัพธ์มาก

จีน 20 มี.ค.-“ภูมิธรรม” สรุปภารกิจเยี่ยมชาวอุยกูร์วันแรก ได้ผลลัพธ์มาก มั่นใจผู้นำระดับจีนให้คำมั่นไทย แจงเหตุเบลอหน้าเป็นสิทธิส่วนตัว-มนุษยชน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวสรุปภาพรวมวันแรกของการเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับจีน ว่า เมื่อวานนี้ลงจากเครื่องบินก็ทำงาน ซึ่งแต่ละจุดที่ไปก็เดินทางลำบาก เพราะบ้านของแต่ละคนอยู่ห่างไกลกัน แยกไป 3 เมืองใหญ่ของคานซือ ซึ่งอยู่ในมณฑลซินเจียง ห่างกัน 400-500 กิโลเมตร อย่างวันนี้ที่จะไปเยี่ยมชาวอุยกูร์อีก ก็ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 5-6 ชั่วโมง เพราะมณฑลซินเจียงใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า และภูมิประเทศเป็นภูเขา เป็นทะเลทราย เมื่อวานนี้ถือว่าได้งานมากพอสมควร โดยเฉพาะคนที่อยู่โรงพยาบาลเป็นคนสุดท้ายที่ได้ขึ้นเครื่องบินกลับ ด้วยการหามเปลขึ้นเครื่อง ซึ่งเขามีอาการเจ็บไข้ทางปอดและผิวหนัง จากการที่ตนได้คุยกับแพทย์ก็ได้รับคำยืนยันว่าสภาพร่างกายตอนนี้ดีขึ้นแล้ว พลิกตัวได้มากขึ้น


นายภูมิธรรม ยังได้กล่าวขอโทประชาชนคนไทยด้วย ที่ดูข่าวแล้วเห็นการเบลอหน้าของชาวอุยกูร์ เพราะจากการที่เราได้พูดคุยกับชาวอุยกูร์และทางการจีน เขาขอความร่วมมือให้เบลอหน้าเวลานำเสนอข่าว แต่สื่อที่มาทำข่าวได้เห็นหน้าจริงๆ ได้เปรียบเทียบว่าเป็นคนที่อยู่ในเครือข่ายและมีชื่อถูกส่งมาจริงหรือไม่ ทั้งนี้ตนได้สอบถามเหตุผลในการเบลอหน้าซึ่งบางคนก็บอกว่า เพราะบางคนไม่สบายใจ เนื่องจากกลับมาแล้วก็ได้ชีวิตใหม่แล้ว เพราะฉะนั้นอยากอยู่อย่างสงบ ไม่อยากเป็นบุคคลที่ถูกจับตามองจากสาธารณะ ซึ่งเราเข้าใจความรู้สึก อีกทั้งบางคนเคยถูกชักจูงจากกลุ่มมุสลิมที่ต้องการเปลี่ยนแปลง เขาก็กลัวว่าถ้ากลับมาแล้ว ก็ไม่อยากไปแตะหรือเกี่ยวข้องอีก จึงยินดีให้เราสัมภาษณ์แต่ขอให้เขาได้ใช้ชีวิตส่วนตัว ซึ่งถือเป็นหลักสิทธิมนุษยชน และสิทธิส่วนตัว ที่พวกเขาสามารถทำได้

“ผมว่าเรื่องนี้ไม่ควรมีใครหยิบเป็นประเด็นขึ้นมา เพื่อมาด้อยค่าความเป็นจริง เราต้องอยู่กับความเป็นจริง และการที่เราเชิญสื่อมวลชนมา ก็เป็นสื่อจากช่องต่างๆที่มียอดคนดูคนติดตามจำนวนมากเพราะเราต้องการให้เรื่องนี้เป็นที่รับรู้ของคนในประเทศได้มาก จะเห็นว่าเครือใหญ่ๆ ที่มียอดขายหรือคนติดตามเป็นที่นิยม เราก็เชิญมาทั้งหมด ทั้งเนชั่น ช่อง3 NBT เครือมติชน เครือไทยรัฐ เราเชิญหมด ถ้าดูในรายชื่อก็จะทราบว่าเราไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง ซี่งทุกคนที่มาได้เห็นความจริง และได้เจอความเป็นจริงทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้นลงจากรถก็ได้พบพร้อมๆ กัน”นายภูมิธรรม กล่าว


