กกต.ติวเข้มวิทยากรจังหวัด เตรียมรับเลือกตั้งเทศบาล

กรุงเทพฯ 19 มี.ค.-กกต.ติวเข้มวิทยากรจังหวัด เตรียมรับเลือกตั้งเทศบาล ปธ.กกต. ขอให้กำชับ กปน.จัดเลือกตั้งเป็นกลาง เตรียมแผนเผชิญเหตุหากเกิดพายุ ไม่ตั้ง กปน.เครือญาติผู้สมัคร

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานในพิธีเปิด การอบรมวิทยากรจังหวัดเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ครั้งที่ 2 สำหรับการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล เพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ การถ่ายทอดให้ความรู้และกำกับดูแลบุคลากรภายนอกที่ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ช่วยปฏิบัติงานการเลือกตั้งได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งนำปัญหาและอุปสรรคที่เกิดจากการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมาหาแนวทางแก้ไขและวางมาตรการป้องกันข้อผิดพลาด อาจจะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งเทศบาล เพื่อให้วิทยากรใช้เป็นแนวทางฝึกอบรมให้แก่เจ้าพนักงานผู้จัดการเลือกตั้งไปสำรวจเลือกตั้งหรือกปนให้มีความรู้ความเข้าใจในภารกิจที่ต้องปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยอมรับของประชาชน รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์คดีของ กกต.ในอนาคต


นายอิทธิพรกล่าวว่าการฝึกอบรมเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นไปโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย ถึงจัดอบรมวิทยากรทั่วประเทศ โดยมีวิทยากรจังหวัด 411 คน ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่น และสามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่วิทยากรอำเภอและเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติงานเลือกตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างครบถ้วนถูกต้อง พร้อมรองรับการจัดการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลที่จะมีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะจัดมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งมีการจัดทำคู่มือเพื่อให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

นายอิทธิพร กล่าวอีกว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมา กกต.ได้มีเวลาในการฝึกฝนทักษะ ความรู้ประสบการณ์ ถอดบทเรียนและหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้ก็หวังว่าจะทำให้การทำหน้าที่ของ กปน.มีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำหน้าที่ด้วยความมั่นใจ ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่มีความสำคัญ จึงขอให้วิทยากรจังหวัดนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดให้กับ กปน.ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงถ่ายทอดสาระสำคัญแถลงการณ์ของกกต.เรื่อง กปน.หัวใจแห่งความสำเร็จของการเลือกตั้งของประชาชน ให้ กปน.ได้รับทราบว่า กปน.คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย เป็นที่ยอมรับของสาธารณชน เพราะนโยบายของ กกต. หรือกฎหมายระเบียบต่างๆ ที่ได้วางไว้ผลสุดท้ายภาระจะต้องตกอยู่กับความรับผิดชอบของ กปน. ที่จะต้องเข้ามาช่วยในวันเลือกตั้ง ทุกคนก็รู้ว่าภาระหนักจะเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ ที่จะต้องตรวจจำนวนบัตรเลือกตั้ง ส่วนวันเเลือกตั้งวันอาทิตย์ กปน.จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 05.00 น. จนถึงประมาณ 20.00น. หรือจนกว่าการปฏิบัติหน้าที่จะแล้วเสร็จ


สำหรับสถิติคำร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของกปน. ในการเลือกตั้ง เริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไป หรือการเลือกตั้งสส.ปี 2562 มีจำนวนเรื่องร้องเรียนกปน. 111 เรื่อง แต่พอปี 2566 เหลือ 17 เรื่อง ส่วนการเลือกตั้ง นายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปี 2563 มี 86 เรื่อง เลือกตั้งอบจ.ปี 2568 เหลือเพียง 11 เรื่อง ชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเขา ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น ทำให้คดีในการเลือกตั้งลดลง ส่วนการเลือกตั้งเทศบาล 2564 มี 172 เรื่อง เลือกตั้งอบต 2564 มี 388 เรื่อง อย่างไรก็ตามขอให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปขอให้คำร้องต่ำกว่าเดิม ถ้าไม่มีได้ยิ่งดี

