เตือน “โรคหลอดเลือดสมอง” คร่าชีวิตคนไทยสูงเป็นอันดับ 2

ทำเนียบ 20 มี.ค.-เตือนประชาชนระวัง “โรคหลอดเลือดสมอง” คร่าชีวิตคนไทยสูงกว่า 39,086 คน เป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็ง แนะมุ่งสร้างศักยภาพชุมชนเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพ ด้วยแนวทาง “ป้องกันดีกว่ารักษา”

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข รายงานข้อมูลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ปี 2567 ของระบบรายงานฐานข้อมูลสุขภาพ (HDC) พบว่า โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของคนไทยสูงเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็ง พบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองสะสม 358,062 คน และเสียชีวิต 39,086 คน ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ป่วยและเสียชีวิตสูงสุด โดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่น ในปี 2563 – 2565 พบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองรายใหม่กว่า 2,000 คนต่อปี


นายคารม กล่าวว่า รัฐบาล โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้มุ่งสร้างศักยภาพชุมชนเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพ ด้วยแนวทาง “ป้องกันดีกว่ารักษา” เพื่อลดภาระด้านสาธารณสุข และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว จากความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคีเครือข่าย ซึ่งจากการดำเนินโครงการ “ชุมชนลดเสี่ยง ห่างไกลโรคหลอดเลือดสมอง บ้านกุดโง้ง หมู่ 3” ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา มุ่งเน้นพลังชุมชนขับเคลื่อนสุขภาวะด้วยองค์ความรู้ สร้างการมีส่วนร่วม และพัฒนากลไกที่ยั่งยืนเพื่อป้องกันโรค NCDs โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ส่งผลให้กลุ่มผู้ป่วยในชุมชนบ้านกุดโง้งสามารถควบคุมค่าความดันโลหิตเพิ่มขึ้นจาก 16 คน เพิ่มเป็น 36 คน สะท้อนผลลัพธ์เชิงประจักษ์ภายใน 90 วัน สำหรับปัจจัยที่ทำให้โครงการประสบความสำเร็จมี 5 ประเด็น คือ 1.สำรวจข้อมูลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง 2.ส่งเสริมให้ประชาชนปรับพฤติกรรมสุขภาพ 3.อบรมให้ความรู้ 4.สร้างพันธสัญญา 90 วันเพื่อสุขภาพดี ลดการบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม เพิ่มการมีกิจกรรมทางกาย และลดปัจจัยเสี่ยงอย่างบุหรี่และสุรา ผ่าน “ข้อตกลงร่วมของชุมชน” เช่น ทุกครัวเรือนปลูกผักกินเอง กิจกรรมออกกำลังกายประจำสัปดาห์ งานบุญปลอดเหล้า และ 5.เฝ้าระวังประเมินพฤติกรรมสุขภาพ ซึ่งเป็นการสร้างวัฒนธรรมสุขภาพที่ดีให้กับชุมชนในระยะยาว

“รัฐบาล มุ่งพัฒนาศักยภาพภาคีให้ได้เรียนรู้แนวทางการกระจายโอกาสการสร้างเสริมสุขภาพ ให้เกิดผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพและปัจจัยสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน เกิดการรวมกลุ่มในชุมชนที่เข้มแข็ง รวมถึงข้อตกลงของชุมชน เพื่อลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง มุ่งเป้าสร้างการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางกายภาพ และยกระดับเป็นชุมชนต้นแบบต่อไป” นายคารม กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนเฝ้า​ระวัง​พายุฤดูร้อน กระทบ​ 53 จังหวัด​

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 7 เตือนเฝ้า​ระวัง​พายุฤดูร้อน​ พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก มีผลกระทบ​ 53 จังหวัด​ ระหว่าง​ 29​ มี.ค.-1 เม.ย.68​

ความเสียหายแผ่นดินไหว

ปภ. เผยพบความเสียหาย​จาก​แผ่นดินไหว​ 11​ จังหวัด

อธิบดี​กรม​ ปภ. ระบุ​ได้รับรายงาน​ความเสียหาย​จาก​แผ่นดินไหว​ 11​ จังหวัด​ ส่วนเหตุ​อาคารถล่มในกทม.​ มีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เสียชีวิตแล้ว 8 ราย และสูญหายอีก 101 ราย​ ทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (USAR) ของ​ปภ.​ ยัง​คงสนับสนุน​ทีมกู้ภัย​ของ กทม.​ ค้นหาและช่วย​เหลือ​ผู้​ได้รับบาดเจ็บ​เต็มกำลัง

แผ่นดินไหว

กรมทรัพยากรธรณี แถลงสถานการณ์แผ่นดินไหว 8.2 ที่เมียนมา

กรมทรัพยากรธรณี 28 มี.ค. – กรมทรัพยากรธรณี แถลงสถานการณ์แผ่นดินไหว 8.2 รอยเลื่อนสะกาย ประเทศเมียนมา 28 มีนาคม 2568 นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วยนายสุวภาคย์ อิ่มสมุทร รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ในฐานะโฆษกกรมทรัพยากรธรณี นายวีระชาติ วิเวกวิน นักธรณีวิทยาชำนาญการพิเศษ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าสถานการณ์แผ่นดินไหวรอยเลื่อนสะกาย บนบกขนาด 8.2 ที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร และมีแผ่นดินไหวตามมา (After Shock) มีขนาด 2.8 – 7.1 จำนวน 27 ครั้ง (ข้อมูล ณ เวลา 18.48 น.) (ที่มา : USGS กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมทรัพยากรธรณี) สาเหตุเกิดจากรอยเลื่อนสะกาย รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเป็นบริเวณกว้าง และสร้างความเสียหายจำนวนมาก ทั้งในประเทศเมียนมาและในประเทศไทย นายพิชิต กล่าวว่า จากสถานการณ์แผ่นดินไหวบนบกในครั้งนี้ […]