ส่วนเกณฑ์การเลือกครอบครัวที่ไปพบ เป็นอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า มี 2 อย่างคือ 1.ขอพบกับ 40 คนที่เราส่งกลับเป็นกลุ่มหลัก 2.ถ้าเป็นไปได้ก็อยากพบกับคนที่กลับมาในช่วงปี 2558 ซึ่งถ้าเราได้เจอทั้งสองส่วนเราก็สบายใจขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ติดตาม ส่วนเกณฑ์อื่นไม่มี

“ที่สำคัญคือเขาต้องสมัครใจ เราไม่มีสิทธิละเมิดสิทธเขา เรามาไม่ใช่มาเยี่ยมผู้ต้องหา แต่เรามาเยี่ยมเยียนถามสารทุกข์สุกดิบ ถ้าพูดกันตามหลักเรื่องนี้จบตั้งแต่เขาขึ้นเครื่องบินของประเทศจีนกลับแล้ว ซึ่งเป็นอำนาจอธิปไตยของประเทศเขา ภารกิจของไทยจบแล้ว แต่เราไม่ได้มีภารกิจเพื่อทำแค่นี้ เพราะยังคงมีความกังวลใจต่างๆ ตั้งแต่เราเริ่มต้นตัดสินใจ ซึ่งก็ยากลำบากเพราะเกี่ยวพันกับหลายส่วน และมีมุมมองที่แตกต่างกัน เราต้องเลือกทางที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากที่สุด และเรารู้ว่ายังมีคนห่วงใย เราจึงพยายามเชิญสื่อทุกส่วนมาเห็นจริงๆ ก็ถือว่าจีนอำนวยความสะดวกเยอะ ซึ่งสื่อก็เป็นพยานได้ เดิมขอแค่ 5 คน เพราะเหตุผลในบ้านเขามันคับแคบ ตนจึงบอกว่าถ้าเชิญมาจากประเทศไทยแล้วไม่ให้เข้าไปดู ให้เข้าแค่ 2 คน มันคงไม่ได้ แต่ละช่องไม่เหมือนกัน แม้จะเป็นตัวแทนพูล จึงต้องให้สลับกันเข้าไป”

นายภูมิธรรม ย้ำว่า เราเปิดกว้าง หากใครคิดว่ามีการจัดฉาก ก็ไปหาล่ามมานั่งดูได้ หรือถ้าคิดว่าจะเอาเรื่องนี้เป็นประเด็นหลัก ก็พิสูจน์ได้ทั้งหมด เพราะเราทำครั้งนี้เราโปร่งใสหมด ส่วนการแสดงความรู้สึกมันห้ามไม่ได้ เขาไม่ใช่ดาราฮอลลีวูด บอกให้ร้องไห้ก็ร้องได้เลย อันนี้มาถึงเขาน้ำตาซึม น้ำตาคลอ พอถามว่าดีใจไหม หรือรู้สึกอย่างไร น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างที่เห็น ตนแตะมือเขาเบา แต่เขาบีบมือแน่น แม้กระทั่งผู้หญิงที่เป็นพี่สาว ก็บีบมือตน ซึ่งเป็นการแสดงออกได้ชัดเจนจริงๆ แทบไม่ต้องอธิบายอะไรเลย ดูภาพ ฟังเสียง ดูสายตา ดูอารมณ์ความรู้สึก ภาพมันตอบทั้งหมด และเป็นภาพที่เกิดขึ้นจากความจริง ตอบได้ง่ายกว่า และพวกเขาไม่ใช่ดาราหนังไทย หรือดาราซีรีย์ฮอลีวูด เพราะฉะนั้นดูแล้ววิเคราะห์เอา พร้อมขอให้สื่อบางส่วนใจกว้างขึ้นหน่อย ตนให้ความสำคัญกับประชาชนมากที่สุด ดูแล้วก็ตัดสินใจได้