นายอิทธิพร ยังขอให้วิทยากรจังหวัดไปกำชับ กปน.ในเรื่องการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามระเบียบ กกต. และกฎหมาย ใน 4 ด้าน คือการจัดหน่วยเลือกตั้ง คูหาจะต้องมีที่ปิดทึบมีที่ปิดบังมิดชิดไม่เห็นถึงหารลงคะแนน เพราะจากการที่ตนได้ลงพื้นที่ตรวจ หน่วยเลือกตั้งในการเลือกตั้งอบจ. ครั้งที่ผ่านมาจ.ที่เชียงใหม่ พบว่ามีหน่วยเลือกตั้งมากกว่าครึ่งไม่มีที่ปิดบังด้านข้าง เนื่องจากวัสดุอุปกรณ์ไม่เพียงพอ จึงขอให้กำชับกปน.หาที่ปิดบังให้ครบถ้วนเนื่องจากการลงคะแนนจะต้องเป็นไปโดยลับ มีการตรวจสอบอุปกรณ์ให้มีความมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัย โดยเฉพาะเต็นท์เลือกตั้ง ต้องมีความปลอดภัย สำหรับการเลือกตั้งในฤดูฝน บางหน่วยอาจเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง จะต้องมีแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดลมแรงบัตรเลือกตั้งปลิวหาย แผ่นปิดประกาศหน้าหน่วยปลิวหาย และที่สำคัญต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานด้วย

ส่วนการกำหนดพื้นที่เลือกตั้งอยากให้ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเทศบาล ให้กระจายพื้นที่เลือกตั้งออกจากกันอย่าติดหลายๆหน่วย และหน่วยเลือกตั้งควรหลีกเลี่ยงบนทางเท้า และถนน ควรหลีกเลี่ยง เพราะเป็นทางสาธารณะเกิดอุบัติเหตุง่าย แต่ควรจัดสถานที่ที่มีความกว้างเพียงพอเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน สุดท้ายขอกำชับเจ้าหน้าที่ กปน. แนะนำควรจัดพื้นที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุผู้พิการหรือผู้ทศพลภาพ ในการมาใช้สิทธิ การจัดหน่วยเลือกตั้งควรหลีกเลี่ยงที่จะต้องขึ้นบันไดหลายๆขั้น และต้องนำทางลาดมารองรับเพื่ออำนวยความสะดวก ให้กับผู้สูงอายุหรือผู้ทุพพลภาพ ถ้าไม่มีวัสดุอุปกรณ์ก็ขอให้ ติดต่อสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจำจังหวัด เพื่อขอยืมวัสดุอุปกรณ์ในการโดยความสะดวก รวมทั้งประสานงานอสม. เพื่อปฐมพยาบาลให้กับผู้ใช้สิทธิและผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งหน้าหน่วยและในคูหาเลือกตั้งขอให้มีการติดประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เอกสารตัวอย่างบัตรดีบัตรเสีย ให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและลดจำนวนบัตรเสีย
ขณะที่การทักท้วงขอให้ทักท้วงระหว่างการนับคะแนน และให้ กปน.ต้องกรอกแบบทักท้วงและบันทึกในสมุดบันทึกเหตุการณ์ เพื่อแสดงความบริสุทธิว่า กปนได้ปฏิบัติตามขั้นตอน และการแต่งตั้ง กปน.จะต้องแต่งตั้งคนที่มีความเป็นกลางทางการเมือง หลีกเลี่ยงคนที่มีความสัมพันธ์เครือญาติกับผู้สมัคร ย้ำว่าการนับคะแนนการเลือกตั้ง ให้นับช้าๆชัดๆเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการนับคะแนน และขอให้กปน. ศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการออกเสียงลงคะแนนด้วย


จากนั้นนายอิทธิพร ได้มอบโล่รางวัลเกียรติยศการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่มีการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ประชาสัมพันธ์ให้คนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งและรับทราบถึงขั้นตอนวิธีการต่างๆในการเลือกตั้งเพื่อลดจำนวนบัตรเสีย และส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีงามของคณะกรรมการการเลือกตั้งและสำนักงาน.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]