สำหรับผลลัพธ์จากการพูดคุย ยิ่งตอกย้ำหรือไม่ว่าเป็นการตัดสินใจถูกต้อง ในการส่งตัวกลับมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดิมตนคิดว่า ได้ตัดสินใจกับคณะที่เกี่ยวข้อง เราพยายามทำดีที่สุดแล้ว ถ้าพูดตามตรงเราไม่อาจรับประกันใครได้ 100% เพราะไม่ใช่ตัวเรา แต่เรามั่นใจในจีน ถือว่าสิ่งที่เขาให้คำมั่นกับเราตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรี หรือผู้นำระดับสูงของเขา ก็ให้คำมั่นกับนายกรัฐมนตรีไทย ว่าไม่ต้องห่วง เขาจะดูแลอย่างดี นี่คือผู้นำระดับโลก ก็ควรรับฟังได้ และเราไม่ได้ปล่อยผ่านในรายละเอียด ขอให้เขาออกแถลงข่าวยืนยัน ซึ่งเขาก็ออกหนังสือสำคัญทางการทูตที่ทั่วโลกรับรองมาว่า เขาจะมารับและดูแลสุขภาพคนเหล่านี้ และก็หางานให้ทำ แต่ก็ยังมีคนตั้งคำถามอีก เราจึงให้คนตามไปทั้ง สมช. และทูตไทย และครั้งนี้ตนก็เดินทางมาเอง ในระดับรองนายกรัฐมนตรี และยังมีรัฐมนตรียุติธรรม พร้อมกับสื่อมวลชนอย่างอิสระ

“อย่ารู้สึกว่าทุกคนต้องได้มา เพราะความเป็นจริงที่เราทำงานกันมา ก็รู้อยู่แล้วว่าไปต่างประเทศเราไม่ได้ไปทุกคน อย่างสมัยที่นายกรัฐมนตรีไป ก็ให้คณะเดียว แล้วทำพูลส่งให้ทุกคน ทุกคนก็รู้หมด ไม่ว่าคนประท้วงหรือไม่ประท้วง และมาคราวนี้ก็ถือว่าผมให้เกินหลักการที่เคยทำเ นำทั้งสื่อของรัฐและเอกชนมา ซึ่งเราพยายามทำทุกอย่างแล้วใครที่ไม่ได้มาครั้งนี้ โอกาสไปประเทศอื่นก็ยังมี อย่าใช้ตรงนี้เป็นเหตุที่ทำให้รู้สึกว่า ไม่ได้ทำหน้าที่ เพราะเพื่อนๆก็มาทำหน้าที่ให้แล้ว อย่าให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาติดใจ มาทำให้เกิดความไขว้เขว เพราะเป็นเรื่องของประเทศชาติ เป็นเรื่องความเชื่อมั่นของประเทศของไทย ปลดล็อคภาระทั้งหมดที่เราแบกมากกว่า 10 ปี”

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ตนก็ได้ขอโทษบางคนด้วยใจจริง เพราะเรารู้สึกว่าเขามีโทษหลบหนีเข้าเมืองแค่ไม่เกิน 2 ปี หรือบางคนก็ 3 เดือน แต่นี่มันหนัก เราจึงรู้สึกและขอโทษที่ทำให้ต้องอยู่ในประเทศของเรา 10 กว่าปี และดีใจแทนที่เขาได้กลับบ้าน ซึ่งตนเห็นแล้วก็สบายใจ เชื่อว่าสิ่งที่ตนและทีมไทยที่จัดการทั้งหมด ก็ฝากประชาชนเป็นคนตัดสินจากความเป็นจริงที่เรานำเสนอโดยสื่อของไทยทุกสื่อ

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ว่าการเยี่ยมครั้งต่อไปจะใช้ระบบซูม นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราต้องเคารพอธิปไตยของจีน เราบอกและเสนอเขาได้ ถ้าเขาอนุมัติก็โอเค แต่ต้องยอมรับว่าคนที่จะมาออกสื่อ ก็อึดอัดใจเหมือนกัน เพราะเขาผ่านอะไรร้ายๆมาแล้ว ก็อยากใช้ชีวิตปกติกับครอบครัว บางทีการที่เราเอาเขามาออกสู่สาธารณะ แล้วซักถามเหมือนเขาเป็นนักโทษ เราก็คงต้องคิดในแง่ของมนุษยธรรมด้วย เพราะเขาก็เป็นคนเหมือนกัน เขาควรตัดสินใจ ไม่ใช่ให้คนอื่นตัดสินใจหรือกำหนดอนาคตให้ เจาต้องมาตอบคำถามอย่างกับเป็นจำเลยของสังคม มันไม่ใช่.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]